ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 218 เอาใจออกห่าง(1)
ตอนที่ 218 เอาใจออกห่าง(1)
ตอนที่ 218 เอาใจออกห่าง(1)
หลังจากยินอวี่โหรวกับคนอื่นโดนพาตัวไป เซี่ยเจ๋ออหลี่ก็หันมองไต้เย่แล้วพูดขึ้น “เอาล่ะ คุณเองก็กลับเถอะครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ไต้เย่ก็รีบพยักหน้าทันที “ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัว”
เมื่อพูดจบ เขาก็รีบเดินออกจากประตูทันที กลัวว่าจะโดนจับไปด้วยเหมือนกัน
“อาหลี่…”
นายท่านเหยาเห็นไต้เย่กำลังจะกลับไป ก็อดมองเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ได้
เซี่ยเจ๋อหลี่จึงชี้แจงให้ทราบตามตรง “นี่เป็นข้อตกลงที่ทำไว้กับเขาตั้งแต่แรกครับ ขอเพียงแค่เขามาเป็นพยานปากให้ พวกเราจะไม่ติดใจเอาความในสิ่งที่แม่ของเขาก่อขึ้นในตอนนั้น”
เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่พูดแบบนั้น นายท่านเหยาก็ไม่พูดอะไรอีก และหันมองพวกเหยาจิ้งจือแล้วพูดขึ้น “จิ้งจือ พวกลูกไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ เดี๋ยวถึงเวลาทานข้าว พ่อจะให้คนไปตามพวกลูก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหยาจิ้งจือก็พยักหน้า แล้วตอบกลับ “ค่ะ ถาอย่างนั้นพวกฉันขอไปพักก่อนนะคะ”
หลังจากฉินมู่หลานและคนอื่นกลับไปยังลานบ้านเล็ก เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงก็พากันมองเซี่ยเจ๋อหลี่อย่างนึกสงสัยก่อนจะเอ่ยถาม “อาหลี่ แกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วไปเจอพยานหลักฐานได้ยังไง?”
“ก่อนหน้านี้ผมขอให้ฉินจื้อเจียสหายของผมที่อยู่ปักกิ่งช่วยสืบเรื่องนี้ หลังจากเสร็จภารกิจ เขาก็ติดต่อผมว่าได้เรื่องแล้ว ผมจึงรีบมาปักกิ่ง ไม่คิดเลยว่าทุกคนก็มาแล้วเหมือนกัน จึงรู้สึกว่ามาทันเวลาพอดีเลย”
เหยาจิ้งจือได้ยินเช่นนี้ จึงอดที่จะพูดไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณสหายของแกแล้ว แกต้องไปเลี้ยงมื้อเย็นเขานะ”
“ต้องอย่างนั้นอยู่แล้วครับ”
เซี่ยเจ๋อหลี่บอกกล่าวพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นก็หันมองฉินมู่หลานด้วสายตาอ่อนโยนแล้วเอ่ยถาม “มู่หลาน คุณเหนื่อยหรือเปล่า อยากนอนพักสักหน่อยไหม?”
