ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 13 ไปเขตอำเภอ
ตอนที่ 13 ไปเขตอำเภอ
ตอนที่ 13 ไปเขตอำเภอ
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินสิ่งที่ซุนฮุ่ยหงเอ่ย เขาก็ตอบรับทันที
เป็นเรื่องจริงที่ครอบครัวของพวกเขาละเลย ในตอนแรกครอบครัวของเขาไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ นอกจากต้องรีบจัดงานแต่งอย่างเร่งรีบแล้วก็ไม่มีเวลาอะไรให้จัดเตรียมของเลย จึงทำให้มันกลายเป็นงานที่เรียบง่าย และในตอนนี้ซุนฮุ่ยหงได้เอ่ยปากเตือนขึ้นมาแล้ว เขาจึงรู้สึกละอายใจต่อฉินมู่หลานนิดหน่อย
ฉินมู่หลานไม่ค่อยรู้เรื่องของงานแต่งพวกนั้นสักเท่าใด เธอเองก็เพิ่งรู้วันนี้ว่าทางบ้านเจ้าบ่าวจะต้องจัดเตรียมเสื้อผ้าใหม่ให้กับทางเจ้าสาวเมื่อแต่งงานกัน
แต่เมื่อนึกถึงรูปร่างหน้าตาแสนอวบอ้วนของตน ก็รู้สึกว่าไม่ต้องซื้อมันจะดีเสียกว่า หากจะซื้อจริงก็ควรรอให้น้ำหนักเธอลดเสียก่อน
“ไม่….”
ฉินมู่หลานยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อ ซูหว่านอี๋ก็แทรกขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี งานแต่งจัดแบบกะทันหันเลยเตรียมของช้าไปสักหน่อย มู่หลานของพวกเราก็ยังไม่มีเสื้อผ้าใหม่จริง ๆ นั่นแหละ ตอนนี้เจ๋อหลี่ก็รับปากแล้ว ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ทั้งสองคนก็ไปหาซื้อมันละกันนะ”
ฉินมู่หลานหันมองซูหว่านอี๋เมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่แล้วหลังจากนั้นเธอก็สังเกตเห็นว่าซูหว่านอี๋กำลังขยิบตาให้ เมื่อเห็นดังนั้นแล้ว ฉินมู่หลานจึงไม่เอ่ยพูดสิ่งใดอีก
เมื่อซุนฮุ่ยหงเห็นว่าซูหว่านอี๋เอ่ยปัดไปแล้ว และเซี่ยเจ๋อหลี่เองก็จะไปซื้อเสื้อผ้าให้ฉินมู่หลานพรุ่งนี้ด้วย หล่อนจึงหยุดพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วส่งยิ้มให้กับมู่หลานพลางเอ่ยขึ้นว่า “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เธอก็เลือกดี ๆ นะ เลือกซื้อเสื้อผ้าตัวที่สวย ๆ”
ฉินมู่หลานที่เห็นใบหน้ายิ้มแย้มของซุนฮุ่ยหงก็ถึงกับขมวดคิ้วสงสัยนิดหน่อย
ป้าสะใภ้ใหญ่คนนี้ดูรับมือไม่ง่ายเลย จากสีหน้าของหล่อนที่ดูยิ้มแย้ม อันที่จริงอาจเป็นกับดักที่วางเอาไว้ หากไม่ทันระวังอาจตกเข้าไปอยู่ท่ามกลางมรสุมได้ ไม่รู้ว่าเจ้าของร่างเดิมจะคิดเห็นว่าอย่างไร แต่จากความทรงจำที่ได้เห็นที่มีต่อป้าสะใภ้ใหญ่คนนี้ รู้สึกหล่อนจะมองว่าเป็นคนดีมากสำหรับหล่อนทีเดียว
“ป้าสะใภ้ใหญ่วางใจเถอะค่ะ หนูจะเลือกอย่างดีแน่นอน”
ซูหว่านอี๋แต่งเข้ามาเป็นสะใภ้อยู่กับซุนฮุ่ยหงหลายปีแล้ว นอกจากนี้ยังแอบรู้มาว่าพี่สะใภ้คนนี้ดูจะไม่ค่อยชอบพ่อตาและแม่สามีของตัวเองสักเท่าใดยามที่พวกท่านคอยเอ็นดูมู่หลานอยู่ตลอด แต่หล่อนไม่เคยคิดเลยว่าพี่สะใภ้ของตนจะพยายามสร้างความบาดหมางระหว่างมู่หลานและตระกูลเซี่ยต่อหน้าเซี่ยเจ๋อหลี่เช่นนี้
เมื่อนึกได้ว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ยังอยู่ตรงนั้น หล่อนจึงไม่ได้พูดอะไรอีก ด้วยความที่กลัวว่าทุกคนอาจรู้สึกไม่ดี ถึงแม้ว่าจะมีบางอย่างที่อยากจะพูดก็ตาม แต่ก็จะรอจนกว่าลูกสาวและลูกเขยจะไปจากที่นี่เสียก่อน
หลังจากกินอาหารเสร็จเรียบร้อย ซูหว่านอี๋ก็สบโอกาสพูดคุยกับลูกสาวเป็นการส่วนตัว
