ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 237 ยุติชีวิตสมรส(2)
ตอนที่ 237 ยุติชีวิตสมรส(2)
ตอนที่ 237 ยุติชีวิตสมรส(2)
พ่อบ้านเหยาเป็นคนใส่ใจมาก เขาเตรียมรถเข็นสองคันไว้ในห้องรับประทานอาหาร ขณะที่พวกผู้ใหญ่รับประทานอาหารก็วางเด็กเอาไว้ในรถได้
“พ่อบ้านเหยา ใส่ใจจังเลยนะคะ”
เหยาจิ้งจือเห็นรถเข็นคันเล็ก ก็ยกยิ้มแล้วพูดบางอย่างกับเหยาซาน
เหยาซานส่ายหัวแล้วเอ่ยขึ้นทันที “คุณหนูจิ้งจือครับ ทั้งหมดนี้เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน คุณนายเหยาก็เข้ามา ตอนแรกเธอไม่อยากมา แต่นายท่านเหยายังคงยืนกรานอยากให้เธอมา สุดท้ายเธอก็ไม่มีทางเลือก จึงต้องมาทานอาหารที่นี่
นี่เป็นครั้งแรกที่คุณนายเหยาได้เจอเด็กน้อยทั้งสองคน
นางเองก็อยากจะเห็นเด็กแฝดมังกรหงส์กับตา แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเหยาอี้หนิงก็ยังคงรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย ดังนั้นในตอนแรกที่ครอบครัวของลูกสาวเพิ่งมาถึง นางจึงไม่ยอมออกมา แต่ตอนนี้นายท่านเหยากลับยืนกรานหัวชนฝาให้มาด้วย นางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมออกมา
เมื่อได้เห็นเด็กน้อยทั้งสองที่อยู่ตรงหน้า จิตใจของคุณนายเหยาก็อ่อนระทวยลง ไม่คิดเลยว่าเด็กทั้งสองคนจะเติบโตมาได้ดีขนาดนี้ ยิ่งมองก็รู้สึกว่าเด็กหญิงตัวน้อยคนนั้นดูเหมือนลูกสาวตอนที่ยังเด็ก
นายท่านเหยาเห็นคุณนายเหยากำลังจ้องมองเด็กๆ อย่างไม่วางตา ก็อดจะพูดไม่ได้ “เจ้าหนูสองคนนี้น่ารักใช่ไหมล่ะ แค่ได้เห็นก็มีความสุขแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ คุณนายเหยาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ก่อนจะเดินตรงไปที่โต๊ะแล้วนั่งลง
นายท่านเหยาเห็นคุณนายเหยาเป็นแบบนี้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ แต่ด้วยความที่ครอบครัวของลูกสาวยังอยู่ตรงนี้ เขาจึงไม่ได้พูดอะไร
ระหว่างรับประทานอาหารเย็น นายท่านเหยาก็เอ่ยทักเรื่องอาหารกับลูกสาวและฉินมู่หลาน ปล่อยให้เซี่ยเหวินปิงกับเซี่ยเจ๋อหลี่รับประทานอาหารกันเอง
หลังจากใกล้รับประทานเสร็จแล้ว คุณนายเหยาก็เป็นคนที่วางชามลงก่อน จากนั้นก็เตรียมกลับ
นายท่านเหยาเห็นแบบนี้ ก็กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ในหมู่พวกเรายังไม่มีใครเขากินเสร็จเลย คุณจะทำอะไร”
คุณนายเหยาเห็นว่าต่อหน้าครอบครัวลูกสาว นายท่านเหยาก็ยังไม่ไว้หน้าตน จึงอดพูดไม่ได้ “ฉันกินเสร็จแล้ว ขอตัวกลับก่อน ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อย”
“คุณก็เกินไป นาน ๆ ทีครอบครัวลูกจะกลับมา แล้ววันมะรืนนี้ก็จะจัดงานฉลองครบรอบเดือนด้วย คุณจะหมกอยู่แต่ในห้องตัวเองไม่ยอมออกมาเลยเหรอ”
เมื่อเห็นสีหน้ายับยู่ของนายท่านเหยา คุณนายเหยาก็ได้แต่รู้สึกฉุนเฉียว
“แล้วทำไมฉันถึงเป็นแบบนี้ล่ะ คุณดูไม่ออกหรือไง คุณไม่เข้าใจเหรอว่าอี้หนิงกับม่านลี่หย่ากันเพราะคุณสั่งย้ายอี้หนิงไปประจำการที่ใต้ ม่านลี่เลยทนไม่ได้จึงต้องหย่ากับเขา เป็นเพราะการตัดสินใจของคุณ ทำให้ชีวิตคู่ของพวกเขาต้องพังลง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ นี่เป็นข่าวใหญ่จริง ๆ เธอไม่ทราบมาก่อนเลยว่าเหยาอี้หนิงกับเริ่นม่านลี่หย่ากันแล้ว ขณะเดียวกันก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย เพราะในยุคนี้การหย่าร้างยังมีค่อนข้างน้อยมาก
