ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 161 ความเห็นไม่ลงรอย (1)
ตอนที่ 161 ความเห็นไม่ลงรอย (1)
ตอนที่ 161 ความเห็นไม่ลงรอย (1)
เซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวนได้ยินเช่นนี้ก็มีสีหน้าประหลาดใจ ทั้งยังมีทัศนคติต่อเหยาจิ้งถงในทางที่ดีขึ้น
“น้าคะ น้าใจดีจังเลย”
เมื่อเห็นทัศนคติของเซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวน แววตาของเหยาจิ้งถงก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม หล่อนโบกมือแล้วพูดขึ้นว่า “ครอบครัวเราต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการตามหาพี่ พอพวกเราได้เจอหลานสาวกับหลานเขย พวกเราก็ย่อมอยากจะเลี้ยงดูพวกเธอให้ดี”
หล่อนกล่าวแล้วก็พาทั้งสองคนซื้อของด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
สถานที่ที่ไกลที่สุดที่เซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวนเคยไปคือในมณฑลซานตง นั่นก็คือบ้านเกิด พวกเขาจึงไม่เคยเห็นร้านค้าจีนที่ดีแบบนี้มาก่อน เห็นของตระการตั้งตระหง่านตามากมาย ทั้งสองก็รู้สึกว่าละลานตาจนเลือกไม่ถูก สุดท้ายเซี่ยเจ๋อน่าก็เลือกเสื้อผ้าที่หรูหรามาถึงสองชิ้น นอกจากนี้ยังซื้อนาฬิกาด้วย
ส่วนเกาหยวนก็ไม่เกรงใจเช่นกัน ซื้อชุดสูทหรู และนาฬิกาข้อมือชาย
ระหว่างที่รอจ่ายเงิน เซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวนก็ได้รู้ว่าสินค้าในร้านค้าของพวกชาวจีนโพ้นทะเลนั้นราคาแพงมากแค่ไหน
เมื่อเห็นทั้งสองดูไม่สบายใจเช่นนั้น เหยาจิ้งถงก็หันไปพูดพร้อมยกยิ้ม “เสื้อผ้าที่พวกเธอซื้อเป็นของนำเข้าทั้งหมด ก็ต้องแพงเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่น้าพาพวกเธอมาซื้อของ ก็เลยซื้อให้ได้”
พูดจบก็จ่ายเงินให้อย่างมีความสุข
มองดูผู้หญิงตรงหน้าที่ใช้จ่ายเงินเจ็ดแปดร้อยหยวนในชั่วพริบตา เซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวนก็ทราบถึงฐานะความมั่นคงของตระกูลเหยา ทั้งสองจึงได้ตัดสินใจว่าจะต้องปักหลักอยู่ที่ปักกิ่ง
ซื้อของเสร็จแล้ว เหยาจิ้งถงก็พาเซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวนไปที่โรงแรมรัฐอีกครั้ง แล้วพาพวกเขารับประทานอาหารปักกิ่งแท้ ๆ
อีกด้านหนึ่ง เหยาจิ้งจือยังคงคิดถึงเซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวนที่ออกไปเที่ยวเล่นกับเหยาจิ้งถงอยู่ เซี่ยเหวินปิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงเอ่ยเกลี้ยกล่อม “เอาเถอะ คุณก็อย่าคิดมากเลย เซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวนมันอยากไปกันเอง ถ้าอย่างนั้นก็ให้พวกมันไปเถอะ พวกเราพูดไปแล้วไม่ใช่เหรอถ้าเซี่ยเจ๋อน่าไม่หย่ากับเกาหยวน พวกเราก็ไม่ต้องไปยุ่งเรื่องของมัน”
