ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 137 ขอบคุณเธอนะ
ตอนที่ 137 ขอบคุณเธอนะ
ตอนที่ 137 ขอบคุณเธอนะ
เสิ่นหรูฮวนรู้จักเริ่นม่านลี่อยู่แล้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายเอ่ยถาม จึงปรายตามองแล้วพูดขึ้น “แล้วฉันจะมาที่นี่บ้างไม่ได้เหรอ ฉันจะมาหรือไม่มาก็ไม่ใช่เรื่องของพี่”
เริ่นม่านลี่เป็นลูกสาวคนรองของตระกูลเริ่นจากปักกิ่ง อายุค่อนข้างห่างจากเสิ่นหรูฮวน ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองครอบครัวค่อนข้างดี เสิ่นหรูฮวนจึงตามเล่นกับเริ่นม่านลี่มาตั้งแต่เด็ก คอยเรียกหล่อนว่า ‘พี่’ แต่มีอยู่ครั้งหนึ่ง เริ่นม่านลี่ไม่ชอบที่เสิ่นหรูฮวนเสียงดัง จึงเผลอผลักหล่อนล้ม
แต่ในตอนนั้นหล่อนได้ผลักเสิ่นหรูฮวนลงไปในบ่อน้ำเล็ก ทำให้หล่อนรู้สึกหวาดกลัวและเหน็บหนาว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ถึงจุดเยือกแข็ง เห็นหน้าแล้วก็ปั้นปึ่งเย็นชาใส่กันตลอด
ฉินมู่หลานหันมองเสิ่นหรูฮวน ก่อนจะหันมองเริ่นม่านลี่อีกครั้ง ก็อดไม่ได้ที่จะพูด “พวกเธอสองคนรู้จักกันนี่เอง”
“ไม่รู้จัก”
เสิ่นหรูฮวนเป็นคนเอ่ยปากพูดก่อน พลางดึงสีหน้าเย็นชาใส่
เริ่นม่านลี่ได้ยินเสิ่นหรูฮวนเอ่ยดังนั้น สีหน้าก็เริ่มบูดบึ้ง “คุณหนูเสิ่นของเรายังคงหยิ่งผยองอยู่ตามเคยสินะ”
สุดท้ายฉินมู่หลานก็มองออก ว่าสองคนนี้มีเรื่องคับแค้นใจต่อกันอย่างแน่นอน แต่เธอเข้าข้างเสิ่นหรูฮวนอยู่แล้ว จึงหันไปจ้องมองเริ่นม่านลี่พร้อมรอยยิ้มก่อนจะพูดขึ้น “ไม่คิดเลยนะว่าครูเริ่นของพวกเราจะพูดจาหยาบคายแบบนี้ ไม่รู้ว่าผู้ปกครองนักเรียนรู้เรื่องนี้บ้างไหมนะ” โนเวลพีดีเอฟ
“เธอ…”
เริ่นม่านลี่ไม่คิดว่าฉินมู่หลานจะร่วมลงสนามด้วย ระหว่างที่กำลังคิดจะสั่งสอนบทเรียนบางอย่าง ฉินมู่หลานก็เอ่ยต่อ “จริงสิ ครูเริ่น ครั้งนี้ยังไปส่งรูปที่ไปรษณีย์อยู่ไหม สามีเธอก็เป็นทหาร ทำไมถึงไม่รู้จักคิดว่ามันเสี่ยงแค่ไหน ถ้ามีข้อมูลรั่วไหลออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ถึงตอนนั้นจะเกิดอะไรขึ้น จะรับผิดชอบในผลที่ตามมาได้เหรอ”
“เป็นเธอนี่เอง”
เริ่นม่านลี่จ้องมองฉินมู่หลานด้วยดวงตาลุกเป็นไฟ
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมรูปถ่ายถึงไปอยู่ในมือของ ผบ.เจียงได้ เป็นฝีมือเธอนี่เอง ฉันแค่จะส่งรูปถ่ายมันจะเป็นอะไรหนักหนา ต้องเล่นใหญ่ใส่พวกฉันขนาดนี้เลยเหรอ”
ได้ยินคำพูดนี้ ฉินมู่หลานก็อดที่จะขมวดคิ้วเสียไม่ได้ ปรากฎว่ารูปถ่ายนั้นไปอยู่ในมือของผู้บัญชาการเจียง ดูเหมือนว่าผู้จัดการในที่ทำการไปรษณีย์ก็กลัวที่ต้องรับผิดชอบ จึงส่งมอบรูปให้กับทางกองทัพแทน
“เห็นชัดเลยว่าเธอคิดไม่รอบคอบ คิดจะโยนความผิดมาให้ฉัน ฉันอุตส่าห์ทำไปเพราะหวังดีกับเธอแท้ ๆ”
