ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 234 กระจ่างแจ้ง(1)
ตอนที่ 234 กระจ่างแจ้ง(1)
ตอนที่ 234 กระจ่างแจ้ง(1)
เมื่อชาวบ้านได้ยินสิ่งที่เซี่ยเหวินปิงบอกกล่าว ก็พากันเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ได้สิ เอาไว้พวกเราจะไปดื่มฉลองพิธีครบรอบเดือนแน่นอน ในหมู่บ้านเราไม่เคยมีฝาแฝดมังกรหงส์มาก่อน มีตระกูลเซี่ยของพวกเธอเป็นบ้านแรกนี่แหละ ทุกคนเลยอยากเห็นมาก”
ในตอนนี้ทุกคนก็ได้เห็นเด็กทั้งสองอย่างชัดเจน จึงต่างอดพากันชื่นชมเสียไม่ได้ “เจ้าหนูสองคนนี่หน้าตาน่ารักน่าชังจังเลย”
“ใช่แล้ว ฉันไม่เคยเห็นเด็กที่หน้าตาดีขนาดนี้มาก่อนเลย”
“น่ารักมากจริง ๆ ดูดีมากด้วย แต่ว่าอาหลี่กับมู่หลานก็หน้าตาดีกันอยู่แล้ว ลูกสองคนจะออกมาน่าเกลียดได้ยังไงเล่า”
ทุกคนพากันพูดคุยอย่างขบขันอยู่ตรงนั้น และเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงก็ได้บอกทุกคนว่ายังต้องพาเด็ก ๆ กลับไปพักผ่อนที่บ้าน จึงขอตัวกลับก่อน
ขณะเฝ้ามองคนตระกูลเซี่ยเดินจากไป ก็มีคนอดถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อยอย่างช่วยไม่ได้ “แต่ไหนแต่ไรก็นึกไม่ออกเลยว่าฉินมู่หลานจะโชคดีขนาดนี้ ตั้งแต่หล่อนแต่งงานเข้าตระกูลเซี่ยก็มีแต่เรื่องดี ๆ เกิดขึ้น เหยาจิ้งจือก็ได้เจอพ่อแม่แท้ ๆ ที่ปักกิ่ง ส่วนตัวหล่อนเองก็ลดน้ำหนักแล้วกลายเป็นคนสวย แล้วนี่ยังได้ลูกแฝดชายหญิงอีก”
“ใช่แล้ว ต้องบอกเลยว่าฉินมู่หลานเป็นคนมีบุญ พอหล่อนแต่งงานเข้าตระกูลเซี่ยก็ทำให้ตระกูลเซี่ยดีขึ้นเรื่อย ๆ เลย”
“ใครว่าไม่ใช่กันเล่า”
ยิ่งทุกคนคิดเรื่องนี้มากเท่าใดก็ยิ่งรู้สึกว่าสมเหตุสมผล ขณะเดียวกันก็แอบรู้สึกเสียดาย หากรู้ว่าฉินมู่หลานนำพาความโชคดีมากมายขนาดนี้ ตอนที่หล่อนกำลังอ้วนและหาคู่ครองยังไม่ได้ควรจะยอมตกลงกับหล่อน แต่พูดตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว
อีกด้านหนึ่ง หลังจากฉินมู่หลานและคนอื่นกลับถึงบ้าน ก็พบว่าหน้าต่างที่บ้านใสสะอาด สะอาดมากอย่างน่าเหลือเชื่อ
หลี่เสวี่ยเยี่ยนบอกกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “พ่อแม่คะ มู่หลาน ฉันเอาพวกผ้านวมของทุกคนไปซักและตากแห้งกันเรียบร้อยแล้วนะคะ นอนได้เลยค่ะ”
“เสวี่ยเยี่ยน ลำบากเธอแล้ว”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนได้ยินแบบนั้น ก็รีบส่ายหัวแล้วพูดขึ้น “ไม่ลำบากหรอกค่ะ นี่เป็นสิ่งที่ฉันควรทำ” หลังจากเอ่ยจบก็รีบบอกให้สามีจัดจานข้าวและตะเกียบ “แม่คะ พวกอาหารก็เตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน ทุกคนเอาของไปวางแล้วมากินข้าวกันก่อนนะคะ”
“ได้”
เหยาจิ้งจือยกยิ้มแล้วพยักหน้า ก่อนจะจัดการเด็กทั้งสองให้เรียบร้อยพร้อมกับลูกชายคนเล็ก หลังจากนั้นก็ตามไปกินข้าว
