ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 21 การฝังเข็ม
ตอนที่ 21 การฝังเข็ม
ตอนที่ 21 การฝังเข็ม
“นั่นใคร?”
ลุงเจี่ยงกำลังทำอาหารอยู่ ครั้นได้ยินเสียงก็หันมองไปทางประตูทันที หลังจากพบว่าเป็นฉินมู่หลาน สีหน้าจึงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “สหายน้อย เธอมาแล้ว เข้ามาข้างในเร็ว”
นับตั้งแต่นายน้อยได้ดื่มยาต้ม อาการไอก็ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด แสดงให้เห็นว่าตัวยาให้ผลรักษาดีจริง ๆ
“ลุงเจี่ยง แล้วนายน้อยของลุงล่ะคะ?”
ลุงเจี่ยงยังไม่ทันได้เอ่ยตอบ เสียงเปิดประตูอีกด้านหนึ่งก็ดังขึ้น เมื่อเห็นเจี่ยงสือเหิงเดินมาด้วยเนื้อตัวมอมแมมสกปรกพลางถือไม้กวาด ก็ไม่หลงเหลือรูปลักษณ์อันหรูหราสง่างามอีกต่อไป อีกทั้งเนื้อตัวยังมีกลิ่นเหม็นด้วย มองเพียงครู่เดียวก็รู้ได้ทันทีว่าเขาเพิ่งล้างห้องน้ำเสร็จ
เจี่ยงสือเหิงตกใจเมื่อเห็นฉินมู่หลาน เขาเอ่ยขอโทษในทันที “สหายน้อย สภาพแวดล้อมไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ทำเธอลำบากเสียแล้ว”
ฉินมู่หลานส่ายศีรษะพลางเอ่ยทันที “พวกคุณลุงต่างหากค่ะที่ต้องทนลำบาก ลุงจะไปล้างหน้าก่อนไหมคะ”
“ครับ กรุณารอสักครู่นะครับ”
ในตอนนี้ ลุงเจี่ยงก้าวเดินมาข้างหน้าด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
“นายน้อย ผมบอกแล้วว่าให้ผมทำเอง แต่ท่านก็ยังทำ งานพวกนั้นเป็นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมจะดีเสียกว่า”
เจี่ยงสือเหิงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ลุงเจี่ยง หากลุงไปก็ไม่มีประโชน์อะไรหรอก คนพวกนั้นยังไงก็จะให้ฉันไปอยู่ดี ดังนั้นอย่าเสียเวลาเสียพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์เลย”
ลุงเจี่ยงไม่เอ่ยสิ่งใดอีกต่อไป ทำเพียงแค่เทน้ำแล้วจุ่มผ้าบิดจนแห้งอย่างรวดเร็ว พลางเตรียมเสื้อผ้าสะอาดให้เจี่ยงสือเหิงเปลี่ยน
เจี่ยงสือเหิงทำความสะอาดร่างกายเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมา และเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “สหายน้อย ขอบคุณเธอมากเลยนะที่มาเยี่ยม ยาที่ให้มาได้ผลดีมากเลย ฉันรู้สึกว่าอาการไอของฉันลดลงไม่น้อย”
ฉินมู่หลานมั่นใจในใบสั่งยาของตนเอง ถึงอย่างไรโรคที่เจี่ยงสือเหิงเป็นก็ค่อนข้างรักษาได้ยาก การจ่ายยาให้เป็นเพียงการรักษาตามอาการเท่านั้น ไม่ใช่การรักษาตรงจุดที่เป็นสาเหตุ “ตราบใดที่มันได้ผลก็ย่อมดีค่ะ ขอตรวจชีพจรคุณลุงหน่อยนะคะ”
“ได้สิ รบกวนสหายน้อยแล้วล่ะ”
เจี่ยงสือเหิงยื่นมือออกมา และเอ่ยถามอย่างสงสัย “สหายน้อย เรายังไม่ทราบเลยว่าเธอชื่อแซ่อะไร หากเรียกเธอว่าสหายน้อยตลอดคงไม่ดี”
“หนูแซ่ฉินค่ะ”
ฉินมู่หลานกำลังตรวจคลำชีพจรพลางเอ่ยตอบกลับไป ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “ตอนนี้มีอาการไอช่วงกลางวันหรือกลางคืนบ้างไหมคะ?”