ฉินมู่หลานตอบกลับด้วยน้ำเสียงกระด้างราวกับน้ำชาชงแก่ ขณะเดียวกันก็รู้สึกสงสัยในจุดประสงค์ของเริ่นม่านลี่และเหยาอี้หนิงที่ส่งรูปถ่ายไป วันนี้ได้มาเผชิญหน้ากัน ดีไม่ดีอาจได้ความลับบางอย่างหลุดออกมาก็ได้
เริ่นม่านลี่ได้ฟังคำพูดของฉินมู่หลาน ใบหน้าก็ขึ้นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ
“ฉินมู่หลาน เธอคิดจะกลับดำเป็นขาวเหรอ เห็นชัดว่าเธอกำลังสร้างปัญหาอยู่”
ฉินมู่หลานตีหน้าซื่อ ก่อนจะหันไปมองเริ่นม่านลี่ด้วยสายตาเฉียบคม “ลืมถามไปเลย เธอจะไปส่งรูปถ่าย แล้วทำไมถึงต้องวงกลมรูปสามีของฉันด้วย เธอมีแผนชั่วอะไรอย่างนั้นเหรอ”
“เธอพูดไร้สาระอะไร พวกเราจะมีแผนอะไรกัน”
ความจริงแล้วเริ่นม่านลี่แอบคิดเช่นเดียวกันว่าสามีของหล่อนไม่เห็นจำเป็นจะต้องส่งรูปไปเลย ลุงเหยาแค่คิดว่าเซี่ยเจ๋อหลี่หน้าเหมือนญาติคนหนึ่งของเขาไม่ใช่เหรอ ทำไมจะต้องใส่ใจถึงขนาดนั้น ปล่อยให้ลุงเหยาจัดการเรื่องนั้นด้วยตัวเองไปก็ดีแล้ว ทำไมพวกเขาต้องมารบกวนด้วย
ดังนั้นหล่อนจึงบอกตามตรง หลังจากนั้นก็เอ่ยปิดท้าย “พวกเธอก็ควรจะขอบคุณพวกเราด้วย”
ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ก็หันมองเริ่นม่านลี่ จากนั้นก็ไม่สนใจที่จะถามอีกต่อไป เธอรู้สึกได้ว่าเริ่นม่านลี่น่าจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
แต่ก็มีความเป็นไปได้อย่างหนึ่งในเรื่องที่ว่าเซี่ยเจ๋อหลี่หน้าตาคล้ายกับญาติของลุงเหยามาก และเธอกับเซี่ยเจ๋อหลี่คงคิดมากเกินไป
ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาควรไปถามด้วยตัวเองจะเป็นการดีกว่า
“ถ้าอยากนั้นก็ขอบคุณเธอมากเลยนะ แต่ไม่จำเป็นหรอก พวกเราอยู่ที่หมู่บ้านชนบทกันมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ไม่มีทางที่จะเกี่ยวข้องกับลุงเหยาหรอก”
เมื่อพูดจบ ฉินมู่หลานก็หันไปพูดกับเสิ่นหรูฮวน “เอาล่ะหรูฮวน พวกเราไปเดินดูข้างหน้ากันเถอะ”
“ได้เลย”
เสิ่นหรูฮวนยกยิ้มแล้วพยักหน้า
หลังจากฉินมู่หลานกับเสิ่นหรูฮวนไปแล้ว เริ่นม่านลี่ก็ปรายตามองไปยังแผ่นหลังของคนทั้งสองอย่างไม่พอใจ รู้สึกว่าตั้งแต่ฉินมู่หลานมาที่นี่ก็ล้วนมีแต่เรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็แอบตำหนิสามีของตัวเองด้วย บนโลกใบนี้มีคนหน้าเหมือนกันตั้งเยอะแยะมากมาย ทำไมต้องใส่ใจขนาดนั้น
แต่เสิ่นหรูฮวนหันมองฉินมู่หลานด้วยแววตาชื่นชมก่อนจะเอ่ยขึ้น “มู่หลาน เธอเก่งมากเลยที่ทำเอาเริ่นม่านลี่ถึงกับพูดไม่ออก เธอคงไม่รู้ว่าเมื่อก่อนฉันโกรธหล่อนมากแค่ไหน”
หลังจากนั้นหล่อนก็เล่าเรื่องความคับข้องใจของตัวเองกับเริ่นม่านลี่ให้ฟัง หลังจากนั้นก็เอ่ยต่อว่า “ตั้งแต่ฉันถูกผลักตกน้ำ ฉันก็ไม่ชอบเล่นกับพวกเด็กที่มาจากบ้านตระกูลใหญ่โตจากเมืองหลวง ฉันคิดว่าพวกเขาทุกคนต่างนิสัยไม่ดีกันทั้งนั้น ก็เลยไปสนิทกับฟางโหรว แต่น่าเสียดายที่ฉันเหมือนจะตาถั่ว ฟางโหรวที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรกลับให้คนมาลักพาตัวฉัน”
พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เสิ่นหรูฮวนก็หงอยลงนิดหน่อย ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
ฉินมู่หลานไม่คิดว่าเริ่นม่านลี่ตอนเด็กจะมีนิสัยแย่ขนาดนั้น เมื่อเห็นเสิ่นหรูฮวนเป็นแบบนี้ จึงรีบตบบ่าของหล่อนแล้วพูดขึ้น “เอาเถอะหรูฮวน เธอผ่านอะไรมามากมาย บางทีอาจจะเป็นการสะสมแต้มบุญเพื่อให้ได้มาเจอกับฉันไง ตั้งแต่นี้ไปเธอต้องโชคดีมากแน่ ๆ เพราะยังไงก็มีฉันอยู่”
ตอนแรกเสิ่นหรูฮวนยังรู้สึกหงอยอยู่นิดหน่อย แต่เมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่ถ่อมตัวของฉินมู่หลานแบบนี้ ก็อดที่จะรู้สึกขบขันเสียไม่ได้
“มู่หลาน ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะว่าเธอจะหลงตัวเองได้ขนาดนี้”
ฉินมู่หลานหัวเราะตอบกลับ “ฉันเปล่าหลงตัวเองนะ ฉันแค่รู้ตัวเองว่าฉันยอดเยี่ยมมาก” หลังจากพูดจบ ฉินมู่หลานก็ทนไม่ไหว แล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง
เสิ่นหรูฮวนก็หัวเราะเช่นกัน
พระอาทิตย์กำลังตกดิน ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของทั้งสองจึงดูสดใสเป็นพิเศษ
หลังจากที่ทั้งสองหัวเราะกันสักพัก จากนั้นก็เริ่มชอปปิ้งกันอีกครั้ง แต่ฉินมู่หลานนึกขึ้นได้ว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ยังไม่รู้ว่าเสิ่นหรูฮวนมาที่เมือง จึงกลัวว่าเขาจะเป็นกังวล จำต้องหันไปพูดกับเสิ่นหรูฮวนอย่างช่วยไม่ได้ “หรูฮวน ตอนแรกวันนี้ฉันเข้าเมืองมาส่งจดหมาย ถ้าอาหลี่เห็นว่าฉันยังไม่กลับคงกังวลใจแน่ ฉันต้องกลับไปบอกเขาก่อน”
“ได้สิ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันไปกับเธอ”
“ได้”
ตอนนี้เซี่ยเจ๋อหลี่รู้สึกกังวลใจมาก เมื่อเห็นฉินมู่หลานยังไม่กลับมาจึงคิดจะเข้าเมืองไปตามหาสักหน่อย แต่โชคดีที่ฉินมู่หลานกลับมาได้ทันเวลาก่อน
หลังจากที่เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินว่าเสิ่นหรูฮวนมาที่นี่แล้ว ก็พูดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปกินข้าวกันเถอะ ไปเรียกซวี่ตงด้วย เขาเพิ่งคิดจะพาผมไปตามหาคนในเมืองอยู่”
ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ จึงรีบเอ่ยทันที “เอาสิ คุณไปเรียกซวี่ตงด้วยนะ ถึงยังไงเขาก็รู้จักกับหรูฮวนดี ทุกคนจะได้กินข้าวด้วยกันอย่างสนุก” ขณะเดียวกันก็มองเซี่ยเจ๋อหลี่ด้วยความประหม่าก่อนจะเอ่ยขึ้น “ลำบากคุณแล้วนะคะ”
เซี่ยเจ๋อหลี่ยกยิ้มแล้วลูบผมของฉินมู่หลาน “คุณบังเอิญเจอเสิ่นหรูฮวน แล้วผมจะว่าอะไรคุณได้ยังไง เอาเถอะ พวกเรารีบไปเรียกซวี่ตงมากันเถอะ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สรุปว่าโง่ทั้งสามีทั้งภรรยา จะส่งอะไรไปทั้งทีก็ส่งให้โดนจับได้
มันเป็นปมฝังใจนี่เอง คุณหนูเสิ่นถึงไม่คิดจะคบใคร
ไหหม่า(海馬)