ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 198 กลับหมู่บ้าน
ตอนที่ 198 กลับหมู่บ้าน
ตอนที่ 198 กลับหมู่บ้าน
ฉินมู่หลานเห็นฉินเจี้ยนเซ่อฟื้นขึ้นมาแล้ว ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “พ่อ พ่อฟื้นเร็วกว่าที่หนูคิดอีกค่ะ ดีจังเลย”
ขณะที่เอ่ยก็อธิบายเรื่องอาการบาดเจ็บให้ฉินเจี้ยนเซ่อฟัง สุดท้ายก็บอกกล่าว “ตรงมือและเท้าในส่วนที่ร้ายแรงที่สุดได้รับการผ่าตัดสำเร็จแล้ว ส่วนอาการบาดเจ็บตรงส่วนอื่นจะค่อย ๆ หายดีค่ะ”
ที่โรงพยาบาลนี้สามารถจัดการอาการบาดเจ็บตรงซี่โครงของฉินเจี้ยนเซ่อ ได้ค่อนข้างดี ฉินมู่หลานจึงไม่ได้คิดจะผ่าตัดให้อีกครั้ง แต่อาการบาดเจ็บตรงศีรษะยังต้องใช้วิธีฝังเข็มต่อไป จึงทำได้เพียงรักษาอย่างต่อเนื่องเท่านั้น
เมื่อได้ฟังสิ่งที่ลูกสาวพูด ฉินเจี้ยนเซ่อก็ค่อย ๆ จำเหตุการณ์ก่อนจะนอนหมดสติขึ้นมาได้ สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ “ไอ้พวกคนข้างนอกนั่น ไม่รู้ว่ามาทำร้ายฉันทำไม ทำกันเกินไปแล้ว”
เพียงแต่พูดไปไม่กี่คำ ฉินเจี้ยนเซ่อก็รู้สึกเจ็บไปทั่วทั้งตัว เนื่องจากตื่นเต้นเกินไปนิดหน่อย ทำให้เริ่มเจ็บแผล
ฉินมู่หลานรีบเอ่ยปลอบใจทันที “พ่อคะ อย่าเพิ่งตื่นเต้นค่ะ”
ซูหว่านอี๋ที่อยู่อีกข้างก็เอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว “ใช่แล้วเจี้ยนเซ่อ มู่หลานพยายามช่วยคุณแบบสุดความสามารถ คุณจะปล่อยใหตัวเองเป็นอะไรไปไม่ได้นะ”
หล่อนพูดด้วยตาแดงก่ำ สีหน้าเต็มไปด้วยความตึงเครียด
แม้แต่ดวงตาของฉินเคอวั่งก็อดจะแดงก่ำไม่ได้ “พ่อครับ ยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกหรือเปล่า”
เมื่อเห็นภรรยากับลูกเป็นแบบนี้ ฉินเจี้ยนเซ่อก็รีบสงบลงทันที ก่อนจะส่ายหัวแล้วบอกกับพวกเขา “ไม่ต้องห่วง พ่อไม่เป็นไร”
หลังจากฉินเจี้ยนเซ่อสงบลง เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงก็เอ่ยแนะบางอย่างเช่นกัน ทั้งสองเห็นพ่อตาฟื้นก็รู้สึกมีความสุขมาก เป็นเช่นนี้ลูกสะใภ้คนเล็กก็จะไม่ต้องคอยกังวลต่อไป
ข่าวเรื่องที่ฉินเจี้ยนเซ่อฟื้นแล้วแพร่กระจายไปทั่วโรงพยาบาล
หลี่เฉิงต้งเข้ามาตรวจดูอาการทันที ก่อนจะพบว่าฉินเจี้ยนเซ่อปกติดีแล้ว ใบหน้าจึงเต็มไปด้วยความแปลกใจ รวมถึงหมอกับพยาบาลคนอื่น ๆ ก็เข้ามาชมอย่างครึกครื้น เมื่อเห็นว่าฉินเจี้ยนเซ่อตื่นตัวดีแล้ว หลายคนก็ถึงกับถอนหายใจอย่างนึกเสียดายว่าน่าจะตามเข้าไปดูการผ่าตัดด้วยเสียตั้งแต่แรก พวกเขาพลาดชมการผ่าตัดที่ไร้ที่ติจริง ๆ ด้วย
ฉินมู่หลานไม่คิดว่าจะมีหมอมามากมายขนาดนี้ แต่พ่อของตนเพิ่งฟื้น ยังคงต้องการการพักผ่อน จึงรีบบอกหลี่เฉิงต้ง
ทุกคนล้วนเป็นหมอ จึงทราบดีในเรื่องนี้และรีบออกไปอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็เหลือเพียงหลี่เฉิงต้งเท่านั้น