“ได้ค่ะ”
ฉินมู่หลานรู้สึกเหนื่อยหลังจากยืนมานาน จึงอยากนอนพักสักหน่อยจริง ๆ
ครั้นฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่กลับห้องของตัวเองแล้ว เหยาจิ้งจือก็อดหันไปมองแล้วพูดกับเซี่ยเหวินปิงเสียไม่ได้ “เหวินปิง ฉันอยากไปโรงพยาบาล”
หลังจากที่ทุกอย่างในวันนี้โดนเปิดโปงหมดแล้ว หล่อนจึงได้ทราบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นบนถนนมีตนเองเป็นเป้าหมายของคนร้าย แต่สุดท้ายต้องกลายเป็นเซี่ยเจ๋อน่าที่ได้รับบาดเจ็บแทน
เซี่ยเหวินปิงได้ยินเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้วทันที
“จิ้งจือ ผมรู้ว่าคุณเป็นคนจิตใจอ่อนโยน คุณคิดว่าผู้ร้ายคนนั้นอยากจะแทงคุณ แต่กลับไปโดนเซี่ยเจ๋อน่าแทน แต่คุณก็อย่าลืมว่าตอนนั้นเซี่ยเจ๋อน่าดึงคุณเข้าไปขวางมีด แสดงว่ามันไม่ได้นับถือว่าคุณเป็นแม่เลย ทั้งหมดเป็นความผิดของมันเอง”
เมื่อได้ยินสิ่งที่สามีพูด เหยาจิ้งจือก็เงียบลง จากนั้นก็ถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยตอบ “ได้ ถ้าอย่างนั้นไม่ไปแล้ว แต่ฉันก็อยากถามเรื่องที่โรงพยาบาลบ้างว่าเป็นยังไงแล้ว”
“เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ผมถามพ่อบ้านเหยาเรียบร้อยแล้ว”
อีกด้านหนึ่ง หลังจากคุณนายเหยารอให้ครอบครัวลูกสาวไปพักผ่อนแล้ว ก็หันไปพูดกับนายท่านเหยา “คุณจะส่งจิ้งถงกับสามีเขาเข้าคุกจริงเหรอ พวกเขา…”
แต่คุณนายเหยายังไม่ทันจะพูดจบ นายท่านเหยาก็เอ่ยขัดจังหวะเสียก่อน
“พอแล้ว คุณไม่ต้องพูดถึงมันแล้ว ถ้าจะส่งคนพวกนั้นเข้าตุก แล้วคุณยังลังเลใจอยู่แบบนี้ คุณเชื่อไหมว่าครอบครัวลูกสาวเราจะเอาใจออกห่างจากคุณ”
“ฉัน…”
คุณนายเหยาอ้าปากค้าง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เอ่ยด้วยสีหน้าหดหู่ “ฉันเองก็เหนื่อยแล้ว ขอกลับห้องไปพักก่อนนะ”
หลังจากคุณนายเหยาไปแล้ว นายท่านเหยาก็เรียกหาเหยาซาน “นายช่วยไปจัดการหน่อย ฉันไม่อยากเห็นยินอวี่โหรว เหยาจิ้งถงกับจินหยวนซานสองผัวเมียนั่นอีก ให้พวกเขาอยู่ในนั้นแล้วชดใช้บาปกรรมที่ก่อเอาไว้เสีย”
“ครับ”
พ่อบ้านเหยาก็เกลียดพวกเขามากเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะยินอวี่โหรว คุณหนูจือจือของเขาก็คงไม่ต้องพลัดหลงหายไปตั้งแต่เด็ก เขาจึงอยากเอาคนพวกนั้นเข้าคุกให้ได้
หลังจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นายท่านเหยาก็นั่งลงด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า ลูกสาวแท้ ๆ โดนปองร้าย แต่พวกเขากลับเลี้ยงลูกสาวของศัตรูด้วยเสื้อผ้าและอาหารที่ดีมาตลอด พวกเขาทำเกินไปจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่วันนี้จิ้งจือจะเย็นชาใส่พวกเขา
เหยาจิ้งจือไม่ทราบว่านายท่านเหยาคิดอย่างไร เหตุผลที่หล่อนมีท่าทางเย็นชาในวันนี้ ก็เพราะความผูกพันธ์ของคุณนายเหยาล้วน ๆ แต่ตอนนี้หล่อนพยายามทำตัวเองให้ยุ่ง จึงวางแผนตัดเย็บชุดเสื้อผ้าให้หลานชายหลานสาวที่อยู่ในท้องของสะใภ้เล็ก
ทำงานเย็บปักถักร้อยไปได้ระยะหนึ่งก็มีคนมาเรียกให้ออกไปกินข้าว
