ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 200 เงินมาจากไหน
ตอนที่ 200 เงินมาจากไหน?
ตอนที่ 200 เงินมาจากไหน?
หลี่เสวี่ยเยี่ยนออกไปดูความสนุกสนานด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ขณะที่ฉินมู่หลานกลับสนใจน้อยลง ท้องที่นูนป่องทำให้เคลื่อนไหวไม่สะดวกนัก และเธอเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องของเย่เสี่ยวเหอ ยังคงเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของตนเองมากกว่า
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฉินมู่หลานจึงเอ่ยเรียกโหยวหย่ง
“พี่สะใภ้ มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“ช่วงนี้มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”
โหยวหย่งรู้ว่าเธอต้องการถามอะไร อย่างไรก็ตามช่วงนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ ดังนั้นเขาจึงส่ายศีรษะพร้อมกับเอ่ย “ไม่มีอะไรผิดปกติหรอกครับ ไม่ว่าจะเป็นภายในเมืองหรือภายในหมู่บ้าน ไม่มีใครคอยสอดแนมหรือติดตามพวกเราเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของฉินมู่หลานเต็มไปด้วยความสงสัย
“เรื่องนี้แปลกมาก คนที่อยู่เบื้องหลังพยายามทุกวิถีทางทำให้พ่อของฉันได้รับบาดเจ็บและทำให้พวกเรากลับมา จะไม่ติดตามผลได้อย่างไรกัน คาดว่าคงจะรอพวกเราอยู่ที่ไหนสักแห่ง”
โหยวหย่งเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน
“ใช่แล้ว จะต้องมีเรื่องหลังจากนี้อย่างแน่นอน เพียงแต่พวกเรายังไม่พบเจอก็เท่านั้น” อันที่จริงภายในหัวใจของเขายังคงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “พี่สะใภ้ ในเมื่อพวกคุณมีคนที่รู้สึกสงสัยอยู่แล้ว ทำไมพวกคุณถึงไม่ออกโรงเองล่ะ?”
เรื่องนี้ฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่เคยคิดมาก่อนแล้ว อย่างไรก็ตามไม่สามารถทำได้
“คุณน่าจะรู้ประวัติชีวิตแม่สามีของฉัน”
โหยวหย่งไม่ปฏิเสธและพยักหน้าพร้อมกับเอ่ย “ใช่ ผมรู้”
ก่อนหน้านี้ตอนเซี่ยเจ๋อหลี่เล่าให้เขาฟัง เขาเองก็รู้สึกประหลาดใจ โนเวลพีดีเอฟ
“งั้นคุณเองก็น่าจะรู้ นายท่านเหยาและคุณนายเหยาเลี้ยงลูกสาวบุญธรรมมานานกว่าสามสิบปีแล้ว คุณว่าพวกเขาควรสนิทสนมกับคนที่อยู่ด้วยกันมาสามสิบกว่าปีหรือว่าสนิทสนมกับคนที่อยู่ด้วยกันมาเพียงเจ็ดแปดปีกันล่ะ”
เวลาได้ผ่านมาเกือบสี่สิบปี เกรงว่าผู้อาวุโสทั้งสองคนนั้นจะเห็นว่าเหยาจิ้งถงเป็นลูกสาวแท้ๆแล้ว ในเมื่อพวกเขาไม่มีหลักฐาน นายท่านเหยาและคุณนายเหยาไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอน ตรงกันข้ามจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นอีกด้วย
ขณะนี้ โหยวหย่งเองก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก
เดิมทีเขาคิดว่าเลือดจะต้องข้นกว่าน้ำ แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน เขาก็รู้สึกว่ามีเหตุผล ระยะเวลาหลายปีมานี้ ต่อให้เลี้ยงแมวเลี้ยงหมาก็ยังถือว่าพวกมันเป็นสมาชิกภายในครอบครัว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงคนคนหนึ่งที่มีชีวิตและเหยาจิ้งถงคนนั้นยังคงเป็นหลานสาวของคุณนายเหยา สนิทสนมกว่าลูกสาวบุญธรรมทั่วไปอย่างแน่นอน
ฉินมู่หลานเห็นว่าโหยวหย่งไม่ได้เอ่ยอะไรอีก จากนั้นเอ่ยเตือน “ฉันสงสัยว่าต่อให้พวกเราจะกลับมายังหมู่บ้านก็ไม่ปลอดภัย พ่อของฉันประสบอุบัติเหตุระหว่างทางกลับจากตัวเมืองมายังหมู่บ้าน คนเหล่านั้นจะต้องหาโอกาสจัดการกับแม่สามีของฉันอย่างแน่นอน ดังนั้นยังต้องรบกวนพวกคุณ”
“พี่สะใภ้เกรงใจเกินไปแล้ว พวกเราต้องระมัดระวังมากขึ้นอย่างแน่นอน”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้นก็พลันพยักหน้า จากนั้นหยิบขวดกระป๋องบางส่วนออกมาและส่งให้กับโหยวหย่งพร้อมกับเอ่ย “สิ่งเหล่านี้คือผงยาป้องกันตัวที่ฉันกลั่นเอง คุณและหวังหู่ เหวินเชี่ยนรวมถึงพวกเขานำไปแบ่งปันกันเถอะ วิธีการใช้เขียนไว้ด้านบนนั้นแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ โหยวหย่งมองดูด้วยความสงสัย กระทั่งเห็นยาสลบ ยาระบาย ยารักษาหัวใจและยาอื่นๆ เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “พี่สะใภ้ ยาเหล่านี้พี่ทำเองหมดเลยเหรอ?”