“หมอฉินครับ ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมเรียกหาผมได้ตลอดนะครับ”
“ค่ะ รบกวนหมอหลี่แล้วล่ะค่ะ”
ฉินมู่หลานยังคงรู้สึกขอบคุณหลี่เฉิงต้งเป็นอย่างมาก ด้วยความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย จึงทำให้หลายคนสะดวกสบายอยู่ไม่น้อย
หลังจากหลี่เฉิงต้งพูดคุยกับฉินมู่หลานอีกไม่กี่คำ ก็ออกไป
จากนั้นฉินมู่หลานก็หันไปเอ่ยถามฉินเจี้ยนเซ่อ “พ่อคะ ที่พ่อเพิ่งบอกเมื่อกี้ ว่ามีคนแปลกหน้ามาทำร้ายพ่อ พ่อพอจะจำหน้าพวกมันได้บ้างไหมคะ?”
ฉินเจี้ยนเซ่อส่ายหัว แล้วพูด “พ่อยังไม่ทันได้เห็นหน้าพวกมันเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนโดยรอบก็พากันตกใจ และฉินมู่หลานก็รีบเอ่ยถาม “พ่อถูกปิดตาหรือเปล่าคะ?”
“คนพวกนั้นมันเอากระสอบมาคลุมหัว พ่อก็เลยไม่ทันได้เห็นหน้าพวกมันเลย”
“ถ้าอย่างนั้นพ่อรู้ได้ยังไงว่าเป็นพวกคนข้างนอก ฟังจากคำพูดพวกมันเหรอ?”
ฉินเจี้ยนเซ่อพยักหน้า แล้วเอ่ยเล่า “คนพวกนั้นมันรอบคอบมาก ตอนที่กำลังทำร้ายพ่ออยู่ไม่ได้หลุดพูดอะไรเลย จนกระทั่งพ่อโดนทุบตีจนมึนงงขยับตัวไม่ได้ พวกมันคงคิดว่าพ่อหมดสติไปแล้ว ก็มีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า ‘เสร็จภารกิจแล้ว’ หลังจากนั้นมันก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย แล้วก็เดินออกไป”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของฉินมู่หลานก็เคร่งขรึมขึ้นทันที
แค่เพียงคำพูดที่ว่า ‘เสร็จภารกิจแล้ว’ เธอก็มั่นใจได้ว่าต้องมีคนวางแผนจะทำร้ายพ่อ หากเป็นไปตามที่เธอคาดเดาเอาไว้ ก็คงมีคนต้องการหลอกล่อให้พวกเขามาที่นี่
โหยวหย่งที่อยู่ข้าง ๆ ก็คิดเช่นเดียวกัน เขาอดยกยิ้มไม่ได้ แล้วพูดขึ้น “ไม่แปลกเลยที่เซี่ยเจ๋อหลี่ขอให้ฉันมา เรื่องพวกนี้มันเกี่ยวโยงกับอันตรายใหญ่หลวง เห็นได้ชัดว่าพวกคุณโดนล่อให้มาที่นี่ ไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่เบื้องหลังต้องการจะทำอะไรกันแน่”
สีหน้าของหวังหู่กับเหวินเชี่ยนตึงเครียด แล้วก็ทราบด้วยว่าต่อไปจะต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดมากขึ้น มิฉะนั้นอาจมีเรื่องเกิดขึ้นกับฉินมู่หลาน เหยาจิ้งจือ และพวกเซี่ยเหวินปิง
เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงเคยเผชิญหน้ากับอันตรายมาแล้วครั้งหนึ่ง จึงเข้าใจได้ในทันที ทั้งสองจึงมองฉินเจี้ยนเซ่อด้วยแววตารู้สึกผิด “ญาติสะใภ้ เสียใจด้วยจริง ๆ ค่ะ”
ฉินเจี้ยนเซ่อได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้เพราะพวกเขา
ฉินเจี้ยนเซ่อกับซูหว่านอี๋ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น จึงหันมองลูกสาวกับตระกูลเซี่ยด้วยสีหน้าสับสนงุนงง
