ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 22 วิธีปฐมพยาบาลแบบ Heimlich maneuver
- Home
- ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก
- ตอนที่ 22 วิธีปฐมพยาบาลแบบ Heimlich maneuver
ตอนที่ 22 วิธีปฐมพยาบาลแบบ Heimlich maneuver
ตอนที่ 22 วิธีปฐมพยาบาลแบบ Heimlich maneuver
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้นจึงหันมองไปยังต้นเสียง ก่อนจะพบว่าเป็นฟู่ซวี่ตง
“สหายฟู่ ทำไมคุณถึงมาที่นี่คะ?”
ฟู่ซวี่ตงได้ยินเช่นนั้น จึงเอ่ยพูดด้วนรอยยิ้ม “ผมมาส่งของนิดหน่อยครับ แล้วน้องสะใภ้ล่ะ?”
ฉืนมู่หลานพยักหน้า พลางเอ่ย “ค่ะ ฉันเองก็มาส่งของเหมือนกัน”
ถึงแม้ว่าฟู่ซวี่ตงจะรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยว่าเหตุใดฉินมู่หลานไม่ไปส่งไปรษณีย์ในเมืองแต่มาส่งของที่นี่แทน แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดอีกต่อไป แต่กลับพูดพร้อมทั้งรอยยิ้มแทน “น้องสะใภ้ ก่อนหน้านี้พอดีผมติดธุระนิดหน่อย จึงไม่ได้เลี้ยงข้าวคุณสองคนเลย ตอนนี้โอกาสเหมาะพอดี ผมจึงคิดว่าจะชวนคุณกับอาหลี่ไปทานข้าวด้วยกันเสียหน่อย”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น ฉินมู่หลานจึงต้องเอ่ยบอก “สหายฟู่ มันควรจะเป็นฉันและ…อาหลี่ที่ชวนคุณไปทานข้าว แต่ครั้งนี้อาหลี่ไม่ได้มาด้วย บางทีพวกเราอาจจะต้องเข้าเมืองกันก่อนค่ะ”
“ได้สิ เอาไว้ผมจะไปหาพวกคุณหลังจากส่งของเสร็จนะ”
ฟู่ซวี่ตงได้ตัดสินใจที่จะเลี้ยงอาหารมื้อเย็นกับพวกเขา หลังจากได้รบกวนเซี่ยเจ๋อหลี่ให้เป็นธุระให้ในครั้งนี้ เพียงแต่เมื่อถึงเวลาที่เขาต้องจ่ายเงิน เขาจะควักจ่ายในทันที โดยจะไม่ยอมเสียเวลาโต้แย้งกับฉินมู่หลาน
เมื่อฉินมู่หลานเห็นว่าฟู่ซวี่ตงมาคนเดียว จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ดูเหมือนว่าครั้งก่อนจะมีสหายอีกคนนะคะ”
“หวังเจียเหอกลับไปก่อนแล้วครับ”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้นจึงไม่เอ่ยถามอีกต่อไป ทั้งสองขึ้นรถแล้วตรงเข้าไปในเมือง
“สหายฟู่ เดี๋ยวไปถึงเมืองแล้วฉันจะไปตามอาหลี่ที่บ้านก่อน คุณรอพวกเราอยู๋ในเมืองก่อนได้ไหมคะ”
ระยะทางจากตัวเมืองถึงหมู่บ้านค่อนข้างยาวไกล เธอจึงคิดว่าหากไปคนเดียวคงดีกว่า ไม่อยากให้ฟู่ซวี่ตงต้องวิ่งเทียวไปเทียวมา
ฟู่ซวี่ตงพยักหน้าพลางเอ่ยขึ้น “ได้เลยน้องสะใภ้ ผมจะรออยู่ตรงเกสท์เฮาส์ตรงนั้น หลังจากคุณกับอาหลี่มาถึงแล้ว ก็ไปหาผมที่นั่นได้นะ”
“ค่ะ”
เมื่อฟู่ซวี่ตงไปที่เกสท์เฮาส์ ฉินมู่หลานจึงรีบไปซื้อน้ำมัน น้ำตาล เกลือ และเครื่องปรุงรสอื่น ๆ จากนั้นจึงซื้อเถาซูหนึ่งชั่ง หลังจากซื้อเสร็จ ก็รีบมุ่งหน้ากลับบ้าน
