ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 212 มาถึงบ้าน (1)
ตอนที่ 212 มาถึงบ้าน (1)
ตอนที่ 212 มาถึงบ้าน (1)
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของฉินมู่หลาน เซี่ยเหวินปิงย่อมเป็นคนแรกที่เห็นด้วย และเหยาจิ้งจือเองก็พยักหน้าพร้อมกับเอ่ย “ตกลง พรุ่งนี้พวกเราไปเมืองหลวงกัน”
เซี่ยเจ๋อเหว่ยและหลี่เสวี่ยเยี่ยนที่อยู่ด้านข้างลังเลอยู่ชั่วขณะและตัดสินใจไปด้วยกัน แต่เซี่ยเหวินปิงที่อยู่ด้านข้างกล่าว “เจ๋อเหว่ย ครอบครัวแกรออยู่ที่นี่เถอะ ถ้าหากพบเจออันตรายใด ฉันเกรงว่าโหยวหย่งและพวกเขาจะไม่สามารถดูแลได้ อย่างไรบ้านแกก็ยังมีเสี่ยวอวี่”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซี่ยเจ๋อเหว่ยและหลี่เสวี่ยเยี่ยนพลันนิ่งเงียบอย่างอดไม่ได้ จากนั้นเริ่มครุ่นคิดว่าจะไปเมืองหลวงหรือไม่
เหยาจิ้งจือคิดว่าต่อให้โหยวหย่งจะมีลูกน้องมากมาย แต่ถ้าครอบครัวลูกชายคนโตไปด้วย อาจจะดูแลได้ไม่ทั่วถึง ยิ่งกว่านั้นหลานชายยังเด็กมาก หากเผชิญอันตรายจริงๆ ก็จะเกิดปัญหาได้ง่ายกว่าใคร จึงเอ่ยโน้มน้าวเช่นกัน “ใช่แล้วเจ๋อเหว่ย ครอบครัวของพวกแกคอยอยู่ที่นี่เถอะ”
สุดท้ายแล้วครอบครัวเซี่ยเจ๋อเหว่ยและหลี่เสวี่ยเยี่ยนทั้งสามคนก็เลือกคอยอยู่ที่นี่
ฉินมู่หลานยังขอช่วยทั้งสองคนคอยช่วยเหลือและดูแลฉินเจี้ยนเซ่อ
หลี่เสวี่ยเยี่ยนได้ยินเช่นนั้นก็รีบเอ่ย “มู่หลาน เธอวางใจเถอะ พวกเราจะไปเยี่ยมคุณลุงกับคุณป้าทุกวัน หากมีเรื่องอะไรจะรีบติดต่อพวกเธอทันที”
“ตกลง เช่นนั้นก็ขอบคุณพี่สะใภ้แล้วค่ะ”
ฉินมู่หลานยิ้มพลางเอ่ยขอบคุณ ครั้นเห็นว่าตนต้องออกจากหมู่บ้านชิงซาน เธอจึงถือโอกาสกลับไปยังบ้านแม่และบอกพ่อกับแม่เรื่องการเดินทางในวันพรุ่งนี้
“มู่หลาน จะกลับไปเร็วขนาดนี้เลยหรือ”
ใบหน้าของซูหว่านอี๋เต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ ฉินเจี้ยนเซ่อที่อยู่ด้านข้างก็เช่นกัน ทั้งสองคนย่อมหวังว่าลูกสาวจะคอยอยู่เคียงข้าง กระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก คู่รักหนุ่มสาวอยู่ด้วยกันนั้นดีกว่า แยกกันอยู่เป็นเวลานานย่อมไม่ดีนัก ยิ่งกว่านั้นลูกสาวยังตั้งครรภ์แฝด การทำคลอดภายในโรงพยาบาลทหารมีความปลอดภัยมากกว่า
“ในเมื่อจะกลับไปแล้วงั้นก็เดินทางปลอดภัยนะ”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้นพลันพยักหน้าและเอ่ย “พ่อคะ แม่คะ สบายใจได้ค่ะ หนูจะระมัดระวังให้มากขึ้น”
“โอเค”