เหยาจิ้งจือเอ่ยเล่าเรื่องราวที่ตนเองเผชิญมาให้ฟังทันที รวมทั้งอันตรายที่พวกเขาได้พบเจอมา
ฉินเจี้ยนเซ่อกับซูหว่านอี๋สองสามีภรรยารวมถึงฉินเคอวั่งต่างพากันตกใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ จนกระทั่งรอฟังจนจบถึงเพิ่งเริ่มโต้ตอบ “แบบนี้นี่เอง…ที่สามีของฉันได้รับบาดเจ็บ ก็เพื่อล่อพวกคุณกลับมาที่นี่นี่เอง”
หลังจากเอ่ยจบ ฉินเจี้ยนเซ่อ ซูหว่านอี๋และฉินเคอวั่งก็ต่างรู้สึกเป็นห่วง ฉินเจี้ยนเซ่ออดที่จะพูดเสียไม่ได้ “มู่หลาน ในเมื่อพวกลูกรู้ว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย ก็ไม่ควรที่จะกลับมาสิ” เมื่อเอ่ยจบ เขาก็ตำหนิตัวเอง เป็นเพราะผมถึงทำให้ทุกคนเดือดร้อน”
ซูหว่านอี๋ก็เป็นห่วงลูกสาวกับคนอื่นเหมือนกัน แต่หากลูกสาวไม่กลับมา สามีก็อาจจะไม่ฟื้น ตอนนี้ความรู้สึกจึงตีกันสับสนไปหมด ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรเหมือนกัน
ฉินมู่หลานเอ่ยขึ้นจากด้านข้าง “พ่อคะ แม่คะ เคอวั่ง ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ อันที่จริงโหยวหย่งกับคนอื่น ๆ มาที่นี่เพื่อคอยคุ้มกันพวกเราค่ะ เพราะฉะนั้นพวกเราจะไม่เป็นอันตรายแน่นอน”
“อ๋อ…พวกเขาคอยคุ้มกันพวกลูกอย่างนั้นเหรอ?”
ซูหว่านอี๋หันมองโหยวหย่ง หวังหู่และเหวินเชี่ยน “พวกเขาเป็นญาติตระกูลเซี่ยไม่ใช่เหรอ?”
“ญาติสะใภ้คะ การบอกว่าเป็นญาติมันชี้แจงได้ง่ายกว่า นอกจากนี้พวกเราไม่อยากให้คนอื่นรู้ด้วยค่ะว่ามีคนคอยตามคุ้มกันพวกเราอยู่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูหว่านอี๋ก็พยักหน้าแล้วรีบเอ่ยทันที “ใช่แล้วล่ะ ใช่แล้ว พวกคุณไม่ต้องห่วงนะคะ พวกเราจะไม่หลุดปากแน่นอน”
เพียงแต่หล่อนกังวลเรื่องลูกสาวมากที่สุด เพราะลูกสาวกำลังตั้งท้อง หากตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ ขึ้นมาจะทำอย่างไร
ฉินเจี้ยนเซ่อกับฉินเคอวั่งก็คิดเหมือนกัน
ฉินมู่หลานทราบว่าคนในครอบครัวต่างกังวลใจ จึงรีบพูดปลอบโยนให้สบายใจ “ในเมื่อพวกหนูกล้าที่จะกลับมา ก็ต้องเตรียมพร้อมมาระดับหนึ่งแล้วค่ะ เพราะฉะนั้นทุกคนไม่ต้องกังวลนะคะ”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะคอยระวังตัว”
วันต่อมา ฉินมู่หลานกับคนอื่นยังคงพักอยู่ที่ห้องพัก
หลังจากเซี่ยเจ๋อเหว่ยกับหลี่เสวี่ยเยี่ยนทราบว่าพวกเขากลับมาแล้ว พวกเขาก็รีบเข้าเมืองมาทันที นอกจากนี้ครอบครัวของฉินเจี้ยนหัวก็มาด้วย ทำให้หอพักผู้ป่วยค่อนข้างครึกครื้นและแออัดขึ้นมาทันตา ดังนั้นหลังจากที่เซี่ยเจ๋อเหว่ยกับหลี่เสวี่ยเยี่ยนเข้าไปเยี่ยมฉินเจี้ยนเซ่อแล้วก็ออกไปคุยธุระกับฉินมู่หลานและพวกเหยาจิ้งจือข้างนอก ขณะเดียวกันก็ได้ทราบว่าหลังจากที่พวกเขากลับมาแล้ว ครอบครัวก็ได้ตกอยู่ในอันตรายมาโดยตลอด
“พ่อแม่ แล้วนี่…ใครกันที่หวังทำร้ายทุกคน?”