เมื่อฉินมู่หลานกลับมาถึงบ้าน เหยาจิ้งจือก็เห็นสิ่งที่อยู่ในมือของเธอในทันที ก่อนจะเอ่ยเชิงตำหนินิดหน่อย “มู่หลาน เธอซื้อมาจริงหรือ แล้วยังซื้อมาเยอะด้วย”
ฉินมู่หลานเอ่ยด้วยรอยยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้น “แม่ คราวที่แล้วฉันใช้เครื่องปรุงรสไปเยอะมาก จำเป็นต้องซื้อมาแทนค่ะ”
เมื่อเห็นว่าเหยาจิ้งจือจะพูดอะไร ฉินมู่หลานจึงรีบเอ่ยเพื่อเปลี่ยนเรื่อง “แม่คะ เพื่อนของอาหลี่มาหาที่นี่ เขาอยากชวนหนูกับอาหลี่ไปกินข้าวด้วยกัน ดังนั้นเดี๋ยวพวกเราจะเข้าไปในเมืองกันอีกรอบนะคะ”
“เพื่อนของอาหลี่อย่างนั้นหรือ?”
เป็นไปตามที่คาดไว้ ความสนใจของเหยาจิ้งจือถูกเบี่ยงเบนไป ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เธอไปเจอเขาในเมืองอย่างนั้นหรือ? เคยเจอเพื่อนอาหลี่มาก่อนหรือ?”
“ใช่ค่ะ เคยเจอกันมาก่อนแล้วหนึ่งครั้ง”
ฉินมู่หลานเล่าเหตุการณ์ครั้งล่าสุดที่เจอกับฟู่ซวี่ตงในเมือง ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “เพื่อนของเขามาทำธุระพอดีค่ะ เสร็จจากงานจึงอยากชวนกินข้าวด้วย”
“อย่างนี้นี่เอง เดี๋ยวฉันไปตามอาหลี่ให้นะ”
“แม่คะ อีกเดี๋ยวก็ใกล้เวลาเลิกงานแล้ว พวกเขาใกล้จะกลับกันแล้วล่ะค่ะ”
ทันทีที่ฉินมู่หลานเอ่ยจบ เซี่ยเจ๋อหลี่และคนอื่น ๆ ก็ได้กลับมาเป็นที่เรียบร้อย
เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่เห็นว่าฉินมู่หลานกลับมาแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”
“เพิ่งกลับมาค่ะ”
ฉินมู่หลานเอ่ยตอบกลับ ก่อนจะบอกเซี่ยเจ๋อหลี่ให้ทราบว่าฟู่ซวี่ตงมาที่เมืองและอยากจะกินข้าวเย็นกับพวกเขา
เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินดังนั้น จึงหันไปเอ่ยบอกเซี่ยเหวินปิงพ่อของตน “พ่อครับ ถ้าอย่างนั้นช่วงบ่ายผมคงไม่ได้ไปช่วยงานนะ ต้องเข้าเมืองไปกับมู่หลานตอนนี้”
“ได้สิ พวกแกรีบไปกันเถอะ”
เมื่อเซี่ยเจ๋อน่าเห็นว่าฉินมู่หลานเพิ่งกลับมาและกำลังจะออกไปข้างนอกอีกครั้ง นอกจากนี้ยังไปกินข้าวในเมืองอีก และก้มมองดูเนื้อตัวของตัวเองที่สกปรกมอมแมมจนดูเหนื่อยล้า หล่อนจึงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที แต่ก่อนจะได้ทันพูดสิ่งใดต่อไป ก็ได้เห็นพี่รองปรายตามองมา เธอจึงกลืนคำพูดของตัวเองเข้าไป
หลังจากที่ฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่มาถึงเมืองแล้ว ก็มุ่งหน้าตรงไปยังเกสต์เฮาส์ทันที คิดไม่ถึงว่าฟู่ซวี่ตงจยืนรออยู่ตรงหน้าประตู
เมื่อฟู่ซวี่ตงเห็นทั้งสองคนมาถึงแล้ว จึงก้าวเดินมาหาพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อาหลี่ น้องสะใภ้ มากันแล้วเหรอ”
เซี่ยเจ๋อหลี่เองก็ดีใจที่ได้พบฟู่ซวี่ตงเช่นกัน จึงก้าวเดินตรรงไปพลางตบบ่าของเขาด้วยรอยยิ้ม ขณะเดียวกันก็เอ่ยถามอย่างนึกสงสัย “ทำไมยังไม่กลับอีก?”