“มู่หลาน แม่รู้นะว่าลูกชอบเซี่ยเจ๋อหลี่มาก แต่ถึงจะชอบเขามากแค่ไหน ลูกก็ไม่ควรยอมให้ตัวเองตกต่ำแบบนี้ไปตลอด ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป ความสัมพันธ์ของลูกทั้งสองคนอาจจะไม่ดีแน่ พรุ่งนี้ลูกก็แค่ไปซื้อเสื้อผ้ากับเซี่ยเจ๋อหลี่ก็พอ แล้วก็ซื้อให้มากกว่าสองตัวด้วย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานรู้สึกได้ว่าซูหว่านอี๋ใส่ใจเรื่องของเธออยู่ตลอด จึงไม่พูดตรง ๆ
“แม่ ที่ตอนแรกหนูยังไม่อยากซื้อเพราะว่าตอนนี้หนูอ้วนเกินไป หนูอยากรอให้ลดน้ำหนักลงก่อนแล้วค่อยไปซื้อ ถ้าหากว่าซื้อตอนนี้เลยแล้วต่อไปหนูน้ำหนักลดลงก็คงจะใส่มันไม่ได้อีก”
ซูหว่านอี๋ไม่เคยคิดมาก่อนว่าลูกสาวจะไม่ชอบตัวเองตอนอ้วนท้วม
“มู่หลาน ลูกพูดอะไรเนี่ย ลูกสวยมากแล้วนะ ใคร ๆ ต่างก็ชอบรูปร่างแบบนี้เพราะดูโชคดี แล้วลูกยังจะอยากลดน้ำหนักอีกเหรอ” คนผอมแห้งมีอยู่เยอะมาก และพวกนั้นไม่เห็นจะดูดีเท่าลูกสาวเลยสักนิด
ฉินมู่หลานรู้ดีว่าผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนต่างชอบรูปลักษณ์แบบนี้ แต่เธอกลับรู้สึกหายใจไม่ค่อยทันเมื่อตอนที่ต้องลุกเดินนาน ๆ จึงไม่สามารถทนเป็นเช่นนี้ได้อีกต่อไป
“แม่คะ อ้วนเกินไปไม่ดีนะ อาจจะมีปัญหาทั้งมากน้อยหลายตามมาด้วย หากมองถึงเรื่องสุขภาพเป็นหลัก หนูต้องลดน้ำหนักลงสักหน่อย”
เมื่อซูหว่านอี๋ได้ยินเช่นนั้น หล่อนก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย “มันไม่ดีต่อสุขภาพจริงเหรอ?”
“ใช่ค่ะ ตอนนี้หนูรู้ชัดเจนแล้ว แล้วก็รู้อะไรอีกมากมายเลยด้วย”
ตอนนี้ ซูหว่านอี๋เริ่มปักใจเชื่อบ้างแล้ว แถมยังเอ่ยตอบกลับมาด้วยว่า “ถ้าอย่างนั้นที่เมื่อตอนเที่ยงลูกกินน้อย ก็เพื่อที่จะลดน้ำหนักอย่างนั้นเหรอ?”
ฉินมู่หลานไม่ได้ตอบกลับตรง ๆ เพีนงแค่พยักหน้าเท่านั้น
ซูหว่านอี๋อ้าปากค้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น ไม่มีคำพูดใดเอื้อนเอ่ยออกมาจากปากอีก แต่กลับพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องการซื้อเสื้อผ้าในวันพรุ่งนี้แทน “ถ้าลูกกลัวว่าจะใส่เสื้อผ้าไม่ได้หลังจากไปซื้อมาแล้ว ลูกก็ซื้อแค่ผ้ามาก็ได้ รอน้ำหนักลด แล้วค่อยตัดชุดใหม่”
ฉินมู่หลานไม่เคยนึกถึงวิธีการมาก่อนเลย เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่านอี๋ เธอจึงหยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะเอ่ย “แบบนี้ก็ได้ค่ะ”
หลังจากที่ทั้งสองกลับบ้าน ฉินมู่หลานก็บอกเรื่องซื้อเสื้อผ้ากับเซี่ยเจ๋อหลี่
เนื่องจากว่าการซื้อเสื้อผ้าครั้งนี้เป็นการซื้อให้มู่หลาน แน่นอนว่าเธอต้องสามารถเลือกในสิ่งที่เธอต้องการได้ “แล้วแต่คุณเลย”
หลังจากที่ทั้งสองกลับมาถึงบ้าน เหยาจิ้งจือที่รู้เรื่องนี้ก็ต้องรู้สึกผิดไปตามกัน
“มู่หลาน เป็นเพราะพวกเราไม่ได้จัดเตรียมเอาไว้ก่อน เอาไว้พรุ่งนี้เธอกับอาหลี่ก็ออกไปซื้อที่ตัวอำเภอเสียนะ ที่นั่นน่าจะมีผ้าที่ดูดีมากกว่าในเมืองนี้”
ฉินมู่หลานยังไม่เคยไปตัวอำเภอเลย เช่นนั้นเธอจึงอยากลองไปดูบ้าง “ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้จะเข้าไปที่ตัวอำเภอนะคะ”
เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ได้มีความเห็นอื่นโต้แย้ง
เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น ฉินมู่หลานตื่นนอนตั้งแต่เช้า เธอยังคงเตรียมสมุนไพรที่เคยแปรรูปเอาไว้ก่อนหน้านี้ แต่เป็นเพราะของมีไม่มากนัก นอกจากนี้คนอื่น ๆ ก็ไม่รู้ด้วยว่าเธอนำสิ่งใดมา เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่เตรียมยาพวกนั้นเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนจึงเข้าไปในเมือง แล้วขึ้นรถจากในตัวเมืองไปยังอำเภอ
บนรถผู้คนหนาแน่นมาก ฉินมู่หลานรู้สึกเสียดายนิดหน่อย ทำไมคนถึงได้เยอะขนาดนี้ หากรู้ก่อนหน้านี้คงตัดใจซื้อผ้าในตัวเมืองเสียดีกว่า
เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นฉินมู่หลานขมวดคิ้ว เมื่อเห็นว่าเธอขยับถอยห่างออกไป จึงแอบขยับเข้าไปใกล้ตัวเธอ เพื่อยืนขวางระหว่างเธอและผู้คนรอบตัวให้
ในตอนแรกฉินมู่หลานไม่ทันได้สังเกตเห็น แต่เมื่อเธอร็สึกว่าผู้คนที่ล้อมรอบตัวเธอเริ่มเบาบางลง จึงรู้ได้ทันทีว่าเป็นเซี่ยเจ๋อหลี่ที่ยืนขวางคนอื่น ๆ ให้
เมื่อมองดูชายหนุ่มผู้มีใบหน้าเคร่งขรึมตรงหน้าแล้ว ฉินมู่หลานก็เผลอหลุดยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เซี่ยเจ๋อหลี่มีท่าทางดูน่าเกรงขามก็จริง แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อยเช่นนี้ ถึงกับยืนขวางไม่ให้ผู้คนเข้ามาเบียดเธอ ช่างน้ำใจงามเสียจริง
แม้กระทั่งตอนนี้ฉินมู่หลานเองก็ยังไม่รับรู้ถึงสีหน้าของตัวเองเลย ดวงตาของเธอฉายแววรอยยิ้มสดใส ท่าทางที่เธอมองเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ดูอ่อนโยนและดูใกล้ชิดมาก
เมื่อมาถึงเขตอำเภอ เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยืนขวางให้มู่หลานตลอดจนกระทั่งลงถึงเวลาลงจากรถ
“เจ๋อหลี่ ขอบคุณนะ”
ฉินมู่หลานยกยิ้มและเอ่ยขอบคุณเซี่ยเจ๋อหลี่
เซี่ยเจ๋อหลี่มองท่าทีของฉินมู่หลานด้วยแววตาค่อนข้างสับสนพลางเอ่ยว่า “พวกเราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ต้องขอบคุณหรอก”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานก็ชะงักไป เธอไม่ทันนึกถึงเรื่องนั้นเลย ดูเหมือนว่าเธอจะยังปรับตัวกับชีวิตหลังแต่งงานไม่ค่อยได้สักเท่าใด แต่ว่า…หลังจากได้ฟังคำพูดของเซี่ยเจ๋อหลี่แล้ว ดูเหมือนว่าตัวเขาเองคงจะยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองแล้วสินะ
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฉินมู่หลานก็หันมองเซี่ยเจ๋อหลี่อีกครั้ง ก่อนจะพบว่าเขาก็มองกลับมาเช่นกัน “มู่หลาน พวกเราไปดูของที่ห้างกันเถอะ ที่นั่นน่าจะมีทุกอย่าง”
“อื้ม ค่ะ”
ฉินมู่หลานพยักหน้าเห็นด้วย แล้วพากันเดินไป
ขณะทั้งสองเดินไปได้ไม่ไกลนัก อยู่ ๆ ก็ได้ยินน้ำเสียงประหลาดดังขึ้นมา “อาหลี่ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
เซี่ยเจ๋อหลี่และฉินมู่หลานได้ยินเสียงนั้นจึงพากันหันไปมอง
ก่อนจะพบกับชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งก้าวเดินเข้ามา เมื่อเขาเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “อาหลี่ ฉันคิดว่านายกลับไปพักที่บ้านเกิดเสียอีก ไม่คิดเลยว่าจะมาบังเอิญเจอนายที่นี่”
“ซวี่ตง ทำไมนายถึงมาอยู่ที่ซานตงได้ล่ะ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ป้าสะใภ้ใหญ่ดูร้ายใช่ย่อยนะเนี่ย ดูเป็นคนมีลับลมคมใน
เพื่อนในกองทัพพี่หลี่เหรอ
ไหหม่า(海馬)