เมื่อได้ยินคำพูดของลูกชายคนโต เซี่ยเหวินปิงก็ปรายตามองเขา ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ถ้าพวกเรารู้ก็คงมีหลักฐานมัดตัวพวกมันไปนานแล้ว จะมานิ่งเฉยอยู่แบบนี้เหรอ คงจัดการไปตั้งนานแล้ว”
ถึงแม้ว่าลูกชายคนเล็กกับลูกสะใภ้คนเล็กจะคาดเดาได้อยู่ในใจแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขายังไม่มีหลักฐาน จึงยังทำอะไรไม่ได้ กระนั้นก็ยังเอ่ยปากเตือนลูกชายคนโตกับลูกสะใภ้คนโตด้วย
“นี่…หรือว่าเป็นฝีมือพวกเขาจริง ๆ”
เซี่ยเจ๋อเหว่ยกับหลี่เสวี่ยเยี่ยนได้ฟังคำพูดของเซี่ยเหวินปิงแล้ว ก็ได้แต่คิดว่ามันสมเหตุสมผล “เพราะคุณตากับคุณยายแบ่งทรัพย์สินของตระกูลครึ่งหนึ่งให้แม่ พวกมันถึงได้ร้อนใจ” อันที่จริงแล้วพวกเขาไม่คิดว่านายท่านเหยากับคุณนายเหยาจะทำเช่นนี้ ตระกูลเหยาออกจะใหญ่โตขนาดนั้น ไม่รู้เลยว่าทรัพย์สินครึ่งหนึ่งที่ว่าจะมากน้อยแค่ไหน
“เอาเถอะ เรื่องนี้พวกแกอย่าใส่ใจเลย พวกแกจะได้ไม่ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย”
เมื่อนึกถึงอันตรายที่เหยาจิ้งจือและเซี่ยเหวินปิงกำลังเผชิญ เซี่ยเจ๋อเหว่ยกับหลี่เสวี่ยเยี่ยนก็พยักหน้าโดยง่าย “พ่ออย่าห่วงเลย พวกเราไม่สนใจหรอก”
เพราะอันที่จริงมันนอกเหนือการควบคุมของพวกเขา
เมื่อเจอคนแล้ว เซี่ยเจ๋อเหว่ยกับหลี่เสวี่ยเยี่ยนก็เตรียมจะกลับ
หลังจากพวกเขามาอีกสองครั้ง ก็พบว่าฉินเจี้ยนเซ่อฟื้นตัวได้ดีมาก ตอนนี้สามารถกลับไปพักฟื้นเองได้แล้ว ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะฉินมู่หลาน
ฉินมู่หลานเห็นว่าพ่อกำลังฟื้นตัวได้ดี จึงรีบเอ่ยทันที “พ่อคะ พวกเรากลับหมู่บ้านกันได้แล้วค่ะ ค่อยไปพักฟื้นต่อที่บ้านก็ได้”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
กลับหมู่บ้านเถอะ บางทีอาจซื้อเวลาไม่ให้คนทางเมืองหลวงจัดการต่อ
ไหหม่า(海馬)