“พรุ่งนี้ฉันก็กลับแล้ว แต่คิดได้ว่ายังไม่ได้เลี้ยงข้าวนายกับน้องสะใภ้เลย ก็เลยมาหานี่แหละ”
“อย่างนี้ไม่ได้หรอก นายมาหาพวกเราต้องเป็นคนเลี้ยง ยังไงก็ต้องให้พวกเราก็เป็นเจ้าภาพ” หลังจากเอ่ยจบ เซี่ยเจ๋อหลี่และฉินมู่หลานจึงพาฟู่ซวี่ตงไปที่โรงแรมรัฐ
เดิมทีฟู่ซวี่ตงต้องการจ่ายเงิน แต่เซี่ยเจ่อหลี่ไวกว่ามาก จึงยื่นเงินให้กับพวกเขาได้ก่อน “เอาเถอะซวี่ตง เรารีบไปหาที่นั่งกินข้าวกันดีกว่า”
“โอเค ดูเหมือนว่าครั้งต่อไปฉันจะได้เลี้ยงนายกับน้องสะใภ้แล้ว”
หลังจากทุกคนนั้งลงแล้ว ฉินมู่หลานก็คิดถึงเพียงเรื่องการกิน ในขณะที่เซี่ยเจ่อหลี่และฟู่ซวี่ตงต่างเอ่ยพูดคุยกันเป็นครั้งคราว
“อาหลี่ ฉันจำได้ว่านายเหลือวันหยุดพักร้อนอยู่ไม่กี่วันแล้ว ถ้าวันหยุดหมดแล้ว ก็ต้องรีบกลับมา” หลังจากเอ่ยจบ ฟู่ซวี่ตงจึงอดไม่ได้ที่จะมองไปยังฉินมู่หลานพลางเอ่ยถาม “น้องสะใภ้ คุณจะไปอยู่ในกองทัพด้วยไหม?”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น ฉินมู่หลานก็รู้สึกตกตะลึง เธอไม่เคยคิดถึงปัญหาข้อนี้เลย
ไม่รีรอให้ฉินมู่หลานทันได้เอ่ยสิ่งใด เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ชิงตอบก่อน
“ครั้งนี้มู่หลานคงยังไม่ไปกับฉันหรอก กลับไปครั้งนี้ฉันจะไปจัดเตรียมบางอย่างก่อน ต้องเปลี่ยนเป็นบ้านพักแบบครอบครัว พอถึงเวลานั้นแล้ว ฉันจะส่งโทรเลขมาให้หล่อนตามไป”
เมื่อฟู่ซวี่ตงได้ยินดังนั้น จึงนึกถึงปัญหานั้นขึ้นมาเช่นกัน จริงสิ เซี่ยเจ๋อหลี่ยังไม่ได้เปลี่ยนห้องพักเป็นห้องแบบครอบครัว ตอนนี้เขาก็เหมือนกับตนเอง ต่างยังอยู่ในหอพักทหาร หากน้องสะใภ้ไปอยู่ด้วย คงไม่มีพื้นที่เพียงพอ
ฉินมู่หลานเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่เอ่ยดังนั้น เธอเองก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอีก เพียงแค่ก้มหน้าก้มตากินต่อไป
อาหารในโรงแรมวันนี้ค่อนข้างใช้ได้ ฉินมู่หลานชอบกินหมูตุ๋นเกาลัด ดังนั้นหลังจากกินเสร็จ เธอจึงรู้สึกยังไม่หนำใจนัก แต่ด้วยความมีวินัยในตนเอง จึงไม่ได้ตักกินอีก