เมื่อเห็นว่าสายมากแล้ว เหยาจิ้งจือจึงไปเรียกลูกชายกับลูกสะใภ้ไปกินอาหารด้วยกัน
ฉินมู่หลานตื่นแล้ว เธอกับเซี่ยเจ๋อหลี่ไปที่ห้องกินอาหารด้วยกันแล้ว เพียงแต่เมื่อพวกเขามาถึงกลับพบแค่นายท่านเหยาที่นั่งอยู่เท่านั้น
นายท่านเหยาเห็นพวกเขา จึงรีบยกยิ้มแล้วเอ่ยเชื้อเชิญให้พวกเขานั่งกินข้าว พลางหันมองฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ก่อนจะเอ่ยพูดให้เข้าใจกันถ้วนหน้า “คุณยายของพวกหลานไม่ค่อยสบาย ก็เลยไม่ได้มาร่วมกินข้าวด้วย”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วทันที
หลังสิ่งที่น้องสาวแท้ๆ และลูกสาวบุญธรรมกระทำโดนเปิดโปง คุณนายเหยากลับรู้สึกไม่สบาย หรือว่าจะยอมรับความจริงเรื่องนี้ได้ยาก แต่เธอก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้สักเท่าใด จึงหยิบตะเกียบขึ้นมาเตรียมพร้อมกินอาหาร
เหยาจิ้งจือที่อยู่ด้านข้างอ้าปากขึ้น ตอนแรกอยากจะเอ่ยถามสักสองข้อ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร รู้สึกได้ว่าคุณนายเหยาทราบอยู่แล้วว่าน้องสาวกับลูกสาวบุญธรรมของนางทำอะไร เพียงแต่ไม่อยากเอาเรื่องพวกเขาเช่นนั้น หล่อนจึงรู้สึกผิดหวังกับคุณนายเหยาอยู่นิดหน่อย
นายท่านเหยาเห็นว่าลูกสาวกับพวกหลานชายไม่เอ่ยถามอะไรแล้ว ก็อดถอนหายใจเสียไม่ได้ ครั้งนี้แม่เฒ่าทำไม่ถูกจริง ๆ
บรรยากาศการรับประทานอาหารมื้อนี้จึงเงียบเชียบนิดหน่อย
หลังจากทุกคนกินอาหารเสร็จ เหยาจิ้งจือก็หันไปมองแล้วบอกนายท่านเหยา “พ่อคะ พรุ่งนี้พวกเราจะกลับกันแล้ว อาหลี่ต้องกลับไปทำงาน พวกฉันก็ต้องกลับไปดูแลมู่หลานด้วยค่ะ”
“ทำไมถึงรีบกลับกันเร็วจัง ไม่อยู่ต่ออีกสักสองวันล่ะ อาหลี่ขอหัวหน้าได้ไหม?”
ครั้งนี้เซี่ยเจ๋อหลี่ขอลาได้ เพราะเพิ่งเสร็จภารกิจมา จึงพยักหน้าแล้วตอบกลับ “ก็ได้ครับ อีกสองวันค่อยกลับ”
นายท่านเหยาได้ยินเช่นนี้ก็ดีใจมาก เพียงแต่ดีใจได้เพียงครู่หนึ่ง ข้างนอกก็เกิดการเคลื่อนไหวขึ้น ชายชราคิดจะเรียกพ่อบ้านเหยา แต่เมื่อเห็นว่าพ่อบ้านเหยายุ่งอยู่จึงเรียกหาคนอื่นแทน “ข้างนอกเสียงดังอะไรกัน”
ชายคนนั้นเอ่ยตอบทันทีทันใด “คือ…นายน้อยอี้หนิงกลับมาแล้วครับ”
นายน้อยอี้หนิงคนนั้นก็คงเป็นเหยาอี้หนิงอยู่แล้ว ตอนนี้เขาผลักคนตรงหน้าออก แล้วรีบเดินตรงเข้ามาทันที
เมื่อนายท่านเหยาเห็นเหยาอี้หนิงทำเช่นนี้ จึงขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้น “แกกำลังทำอะไร”
“คุณตา ทำไมผมถึงได้ข่าวว่าคุณตาจับพวกแม่ของผมเข้าคุก เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ?” หลังจากพูดจบเขาก็อดไม่ได้ที่จะไออยู่สองครั้ง การทำภารกิจครั้งนี้ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ เพียงแต่เมื่อได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในปักกิ่ง เขาก็รีบกลับมาทันที
เริ่นม่านลี่ที่อยู่ข้าง ๆ คอยลูบหลังเหยาอี้หนิง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองนายท่านเหยาแล้วเอ่ยถาม “คุณตา เรื่องมันเป็นมายังไงคะ?”