อาหารที่หลี่เสวี่ยเยี่ยนเตรียมไว้นั้นหรูหรายิ่ง ดังนั้นฉินมู่หลานกับคนอื่นจึงพากันเพลิดเพลินกับอาหารมื้อนี้เป็นอย่างมาก สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ยังคิดถึงรสชาติอาหารของบ้านเกิดมากที่สุด
กระทั่งเซี่ยเจ๋อหลี่ก็อดพูดไม่ได้ “พี่สะใภ้ อาหารที่พี่ทำพอกินแล้วรสชาติดีมากเลย”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็รู้สึกดีใจ “จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นต่อไปเดี๋ยวฉันทำให้กินนะ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องหรอก เธอยังต้องไปทำงานนะ ตอนนี้ฉันก็กลับมาแล้ว เรื่องอาหารเดี๋ยวฉันจัดการเอง” เหยาจิ้งจือได้ยินแบบนั้นก็ยกยิ้ม จากนั้นก็หันไปมองแล้วพูดกับฉินมู่หลานอีกครั้ง “มู่หลาน เธอกินให้เยอะหน่อยนะ เลี้ยงลูกสองคนคงเหนื่อยมาก”
“แม่คะ ฉันก็กินอยู่นะ”
ตะเกียบของฉินมู่หลานไม่หยุดนิ่งเลย เธอจากหมู่บ้านชิงซานไปนานมากแล้วจึงคิดถึงรสชาติอาหารที่บ้านเกิดจริง ๆ และในวันนี้ทุกคนต่างก็ได้กินอาหารที่พี่สะใภ้ทำ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้กินอาหารในปริมาณเล็กน้อยอีกและรู้สึกว่าตนเองเจริญอาหารขึ้นมาก
หลังจากฉินมู่หลานกินข้าวแล้ว ก็รู้สึกอิ่มนิดหน่อย
เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นก็อดหัวเราะไม่ได้ “มู่หลาน อยากไปเดินเล่นในสวนกันก่อนไหม”
ฉินมู่หลานก้มมองท้องของตัวเอง ก่อนจะยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ค่ะ ไปเดินกัน เดี๋ยวจะแวะเข้าไปเยี่ยมคุณปู่กับคนอื่นๆ ที่บ้านด้วย”
“ได้”
เซี่ยเจ๋อหลี่ยกยิ้มเห็นด้วยตามปกติอยู่แล้ว จากนั้นเขาก็ขอให้แม่ช่วยดูเด็กทั้งสองคนไปก่อน ส่วนเขากับมู่หลานจะนำของฝากกลับไปที่บ้านตระกูลฉิน
คุณปู่กับคุณย่าฉินเห็นทั้งสองมาด้วยตัวเอง ก็รีบเอ่ยถาม “พวกเด็ก ๆ ล่ะ?”
“คุณปู่ คุณย่า ช่วงนี้ทุกคนเป็นยังไงกันบ้างคะ พวกเด็ก ๆ สองคนอยู่ที่บ้านค่ะ ไม่ได้พามาด้วย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น คุณปู่กับคุณย่าฉินก็มองคู่รักหนุ่มสาวด้วยสีหน้ายับยู่ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ถ้าอย่างนั้นพวกหลานมาทำอะไรกัน คิดว่าจะพาพวกลูก ๆ มาหาด้วยเสียอีก”
เมื่อเห็นท่าทางของผู้อาวุโสทั้งสอง ฉินมู่หลานก็อดขำไม่ได้ “สองคนนั้นหลับไปแล้วค่ะ ก็เลยไม่ได้พามาด้วย เดี๋ยวพรุ่งนี้พวกหนูจะพามาหาทุกคนค่ะ”
ถึงอย่างนั้นคุณปู่ฉินก็โบกมือแล้วพูดขึ้น “ไม่ต้องๆ พรุ่งนี้เดี๋ยวพวกปู่ไปหาเอง”
หลังจากพูดคุยกับผู้อาวุโสทั้งสองได้สักพัก ฉินมู่หลานก็อดไม่ได้ที่จะถาม “พี่สะใภ้ใหญ่กับพี่สะใภ้รองล่ะคะ พวกหล่อนก็น่าจะคลอดกันแล้ว เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงคะ?”