แน่นอนว่าเขารักลูกสาว แต่ลูกสาวกลับแต่งงานกับเกาหยวนโดยไม่เชื่อคำพูดของเขาสักคำและทำให้คนในครอบครัวรู้สึกผิดหวังอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งตอนที่รู้ว่ามู่หลานตั้งท้องแต่ก็ยังจะผลักมู่หลานให้ล้ม เขาจึงหมดคำจะพูดกับลูกสาวคนนี้ไปแล้ว
“จิ้งจือ ลองคิดถึงตอนที่เซี่ยเจ๋อน่าจะผลักมู่หลานก่อนหน้านี้สิ คุณลองคิดดู ตั้งแต่เซี่ยเจ๋อน่าโผล่มา อาหลี่เปิดปากคุยกับมันบ้างไหม”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหยาจิ้งจือก็ลองคิดเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน ก่อนจะพบว่าเป็นอย่างนั้นจริง ลูกชายคนเล็กไม่พูดอะไรกับเซี่ยเจ๋อน่าและเกาหยวนสามีของหล่อนเลยสักคำ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เหยาจิ้งจือก็รู้สึกขมขื่นขึ้นในใจ
“เฮ้อ…ช่างหัวหล่อนแล้ว”
ขณะที่เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงกำลังพูดคุยกัน คุณนายเหยาก็เดินเข้ามา
เหยาจิ้งจือเห็นคุณนายเหยาเดินเข้ามาคนเดียว จึงอดจะเอ่ยถามไม่ได้ “แม่คะ ทำไมถึงมาที่นี่เหรอ”
คุณนายเหยาได้ยินสิ่งนี้ จึงยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “จือจือ วันนี้เดี๋ยวแม่จะพาลูกออกไปเที่ยมชมที่ต่าง ๆ นะ”
“ได้ค่ะ”
เหยาจิ้งจือยกยิ้มแล้วพยักหน้าเห็นชอบด้วย โนเวลพีดีเอฟ
เซี่ยเหวินปิงลุกขึ้นยืน กำลังจะก้าวเดินออกไปข้างนอกด้วย คุณนายเหยาก็หันมามองแล้วพูดกับเขา “เหวินปิง ฉันว่าจะพาแค่จือจือไป แค่เราสองคนแม่ลูกน่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยเหวินปิงก็รู้สึกลำบากใจนิดหน่อย ก่อนจะหยุดชะงักลง แล้วพูดขึ้น “ครับ”
เหยาจิ้งจือไม่คิดถึงว่าคุณนายเหยาจะไม่ยอมให้เซี่ยเหวินปิงไปด้วย จึงอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่คุณนายเหยาก็เอ่ยปากขึ้นก่อน “แม่จำได้ว่าตอนเด็ก แม่ชอบพาลูกไปเดินเล่น วันนี้ก็เลยอยากพาไปแค่ลูก ไปที่ที่เราสองคนเคยไป หวนระลึกถึงสถานที่เก่า ๆ”
เมื่อเห็นคุณนายเหยาพูด เหยาจิ้งจือจึงไม่พูดอะไรอีก
เฝ้ามองคุณนายเหยาพาเหยาจิ้งจือไป สีหน้าของเซี่ยเหวินปิงก็ดูหงอยเหงา ตอนแรกคิดว่าจะช่วยภรรยาตามหาครอบครัว แต่ตั้งแต่มาถึงปักกิ่ง เขาก็ได้พบว่ามันไม่สบายใจเหมือนตอนที่อยู่บ้านเลย แม้ว่าความเป็นอยู่จะสะดวกสบายก็ตาม
“เฮ้อ…”
ถอนหายใจแล้ว เซี่ยเหวินปิงก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในห้อง ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะเหม่อลอยไปไกล
เหยาจิ้งจือเดินตามคุณนายเหยาออกไป พวกหล่อนมุ่งหน้าตรงไปที่ซอยเล็กหนึ่งที่อยู่ข้างหน้า “จือจือ ตรงนี้เคยมีพ่อค้าขายขนมหวาน ตอนเธอเป็นเด็ก เธอชอบลากแม่มาที่นี่ตลอดเลย”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เหยาจิ้งจือก็ส่ายหัวไปมาด้วยความสับสน ก่อนจะพูดขึ้น “ฉันจำไม่ได้เลยค่ะ”