หลังจากฉินมู่หลานวางตะเกียบลง ก็มีเสียงเป็นกังวลใจดังขึ้นมาจากด้านหลัง “เสี่ยวเหล่ย เป็นอะไรไปเสี่ยวเหล่ย อย่าทำฉันกลัวสิ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานจึงหันไปมอง
เมื่อหันมองไปก็พบเข้ากับหญิงชราคนหนึ่งกำลังเขย่าตัวเด็กน้อยที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีม่วง มือทั้งสองข้างของเขาบีบจับลำคอของตนเอง เธอจึงรีบวิ่งเข้าไปทันทีโดยไม่ต้องเอ่ยสิ่งใดสักคำ รวบตัวเด็กน้อยเอาไว้ในอ้อมแขนของตน ก่อนจะเริ่มปฐมพยาบาลด้วยวิธี Heimlich maneuver
“เฮ้…เธอทำอะไรเนี่ย ปล่อยเสี่ยวเหล่ยของพวกเราเดี๋ยวนี้นะ”
หญิงชราเห็นฉินมู่หลานกอดรัดหลานชายตัวเอง นอกจากนี้ยังใช้มือกระทุ้งใต้สะดือของเด็กอย่างแรงด้วย ก็เตรียมจะเข้าไปดึงออก
โชคดีที่เซี่ยเจ๋อหลี่ห้ามได้ทันเวลา “แม่เฒ่าครับ หล่อนกำลังช่วยเด็ก อย่ารบกวนหล่อนเลยครับ”
ในเวลานี้ ฟู่ซวี่ตงเองก็เดินไปหยุดอยู่ข้างเซี่ยเจ๋อหลี่ด้วย เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาจึงมองไปยังฉินมู่หลานด้วยแววตาประหลาดใจ สงสัยเหลือเกินว่าวิธีนี้สามารถช่วยชีวิตคนได้อย่างนั้นหรือ
“อะไรนะ…ช่วยเด็ก?”
หญิงชราดูไม่ค่อยเชื่อ ซ้ำยังจะก้าวเดินต่อไป จากนั้นเด็กที่ฉินมู่หลานกอดรัดอยู่ก็ไอสำลักเอาลูกเกาลัดกลมๆ ออกมาหนึ่งลูก
“แค่ก แค่ก…”
เมื่อฉินมู่หลานเห็นว่าเด็กไอเอาสิ่งแปลกปลอมออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงปล่อยตัวเขา
“เสี่ยวเหล่ย…”
เมื่อหญิงชราเห็นสีหน้าของหลานชายดีขึ้น และไอเอาสิ่งแปลกปลอมออกมาแล้ว แววตาของนางก็เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาแห่งความปีติ
หลายคนที่นั่งกินอาหารรอบโต๊ะเห็นว่าเด็กไม่เป็นไรแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ย “ดีจังเลย ช่วยเด็กได้แล้ว”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว แม่หนูคนนี้เก่งมากจริง ๆ”
“ใช่แล้ว ไม่คิดเลยว่าทั้งที่หล่อนดูเด็กขนาดนี้ แต่ยอดเยี่ยมอะไรขนาดนั้น”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ดีจัง ใช้วิธีนี้ช่วยชีวิตคนได้อีกหลายคนเลย
ต่อไปมู่หลานจะได้ตามไปอยู่ค่ายทหารหรือเปล่านะ
ไหหม่า(海馬)