แม้เจี่ยงสือเหิงจะกล่าวว่าอาการไอบรรเทาลงไปบ้างแล้ว แต่จากการตรวจชีพจรก็สามารถบ่งบอกให้รู้ได้ว่าเขายังคงมีอาการไออยู่ แต่ไอไม่หนักมาก เรียกได้ว่า อาการทุเลาลงกว่าเมื่อก่อน
เจี่ยงสือเหิงได้ยินดังนั้น จึงเอ่ยบอกอย่างตรงไปตรงมา “ยังคงไอเยอะอยู๋ในช่วงกลางคืน” หลังจากเอ่ยจบก็พูดขึ้นอีกครั้ง “สหายน้อย จากนี้ไปฉันจะเรียกเธอว่าหมอฉินนะ”
ฉินมู่หลานเองก็ไม่ได้ว่าอะไรจึงพยักหน้า พลางเอ่ย “ได้ค่ะ”
หลังจากนั้นเธอก็เอ่ยถามเพิ่มเติมอีกสองสามข้อ หลังจากที่เจี่ยงสือเหิงตอบหมดแล้ว เธอก็มองดูลักษณะลิ้นของเขาอีกครั้ง “ทุกอย่างดีขึ้นค่ะ แต่ก็ดีขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น วันนี้เดี๋ยวหนูจะฝังเข็มให้คุณลุง แล้วเปลี่ยนใบสั่งยาให้อีกอัน หลังจากนั้นอีกสามวัน หนูจะมาใหม่”
“ได้ ยังไงก็เชื่อฟังคุณหมอฉินอยู่แล้ว”
ถึงแม้ว่าฉินมู่หลานจะดูเยาว์วัย แต่เจี่ยงสือเหิงกลับคิดว่าฝีมือทางการแพทย์ของเธอค่อนข้างดีมากทีเดียว หลังจากที่เขากินยาไปแล้ว อาการต่าง ๆ ก็เริ่มดีขึ้น นอกจากนี้ยังนอนหลับได้ดีมากขึ้นอีกด้วย
เมื่อลุงเจี่ยงได้ยินว่าเธอจะมาฝังเข็ม จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “หมอฉิน การฝังเข็มนี่ใช้เวลานานไหม?”
“อาจจะต้องใช้เวลามากกว่าครึ่งชั่วโมงค่ะ”
อาการของเจี่ยงซือเหิงค่อนข้างรักษายาก ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังเป็นการฝังเข็มครั้งแรก ดังนั้นจึงต้องใช้เวลานานสักหน่อย “เอาล่ะ พวกเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ ถอดเสื้อผ้าออกค่ะ”
เจี่ยงสือเหิงรู้สึกตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น การถอดเสื้อผ้าต่อหน้าผู้หญิงคงไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าใด
ฉินมู่หลานเห็นว่าเจี่ยงสือเหิงไม่ยอมขยับมือ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเร่งเร้าอีกครั้ง “ทำไมเหรอคะ เร็วหน่อยค่ะ”
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของฉินมู่หลานดูไม่ตกใจเลยสักนิดและยังดูเหมือนร้อนใจอีกด้วย เจี่ยงสือเหิงจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา เขาคงคิดมากเกินไป แม้อีกฝ่ายจะเป็นหญิงสาว แต่เธอเองก็เป็นหมอคนหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงยอมทำตามที่บอกและเริ่มถอดเสื้อผ้าออก
ลุงเจี่ยงกลัวว่านายน้อยของเขาจะเป็นหวัด จึงรีบหาถ่านจำนวนหนึ่งมาจุดไฟแล้ววางเอาไว้ข้างเตียง
ฉินมู่หลานได้นำเข็มทองชุดนั้นออกมาเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะหยิบขึ้นมาหนึ่งเล่มแล้วเริ่มลงมือทันที
ไม่นานนัก ทั่วเรือนร่างของเจี่ยงสือเหิงก็เต็มไปด้วยเข็มทองปักอยู่
“เรียบร้อยค่ะ อีกสิบห้านาทีให้หลังจะดึงเข็มออกนะคะ”
เมื่อครบสิบห้านาที ฉินมู่หลานจึงทำการดึงเข็มบนเรือนร่างของเจี่ยงสือเหิงออก แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้ หลังจากที่เธอให้เจี่ยงสือเหิงสวมเสื้อผ้าแล้ว ก็เริ่มทำการฝังเข็มบริเวณศีรษะอีกครั้ง
ลุงเจี่ยงมองด้วยความตื่นตระหนก มีสิ่งที่อยากเอ่ยถามอยู่ในใจหลายข้อ แต่ก็เกรงว่าจะรบกวนฉินมู่หลาน ในที่สุดจึงยืนมองอยู่อย่างเงียบ ๆ โดยไม่เอ่ยถามสิ่งใดทั้งสิ้น
ฉินมู่หลานจับเวลา จนกระทั่งเวลาครบกำหนด จึงดึงเข็มทองออกจากบริเวณศีรษะของเจี่ยงสือเหิง