หล่อนไม่มีความประทับใจอะไรหลงเหลืออยู่เลย เรื่งราวสมัยเด็กถูกลืมเลือนไปหมดแล้ว
คุณนายเหยาได้ยินสิ่งที่ลูกสาวพูดจึงได้แต่รู้สึกเศร้าใจ แต่ไม่เป็นไร เรื่องนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป นางจึงคิดจะพาลูกสาวไปเยี่ยมชมสถานที่อื่นที่เคยไปมาก่อนด้วย
หลังออกจากซอยแล้ว คุณนายเหยาก็พาไปอีกหลายที่ที่สองแม่ลูกเคยมาในสมัยลูกสาวยังเป็นเด็ก ติดเพียงที่เหยาจิ้งจือจำอะไรไม่ได้เลย เมื่อมองสำรวจสถานที่ตรงหน้า จึงกลายเป็นแปลกตาไปหมด
คุณนายเหยาอายุเยอะมากแล้ว หลังจากเดินไปมาหลายที่ก็รู้สึกเหนื่อยไปหมด ดังนั้นจึงพาเหยาจิ้งจือไปนั่งลงบนม้าหินข้าง ๆ
“เอ๊ะ…นี่คุณนายเหยาไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่คะ”
คุณนายเหยาได้ยินเสียงเรียก จึงหันศีรษะไปมอง เมื่อเห็นหญิงชราผมหงอกขาวโพลนที่อยู่ตรงหน้า ก็ยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “คุณนายเซี่ย ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
คุณนายเซี่ยเดินมาพร้อมกับคู่รักวัยกลางคนคู่หนึ่ง ตอนนี้ทั้งสามกำลังเดินตรงมาหาคุณนายเหยากับเหยาจิ้งจือ หลังจากเดินมาใกล้ คุณนายเซี่ยก็มองเหยาจิ้งจือด้วยแววตาสงสัย ก่อนจะเอ่ยถามออกไป “นี่ลูกสาวแท้ ๆ ของเธอใช่ไหม ยินดีด้วยจริง ๆ นะ ในที่สุดก็เจอลูกสาวแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ คุณนายเหยาก็ยกยิ้มแล้วเอ่ย “ขอบคุณค่ะ” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
อันที่จริงความสัมพันธ์ของนางกับคุณนายเซี่ยค่อนข้างผิวเผิน แต่ว่าทั้งสองตระกูลก็ได้ติดต่อกันอยู่บ้าง เมื่อเจอกันข้างนอกจึงเอ่ยทักทายกันเป็นปกติ
คุณนายเซี่ยได้ยินสิ่งที่คุณนายเหยาพูด ก็โบกมือแล้วพูดขึ้น “มีอะไรให้ขอบคุณกัน แค่อยากจะยินดีกับเธอจริง ๆ แต่ว่า…เธอเจอลูกสาวแท้ ๆ แล้ว แล้วจิ้งถงที่เธอรับเลี้ยงล่ะ เธอจะทำยังไงต่อ”
คุณนายเหยามองคุณนายเซี่ยด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนจะพูด “คิดจะทำยังไงต่ออะไรกัน จิ้งถงอยู่กับตระกูลเหยา ก็ต้องเป็นคนตระกูลเหยาอยู่แล้ว หล่อนกับจือจือค่อนข้างกลมเกลียวกันเลย”
เมื่อคุณนายเซี่ยได้ยินสิ่งที่คุณนายเหยาเอ่ย ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
แต่นางได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับลูกสาวแท้ ๆ ของตระกูลเหยามาบ้างแล้ว เห็นว่าหลังจากพลัดหลงไปก็ไปโผล่ในชนบทของมณฑลซานตง
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เศร้าใจจังค่ะ กลับมาบ้านจริงๆ ของตัวเองแล้ว แต่บ้านก็กลายเป็นสถานที่แปลกใหม่ ไม่รู้สึกสุขใจเหมือนชนบทที่เคยอยู่
ไหหม่า(海馬)