“ใช่ ประสิทธิภาพไม่เลวเลย พวกคุณนำไปได้เลย ไม่แน่ว่าอาจจะได้ใช้ก็ได้”
“ครับ งั้นก็ต้องขอบคุณพี่สะใภ้แล้ว”
หากเป็นก่อนหน้านี้ โหยวหย่งอาจจะไม่เห็นด้วย แต่เมื่อได้เห็นทักษะการแพทย์อันยอดเยี่ยมของฉินมู่หลานที่ทำการรักษาฉินเจี้ยนเซ่อ เขารู้ว่ายาเหล่านี้ไม่ธรรมดา ดังนั้นเขาจึงรับไว้ในทันใด หลังจากกลับไปแล้วก็นำยาเหล่านี้แบ่งปันกับหวังหู่กับเหวินเชี่ยน
หวังหู่และเหวินเชี่ยนต่างก็มีความสุขมาก
ทั้งสามเก็บของไว้เรียบร้อย หลังจากพบว่าด้านนอกเสียงเงียบไปครู่ใหญ่ เสียงก็เริ่มดังมากยิ่งขึ้น
ทางด้านหลี่เสวี่ยเยี่ยนก็วิ่งกลับเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นเต้นพร้อมกับเอ่ย “มู่หลาน เธอไม่รู้เสียแล้ว ตอนนี้บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านนั้นคึกคักมาก เดิมทีตระกูลเฝิงมีเพียงแค่แม่เฝิงเท่านั้นที่มา หลังมีคนเห็นว่าหล่อนมาเพียงลำพัง คนผู้นั้นก็กลับบ้านไปเรียกสมาชิกทุกคนภายในบ้านมาด้วย แสดงว่าวันนี้ตระกูลเฝิงคงต้องการคำอธิบาย ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงจะอยู่ที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านและไม่ยอมกลับไปอย่างแน่นอน”
เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของหลี่เสวี่ยเยี่ยน ฉินมู่หลานยิ้มและเอ่ยอย่างอดไม่ได้ “พี่สะใภ้ ในเมื่อคึกคักเช่นนี้ ทำไมคุณถึงกลับมาเร็วขนาดนี้ล่ะ”
“ฉันรู้สึกหิวน้ำนิดหน่อยก็เลยมาดื่มน้ำ คิดว่าเรื่องคงยังไม่จบเร็วๆนี้หรอก ดังนั้นอีกสักพักค่อยไปชมความสนุกอีกครั้ง เธอน่ะไม่เห็น คนภายในหมู่บ้านที่ไม่มีอะไรทำต่างก็ไปยังบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน ฉันเห็นว่าวันนี้เย่เสี่ยวเหอหน้าตาบึ้งตึงจนทำให้ผู้คนที่เห็นรู้สึกหวาดผวา”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉินมู่หลานพลันนึกถึงร่างที่หายวับไปของเย่เสี่ยวเหอตอนก่อนหน้านี้ แม้จะมองเห็นไม่ชัดเจน แต่เธอกลับสามารถสัมผัสได้ถึงสายตาอาฆาตของเย่เสี่ยวเหอที่กำลังมองมาทางเธอ ชัดเจนว่าอีกฝ่ายยังคงเกลียดชังเธอ “เดิมทีเย่เสี่ยวเหอก็ไม่ใช่คนดีอะไร ตอนนี้สามีของหล่อนตายไปแล้ว หล่อนจะบึ้งตึงก็คงเป็นเรื่องปกติ”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนเองก็พยักหน้าเห็นด้วยและเอ่ย “ใช่ หล่อนเป็นคนใจดำอยู่แล้ว”
เมื่อเอ่ยคำพูดสุดท้าย หลี่เสวี่ยเยี่ยนวางแผนจะออกไปชมความคึกคักต่อ
“พี่สะใภ้ พี่ไม่กินมื้อค่ำแล้วใช่ไหม?”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนกลับโบกมือและกล่าว “ไม่กินแล้ว ผู้คนภายในหมู่บ้านจำนวนมากไม่ทำแม้แต่อาหารค่ำ ต่างก็กำลังรอดูความคึกคักอยู่ที่นั่น ฉันเองก็อยากดูอีกเช่นกัน” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เมื่อเห็นหลี่เสวี่ยเยี่ยนวิ่งออกไปอีกครั้ง ฉินมู่หลานส่ายศีรษะอย่างอดไม่ได้
ขณะนี้เหยาจิ้งจือและเซี่ยเหวินปิงออกมาจากห้องครัว ทั้งสองคนก็ได้ยินบทสนทนาบางส่วนและรู้สึกว่าตระกูลเฝิงและหัวหน้าหมู่บ้านนั้นกำลังมีปัญหากันอยู่
“มู่หลาน พวกเราไม่ต้องไปสนใจเสวี่ยเยี่ยนหรอก เดี๋ยวพวกเราทำอาหารกินกันเอง ตอนนี้เธอจะคงรู้สึกหิวง่ายยิ่งขึ้น ไม่ควรพลาดมื้ออาหารนะ”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้น หล่อนยิ้มพลางพยักหน้า
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้พวกเขาคาดไม่ถึงนั่นก็คือหลี่เสวี่ยเยี่ยนกลับมาอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันบนใบหน้านั้นปรากฏความประหลาดใจ “คาดไม่ถึงเลยว่าเย่เสี่ยวเหอจะใจกว้างขนาดนี้ หล่อนมอบเงินก้อนนั้นให้กับพวกเขาทั้งหมดเลย”
“มอบอะไรนะ?”