วันนี้ฉินเคอวั่งขึ้นไปเก็บสมุนไพรบนเขาอีกครั้ง เมื่อเขากลับมาก็รู้ว่าพี่สาวกำลังจะออกไปจากหมู่บ้านแล้ว ต่อให้จะไม่ยินยอมเท่าไรนัก แต่ยังพยายามยิ้มอย่างสุดความสามารถ “พี่ครับ เดินทางปลอดภัยนะครับ”
“อือ เคอวั่งของพวกเราเก็บสมุนไพรทุกวัน อย่าทิ้งการเรียนล่ะ”
“พี่สาวสบายใจได้เลย ผมอ่านหนังสือทุกวันครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉินมู่หลานพยักหน้าและเอ่ย “งั้นก็ดีแล้ว”
ฉินเคอวั่งพลันนึกถึงสมุนไพรที่พี่สาวต้องการเมื่อก่อนหน้านี้ จากนั้นเขารีบเทสิ่งของที่อยู่ภายในตะกร้าออกมาและเอ่ย “พี่ครับ วันนี้ผมเก็บสมุนไพรหายากมาเยอะเลย พี่ลองดูว่าต้องการสิ่งเหล่านี้ไหม”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้พลันหันศีรษะไปมองและพบว่าน้องชายนั้นเก็บสมุนไพรมาไม่น้อย ภายในนั้นยังมีเหอโส่วอู*ต้นหนึ่งด้วย “เคอวั่ง ครั้งนี้นายได้เก็บเกี่ยวประโยชน์มากมาย สมุนไพรเหล่านี้เป็นวัตถุดิบชั้นดี ไม่ว่าจะเก็บไว้ใช้เองหรือว่าขายก็ได้ทั้งนั้น”
*何首乌 (Polygonum multiflorum)สมุนไพรจีนตระกูลเดียวกับผักไผ่ มีหัวสีดำใต้ดินที่มีฤทธิ์ขับพิษ แก้ไข้มาลาเรีย เป็นยาระบาย
ขณะกล่าวก็พลันพบเห็นลำโพงกาสลักต้นหนึ่ง “เคอวั่ง คาดไม่ถึงเลยว่านายจะเก็บสิ่งนี้มา”
เมื่อเห็นพี่สาวสนใจ เคอวั่งยิ้มอย่างอดไม่ได้และเอ่ย “ก่อนหน้านี้ผมเห็นพี่ต้องการต้นโกวเหวิ่น* ผมก็เลยคิดว่าพี่อาจจะต้องการสิ่งนี้ดังนั้นก็เลยเก็บมาด้วย”
*钩吻 (Gelsemium elegans) สมุนไพรจีนชนิดหนึ่ง ในไทยเรียกว่าต้นมะเค็ด มีฤทธิ์ขับพิษ แก้คัน ลดอาการปวดบวม ฆ่าแมลง
ฉินมู่หลานต้องการจริงๆ “งั้นดีเลย ฉันต้องการสิ่งนี้ ส่วนสมุนไพรที่เหลือนายก็กลั่นออกมาให้ดีล่ะ”
“ครับ”
เมื่อเห็นว่าพี่สาวต้องการจริงๆ ฉินเคอวั่งรู้สึกมีความสุขมาก
ฉินมู่หลานนั่งอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็กลับไป
กระทั่งวันถัดมา ฉินมู่หลาน เหยาจิ้งจือและเซี่ยเหวินปิงพาเหวินเชี่ยนกับหวังหู่ออกเดินทางไปยังสถานีรถไฟ ส่วนโหยวหย่งและกลุ่มคนของเขานั้นเตรียมการไปยังเมืองหลวงด้วยตนเอง เพราะการพาหงเทียนเอินที่ถูกมัดไปพร้อมกับกลุ่มชายร่างใหญ่กำยำหน้าตาดุร้ายอาจเป็นที่สะดุดตาเป็นอย่างมากในระหว่างทาง
เนื่องจากเป็นการตัดสินใจเดินทางไปยังเมืองหลวงอย่างเร่งรีบ ดังนั้นจึงไม่สามารถซื้อตั๋วนอนได้
“มู่หลาน ไม่อย่างนั้นพวกเราค่อยเดินทางวันพรุ่งนี้เถอะ”
ฉินมู่หลานส่ายศีรษะและกล่าว “ไม่ต้องหรอกค่ะแม่ ไม่นานเท่าไรหรอกค่ะ ดังนั้นพวกเราซื้อตั๋วนั่งกันเถอะค่ะ”
“แต่ว่า…….”