“จาวตี้ได้ลูกชายหนึ่งคน อวี้เฟิ่งได้ลูกสาวหนึ่งคน ป้าใหญ่ของหลานเดินยิ้มร่าไปทั่วเลย”
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณปู่ ฉินมู่หลานก็หัวเราะแล้วเอ่ยขึ้น “ป้าใหญ่ได้ทั้งหลายชายหลานสาว ก็ต้องยิ้มร่าไปทั่วแบบนั้นอยู่แล้วค่ะ”
คุณ่าฉินได้ยินแบบนั้นก็กลอกตาเม้มปาก แล้วเอ่ยขึ้น “ป้าใหญ่ของหลานอยากได้หลานชายสองคน เห็นๆ อยู่ว่าได้หลานสาวก็ดีมากแล้ว แต่หล่อนกลับอยากได้หลานชายมากกว่า ช่างเป็นเรื่องที่น่าโมโหเหลือเกิน”
นางกับคุณปู่ฉินต่างชอบหลานสาวมาก จึงทนพฤติกรรมของซุนฮุ่ยหงที่ไม่ชอบหลานสาวของตัวเองไม่ค่อยได้
ฉินมู่หลานตอบกลับไม่เป็นเลยทีเดียว เพราะเป็นป้าใหญ่ คุณย่าฉินจึงพูดได้ แต่เธอในฐานะหลานกลับยากที่จะเอ่ย
นอกจากนี้คุณปู่ฉินยังจ้องมองคุณย่าฉินด้วย ก่อนจะพูดขึ้น “พอแล้ว ทำไมต้องมาคุยเรื่องนี้กับมู่หลานด้วย พวกเราไม่ต้องลากหล่อนมาพูดเรื่องนี้หรอก ให้หล่อนไปหาเจี้ยนเซ่อเถอะ”
คุณย่าฉินได้ยินแบบนี้ก็ได้สติกลับมา พลางรีบหันมองฉินมู่หลานแล้วเอ่ยพูดทันที “ใช่แล้วมู่หลาน หลานไปหาพ่อหลานเถอะ ถึงอาการบาดเจ็บจะหายดีแล้ว แต่หลานก็ควรไปดูสักหน่อย ว่ามีผลข้างเคียงหลงเหลืออยู่ไหม”
“ค่ะ เดี๋ยวหนูจะไปดู”
หลังจากฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่วางของแล้ว ก็ไปอีกบ้านหนึ่ง
ฉินเจี้ยนเซ่อกับซูหว่านอี๋ทราบนานแล้วว่าลูกสาวกับครอบครัวกลับมา เพียงแต่ลูกสาวต้องไปที่บ้านตระกูลเซี่ยก่อน พวกเขาจึงรออยู่ที่บ้าน แต่เมื่อนึกไปถึงอาหารโปรดของลูกสาว ทั้งสองก็รีบไปที่ไร่อีกครั้ง ก่อนจะเก็บผักมาเยอะแยะมากมาย มีแผนจะทำของโปรดให้ลูกสาวกินเมื่อกลับมาถึงบ้าน
เมื่อทั้งสองกลับมาจากไร่ก็เห็นว่าลูกสาวกับลูกเขยมากันแล้ว ดังนั้นจึงให้พวกเขาไปที่บ้านใหญ่ก่อน หลังจากนั้นพวกเขาก็ทำความสะอาดร่างกายตัวเอง และแล้วลูกสาวกับลูกเขยก็มาหาทันเวลาพอดี
“พ่อคะ แม่คะ เพิ่งไปที่ไร่มาเหรอคะ ทำไมเวลานี้ยังไปทำงานอีก”
ฉินมู่หลานหันมองฉินเจี้ยนเซ่ออีกครั้งก่อนจะพูดขึ้น “พ่อคะ ขาของพ่อหายดีหรือยังคะ ก่อนหน้านี้รู้สึกไม่สบายใจอะไรบ้างไหม?”
ฉินเจี้ยนเซ่อได้ยินแบบนั้นก็รีบส่ายหัวทันที ก่อนจะพูด “ไม่มีอะไรไม่สบายใจนะ ตอนนี้พ่อหายดีแล้ว พวกเราเพิ่งไปที่ไร่เพื่อเก็บผักมา เพราะคิดว่าตอนลูกมาถึง จะได้ทำของโปรดให้ลูกกินกัน”
ซูหว่านอี๋ยกยิ้มแล้วเอ่ยเช่นกัน “ใชแล้ว วันนี้เก็บผักมาเยอะมากเลย ระหว่างที่ลูกอยู่บ้านสองวันนี้ จะได้ทำให้ทุกคนได้ทานกัน”
“พ่อคะ แม่คะ อย่าโหมทำงานหนักเกินไปนะ”
ฉินเจี้ยนเซ่อได้ยินแบบนี้ ก็อดมองลูกสาวเสียไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้น “จะต้องอะไรขนาดนั้น ก่อนหน้านี้ก็พักอยู่แต่ในบ้าน รู้สึกเหมือนร่างกายจะขึ้นสนิมแล้ว ออกไปทำงานที่ไร่นาดีกว่า”
“พ่อคะ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวหนูขอลองตรวจชีพจรดูหน่อยค่ะ”
ฉินเจี้ยนเซ่อก็ไม่ปฏิเสธ ก่อนจะเอื้อมมือไปให้เธอตรวจจับชีพจร
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ทางฝั่งบ้านแม่ก็มีหลานแล้วเหมือนกัน ต่อไปสองบ้านนี้น่าจะครึกครื้นน่าดู
คุณปู่คุณย่าฉินก็ถือว่าหัวก้าวหน้าเหมือนกันนะเนี่ย ไม่ลำเอียงรักแต่หลานชาย
ไหหม่า(海馬)