นายท่านเหยาเหลือบมองทั้งสองคน ก่อนจะบอกเล่าเรื่องราวว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้นก็เอ่ยขึ้น “เป็นยินอวี่โหรวที่หวังจะให้ลูกสาวได้มีชีวิตสุขสบาย หล่อนไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะทำให้ฉันต้องเสียลูกสาวแท้ ๆ ไป หล่อนช่างเจ้าเล่ห์เหลือเกิน เป็นเพราะความสัมพันธ์นี้ ตัวแกเองจึงเติบโตมาได้อย่างมีเกียรติ ได้เป็นถึงนายน้อยตระกูลเหยา”
“แล้วจิ้งจือของพวกเราล่ะ หล่อนเติบโตมาอย่างยากลำบากในชนบท แม้แต่พวกอาหลี่เองก็เติบโตมาจากชนบทเหมือนกัน แตกต่างจากชีวิตของแกมาก ในเมื่อพวกแกได้ใช้ชีวิตที่ขโมยไปแล้ว ก็ถึงเวลาทวงคืนกลับสู่เจ้าของ”
“อะไรนะ…นี่เป็นไปไม่ได้”
เหยาอี้หนิงยอมรับความจริงข้อนี้ไม่ได้
อย่าว่าแต่เหยาอี้หนิงเลย แม้แต่เริ่นม่านลี่ก็รับไม่ได้
ตอนแรกหล่อนคิดว่าเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดคือการที่แม่สามีได้ครอบครองมรดกของตระกูลเหยาได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น แต่ตอนนี้อย่าพูดถึงมรดกครึ่งหนึ่งเลย แม่สามีของตนก็ถูกจับเข้าคุกแล้ว ถ้าอย่างนั้นชีวิตของหล่อนกับเหยาอี้หนิงเล่า?
นายท่านเหยาปรายตามองทั้งสอง สุดท้ายจึงเอ่ยว่า “ต่อไปพวกแกไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเหยาอีก แต่ฉันอนุญาตให้พวกแกเอาของทุกอย่างในบ้านไปได้ เพราะฉะนั้นรีบไปเก็บของซะเถอะ หลังจากเก็บเสร็จแล้วก็ออกจากบ้านไปซะ”
“คุณตาครับ ต้องใจร้ายขนาดนี้เลยเหรอ”
“เหอะ…หาว่าฉันใจร้าย ถ้าอย่างนั้นทำไมยินอวี่โหรวถึงใจร้ายกับลูกสาวของฉันก่อนล่ะ ตอนนี้ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ พวกแกรีบไปเก็บข้าวของแล้วรีบออกไปซะ”
เหยาอี้หนิงนึกภาพไม่ออกเลยว่าเขาจะเป็นอย่างไรหลังออกจากตระกูลเหยา ในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยพูดอะไรบางอย่าง ก็พบว่าเริ่นม่านลี่เดินไปตรงประตูแล้ว
ตอนนี้เริ่นม่านลี่ตระหนักได้แล้วว่าสถานการณ์มันร้ายแรงมากแค่ไหน นายท่านเหยาเอ่ยปากบอกให้พวกเขาไป เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องคว้าโอกาสนี้ หากนายท่านเหยาเปลี่ยนใจกะทันหัน เช่นนั้นหากพวกเขาต้องการก็คงไม่อาจรอดพ้นได้แล้ว ดังนั้นหล่อนจึงรีบเก็บข้าวของแล้วกลับไปทันที
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เป็นอะไรที่เจอเข้ากับตัวจริงๆ ก็ช็อคอยู่เหมือนกันนะ เคยอยู่สุขสบายในตระกูลที่ร่ำรวยจู่ๆ ก็ตกต่ำภายในวันเดียวเนี่ย
ไหหม่า(海馬)