เหยาจิ้งจือยังคงกลัวว่าสะใภ้เล็กจะรู้สึกเหนื่อย ท้องโตขนาดนั้น หากมีการกระแทกขึ้นมาจะทำอย่างไร
เซี่ยเหวินปิงที่อยู่ด้านข้างเอ่ย “จิ้งจือ มู่หลานน่าจะรู้สถานการณ์ของตัวเองอยู่ ดังนั้นพวกเรารีบไปซื้อตั๋วเถอะ”
เมื่อเห็นสามีกล่าวเช่นนี้ เหยาจิ้งจือก็ถลึงตามองเขาอย่างอดไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก แม้จะไม่ได้อยู่กับลูกสะใภ้มานานเท่าไรนัก แต่ก็รู้นิสัยพูดคำไหนคำนั้นของลูกสะใภ้เล็ก เมื่อตัดสินใจแล้วจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
คนกลุ่มสุดท้ายซื้อตั๋วรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว
หลังจากพวกเขาถึงเมืองหลวงและลงจากรถไฟไก้ เหยาจิ้งจือมองฉินมู่หลานด้วยความประหม่าและเอ่ย “มู่หลาน เธอรู้สึกอย่างไรบ้าง รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
ฉินมู่หลานส่ายศีรษะและเอ่ย “แม่คะ ฉันสบายดี ไม่รู้สึกไม่สบายตรงไหนเลยค่ะ แต่อย่างไรก็ตาม…….” เมื่อเอ่ยคำพูดสุดท้าย ฉินมู่หลานเอ่ยเสนอความคิด “พวกเราไปบ้านพ่อบุญธรรมของฉันกันเถอะค่ะ อย่าเพิ่งไปบ้านตระกูลเหยาเลย เพื่อที่จะได้ไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น”
ผู้คนหลายคนย่อมให้ฉินมู่หลานตัดสินใจ สุดท้ายหวังหู่ก็คอยติดต่อกับโหยวหย่งและพวกเขาเพียงลำพัง ส่วนคนอื่นก็ตรงไปยังบ้านตระกูลเจี่ยง
เจี่ยงสือเหิงเห็นผู้คนมากันหลายคน ใบหน้าพลันเต็มไปด้วยความสุข
“มู่หลาน พวกลูก พวกลูกมากันได้อย่างไร”
ฉินมู่หลานมีความสุขมากที่ได้พบกับเจี่ยงสือเหิง เซี่ยเหวินปิงและเหยาจิ้งจือเองก็รีบก้าวเข้ามาทักทาย หลังจากทุกคนนั่งลง พวกเขาก็เล่าเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นทั้งหมด
หลังจากเจี่ยงสือเหิงได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ เขาถอนหายใจอย่างอดไม่ได้และเอ่ย “เป็นฝีมือของยินอวี่โหรวจริงๆ แม่สามีอยู่ต่างเมืองมาเนิ่นนานหลายปีและให้คนอื่นครอบครองทรัพย์สินมีชีวิตอย่างมีความสุข”
“ใช่ ใครจะคาดคิดว่ายินอวี่โหรวจะชั่วร้ายขนาดนี้”
เหยาจิ้งจือทอดถอนหายใจ
แม้ว่าหล่อนจะถูกหาพบแล้ว แต่กับนายท่านเหยาคุณนายเหยาแล้วพวกเขายังคงเป็นคนแปลกหน้าเล็กน้อย ขณะที่เหยาจิ้งถงและผู้อาวุโสทั้งสองคนนั้นกลับสนิทสนมกันมาก อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างคุณนายเหยาและยินอวี่โหรวน้องสาวแท้ๆนั้นก็ดีมาก ตอนนี้หล่อนจึงรู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อย หากผู้อาวุโสทั้งสองรู้ความจริงเรื่องนี้แล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
“แม่คะ แม่ไม่ต้องคิดมาก อย่างไรก็เรื่องนี้คุณตากับคุณยายก็ต้องรับรู้ ส่วนหลังจากที่พวกเขารู้แล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องของพวกเขา”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหยาจิ้งจือก็พยักหน้าและเอ่ย “ใช่ อย่างไรก็ต้องพูด ส่วนพวกเขาจะทำอย่างไรนั้นก็เรื่องของพวกเขา ถ้าหาก……”
เมื่อเอ่ยคำพูดสุดท้าย เหยาจิ้งจือนิ่งเงียบ
หากนายท่านเหยาและคุณนายเหยานึกถึงความรู้สึกของการเลี้ยงดู เช่นนั้นทัศนคติของหล่อนที่มีต่อผู้อาวุโสทั้งสองก็จะเปลี่ยนไปเช่นกัน อย่างไรหลายปีเนิ่นนานมานี้หล่อนเองก็ใช้ชีวิตอยู่รอดมาได้โดยไร้ซึ่งพ่อและแม่ผู้ให้กำเนิด
เมื่อครุ่นคิดได้เช่นนี้ เหยาจิ้งจือก็ทอดถอนใจ
ถึงอย่างนั้นหล่อนได้เตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดไว้แล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่สำคัญ
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
รอดูคนโดนกระชากหน้ากากเลยค่ะ ตอนต่อๆไปต้องมันแน่ๆ
ไหหม่า(海馬)