เหยาจิ้งจือเห็นว่าสะใภ้ใหญ่กลับมา จึงเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้
หลี่เสวี่ยเยี่ยนรีบเล่าเรื่องราวเมื่อสักครู่นี้ “แม่คะ มู่หลาน วันนี้เย่เสี่ยวเหอมอบเงินก้อนนั้นให้พวกเขาจริงๆ พวกฉันเองก็เพิ่งจะรู้ตอนนี้ เฝิงจื้อหมิงประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตและได้รับเงินชดเชยเจ็ดพันหยวน พระเจ้า เจ็ดพันหยวน เงินเยอะมาก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เย่เสี่ยวเหอมอบเงินทั้งหมดให้เลยจริงๆเหรอคะ?”
“ใช่แล้ว มอบให้ทั้งหมดเลย หล่อนกล่าวว่าหลังจากนี้เป็นต้นไปจะตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลเฝิง ทั้งสองตระกูลจะไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันอีกแล้ว” หลี่เสวี่ยเยี่ยนรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย เพราะปกติแล้วเย่เสี่ยวเหอไม่เหมือนคนใจกว้างขนาดนี้
อีกด้านหนึ่ง บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน
ขณะนี้ผู้คนรอบข้างที่เข้ามารับชมความสนุกต่างก็จากไปแล้ว เนื่องจากคนต้นเรื่องก็จากไปแล้วและไม่มีอะไรให้รับชม
เย่ต้าหย่งจ้องมองเย่เสี่ยวเหอด้วยสีหน้าเดือดดาล “แกทำอะไรลงไป ต่อให้ตระกูลเฝิงอยากได้เงิน แกก็ไม่จำเป็นจะต้องมอบเงินทั้งหมดให้กับพวกเขานี่ อย่างไรนั่นก็เป็นทรัพย์สินมรดกของเฝิงจื้อหมิง ไม่มีเหตุผลที่จะไม่รับเงินแม้แต่หยวนเดียว ตามหลักแล้วแกมอบให้กับตระกูลเฝิงเพียงครึ่งเดียวก็ดีมากพอแล้ว”
ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยพลางมองลูกสาวของตนด้วยสีหน้าไม่พอใจเช่นกัน “ใช่แล้ว แกหุนหันพลันแล่นเกินไป แกมอบเงินทั้งหมดให้พวกเขาไปแบบนี้ งั้นชีวิตหลังจากนี้ของแกจะทำอย่างไร”
มองดูสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามของพ่อและแม่ นัยน์ตาของเย่เสี่ยวเหอก็ฉษยแววเย้ยหยัน หล่อนไม่ได้กล่าวอะไร แต่กลับเดินเข้าไปภายในห้องและหยิบถุงผ้าออกมา จากนั้นโยนลงบนโต๊ะพร้อมกับเอ่ย “ฉันมีเงินของตัวเอง ไม่จำเป็นจะต้องยุ่งเกี่ยวกับตระกูลเฝิงอีกต่อไป”
“แก……”
คู่สามีภรรยาเย่ต้าหย่งมองดูเงินในถุงผ้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ แม้ว่าจะยังไม่ได้นับ แต่เงินอัดแน่นอยู่เต็มกระเป๋า อย่างน้อยก็น่าจะมีอยู่หลายพัน “เสี่ยวเหอ แกเอาเงินพวกนี้มาจากไหน?” เป็นที่ทราบดีว่าเงินค่าชดเชยอุบัติเหตุของเฝิงจื้อหมิงนั้นถูกมอบให้กับตระกูลเฝิงไปหมดแล้ว เช่นนั้นลูกสาวไปเอาเงินนี้มาจากไหนกัน
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ดูจากนิสัยของยัยดอกบัวขาวแล้ว นางรับจ็อบเสริมตอนที่สามีไม่อยู่บ้านหรือเปล่านะ?
ไหหม่า(海馬)