หลังจากที่ฉินมู่หลานเก็บเข็มทองคำออกไป เจี่ยงสือเหิงก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยสายตาที่มีความสุข “หมอฉิน ตอนนี้ฉันรู้สึกสดชื่นขึ้นมากเลย รู้สึกไม่คันคอเหมือนเคยแล้วด้วย”
“นี่เป็นเพียงการบรรเทาอาการเพียงชั่วคราวเท่านั้นค่ะ โรคของคุณลุงเองก็เหมือนกัน อาจต้องใช้เวลาฝังเข็มอย่างน้อยสองเดือน หลังจากนี้ทุก ๆ สามวันหนูจะมาหานะคะ” หลังจากเอ่ยจบ ฉินมู่หลานก็หยิบใบสั่งยาที่เธอเพิ่งเขียนขึ้นมาพลางเอ่ยต่อ “เดี๋ยวหนูจะไปรับยาก่อน คุณลุงพักผ่อนก่อนนะคะ”
“หมอฉิน ต่อไปให้ลุงเจี่ยงไปรับยาแทนก็ได้นะ”
ลุงเจี่ยงพยักหน้าอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเช่นนั้นพลางเอ่ยขึ้น “ใช่แล้ว หมอฉิน ต่อไปให้ผมไปเถอะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ พวกคุณลุงน่าจะไม่สะดวกออกไปซื้อยา หนูไปเองดีกว่าค่ะ”
ฉินมู่หลานเอ่ยจบก็เดินออกไป เมื่อได้รับค่ารักษาพยาบาลมามากมาย เธอจึงมีความสุขระหว่างเดินทาง ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังต้องการสนิทสนมกับคุณหมอซ่งให้มากขึ้นอีกด้วย
เมื่อฉินมู่หลานมาถึงโรงพยาบาลแพทย์แผนจีน ก็ได้เห็นว่าคุณหมอซ่งกำลังยุ่งวุ่นวาย นอกจากนี้ยังมีคนรอคิวเข้าตรวจกับเขาอีกสองคน
ฉินมู่หลานเห็นดังนั้นจึงเข้าไปรอต่อแถวด้วยเช่นกัน เมื่อถึงเวลาของเธอ ก็ได้ยื่นใบสั่งยาไปให้เขาตรง ๆ พลางเอ่ยว่า “คุณหมอซ่ง ฉันขอสั่งยาค่ะ”
ซ่งโหย่วเต๋อเห็นใบสั่งยา จึงเงยหน้ามองฉินมู่หลานอีกครั้ง พลางเอ่ย “ครั้งนี้เปลี่ยนใบสั่งยาใหม่แล้วสิ” เขาประทับใจในตัวฉินมู่หลาน ขณะเดียวกันก็จำใบสั่งยาที่ฉินมู่หลานเคยนำมาครั้งก่อนได้ด้วย
“ใช่ค่ะ อาการทุเลาลงแล้ว จึงต้องเปลี่ยนตัวยาสักหน่อย”
ได้ยินเช่นนั้น ซ่งโหย่วเต๋อจึงพักหน้าพลางเอ่ยกล่าวต่อ “ได้สิ เดี๋ยวจะจ่ายยาให้นะ”
หลังจากฉินมู่หลานได้รับยาแล้ว ก็ได้เอ่ยพูดคุยกับซ่งโหย่วเต๋ออยู่อีกนิดหน่อย ตอนนี้ไม่มีใครแล้ว ดังนั้นทั้งสองจึงแลกเปลี่ยนเรื่องความรู้ทางการแพทย์กันอย่างมากมายโดยไม่รู้ตัว
ยิ่งได้พูดคุยกับฉินมู่หลานมากเท่าใด ซ่งโหย่วเต๋อก็รู้สึกทึ่งมากขึ้นเท่านั้น เขาพบว่าฉินมู่หลานไม่ได้มีเพียงพื้นฐานที่ดีเท่านั้น ความคิดอ่านก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน ฝีมือทางการแพทย์ก็สูงส่งมาก
ยิ่งทั้งสองคุยกันมากเท่าไรก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นเท่านั้น หากเพียงฉินมู่หลานไม่รีบร้อนเธอก็ยังอยากพูดคุยกับซ่งโหย่วเต๋อต่อไป “คุณหมอซ่งคะ หนูต้องขอตัวก่อน เอาไว้หนูจะมาหาอีกนะคะ”
“ครับ”
ซ่งโหย่วเต๋อเองก็ไม่ได้รั้ง ขณะเดียวกันก็เอ่ยกับฉินมู่หลานด้วยรอยยิ้ม “ต่อไปหากมียาดีก็นำมันมาอีกนะ”
“ค่ะ ขอบคุณหมอซ่ง”
หลังออกจากโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนแล้ว ฉินมู่หลานก็ได้นำยากลับไปมอบให้กับลุงเจี่ยง หลังจากนั้นจึงรีบมุ่งหน้าตรงไปยังที่ทำการไปรษณีย์โดยไม่รีรอ แล้วทำการส่งบทความสองฉบับที่ตนเองเขียนถึงสำนักพิมพ์วารสารประจำจังหวัด จะผ่านการคัดเลือกหรือไม่นั้น เธอเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน
เมื่อเสร็จเรื่องแล้ว ฉินมู่หลานจึงเตรียมจะออกจากที่ทำการไปรษณีย์ แต่สิ่งที่เธอคาดไม่ถึงก็คือ มีใครบางคนเอ่ยเรียกเธอไว้
“พี่สะใภ้ ทำไมคุณถึงมาอยู๋ที่นี่ได้?”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
รอดูเลยค่ะว่าจะหายขาดไหม
เจอใครกันนะ
ไหหม่า(海馬)