แม้แต่เหยาจิ้งจือเองก็แปลกใจอยู่บ้าง
แต่ในใจหล่อนกลับนิ่งสงบ เพราะเหยาอี้หนิงเคยคิดจะทำร้ายลูกชายตัวเองมาก่อน นอกจากนี้ คุณยายกับแม่ของเหยาอี้หนิงก็ไม่ใช่คนดี ยินอวี่โหรวก็เป็นผู้ร้ายตัวจริงที่ทำให้เธอหลงทาง เพราะฉะนั้นหล่อนจึงไม่มีความเห็นอกเห็นใจเหยาอี้หนิงเลย
นายท่านเหยาได้ยินแบบนั้นก็แค่นหัวเราะ แล้วเอ่ย “ทำไมจะต้องหย่าแค่เพราะโดนย้ายไปประจำการทางใต้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะอี้หนิงไม่ใช่ทายาทของตระกูลเหยาเราแล้ว จึงเป็นสาเหตุที่เริ่นม่านลี่หย่ากับเขา นี่คุณเข้าใจเรื่องนี้สักหน่อยไม่ได้เหรอ”
“คุณ…ฉันไม่เข้าใจคุณเลยจริง ๆ”
คุณนายเหยาเดินออกจากห้องอาหารด้วยความโกรธ
บรรยากาศภายในห้องกินข้าวก็เงียบลงทันที เหยาจิ้งจือกับพวกฉินมู่หลานไม่เอ่ยพูดอะไร ทุกคนกินข้าวจนกระทั่งคำสุดท้ายแล้ววางตะเกียบลง
นายท่านเหยาทำได้เพียงนึกเสียใจต่อครอบครัวของลูกสาว เขาอดถอนหายใจไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้น “จิ้งจือ พ่อก็ไม่รู้ว่าทำไมแม่ของลูกถึงกลายเป็นแบบนี้ พ่อก็เล่าความจริงให้หล่อนฟังแล้ว แต่มันก็ไม่เข้าหูหล่อนเลย”
“พ่อคะ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจทุกอย่าง”
เมื่อเห็นลูกสาวมีเหตุผล นายท่านเหยาก็ได้แต่รู้สึกผิดมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น คุณนายเหยาก็ไม่ได้โผล่มากินข้าวที่ห้องรับประทานอาหาร แต่กินข้าวอยู่ในห้องของตัวเอง
เหยาจิ้งจือไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้อีกแล้ว จึงไม่รู้สึกอะไร
และแล้ววันที่จัดงานเลี้ยงครบเดือนให้เด็กทั้งสองก็มาถึง ญาติและเพื่อนฝูงมากมายมาที่บ้านตระกูลเหยา ในบ้านจึงคึกครื้นขึ้นมาทันที
เจี่ยงสือเหิงกับลุงเจี่ยงก็มา นอกจากนี้ครอบครัวของเสิ่นหรูฮวนก็มาเยี่ยมฝาแฝดด้วย
นี่เป็นครั้งแรกที่เสิ่นหรูฮวนได้เห็นเด็กแฝดซึ่งหล่อนไม่เคยเห็นมาก่อน “มู่หลาน เธอนี่น่าทึ่งจริง ๆ หลังจากที่รู้ว่าเธอคลอดแล้ว ฉันก็อยากจะไปเยี่ยมเธอใจแทบขาด แต่ได้ยินว่าเธอจะมาปักกิ่งซะก่อน ฉันก็เลยตั้งหน้าตั้งตาอดทนรอพวกเธอมา ไอ้หยา ถ้ารู้ล่วงหน้าว่าเจ้าหนูสองคนจะน่ารักขนาดนี้ ฉันคงไปหาเธอเร็วกว่านี้แน่”
ฉินมู่หลานหัวเราะขึ้นเมื่อได้ยินแบบนี้ ก่อนจะเอ่ย “เธอควรจะมาให้เร็วกว่านี้จริง ๆ เพราะซวี่ตงอยู่ที่ฐานทัพ ถ้าเธอมา พวกเธอสองคนก็จะได้เจอหน้ากัน”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเสิ่นหรูฮวนก็แข็งทื่อ แต่หล่อนก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ยกยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ฉันควรจะไปที่นั่น”
ฉินมู่หลานรู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมาเมื่อสังเกตเห็นท่าทางแปลก ๆ ของเสิ่นหรูฮวน แต่ตอนนี้ยังมีคนอื่นเข้ามาอีก จึงไม่ได้เอ่ยถามอะไร และช่วยกันต้อนรับแขก
ถึงแม้ว่าทุกคนที่นี่จะเป็นญาติมิตรที่ใกล้ชิดและเพื่อนฝูงที่สนิท แต่คนที่มาก็มีจำนวนไม่น้อย จนเต็มโต๊ะจัดเลี้ยงที่จัดเอาไว้แปดตัว
หลังกินอาหารเสร็จ แขกที่มาร่วมงานก็ทยอยกันกลับไป ตอนที่เจี่ยงสือเหิงกำลังจะกลับก็ได้เชิญชวนฉินมู่หลานกับคนอื่นไปค้างแรมที่บ้านสองวันด้วย
ฉินมู่หลานตอบตกลงทันที นอกจากนี้เสิ่นหรูฮวนก็ได้เชิญฉินมู่หลานไปที่บ้านตระกูลเสิ่นด้วยเหมือนกัน
ฉินมู่หลานก็ยิ้มตอบรับ
หลังจากแขกกลับไปเกือบหมดแล้ว ฉินมู่หลานก็พบว่ายังมีอีกครอบครัวหนึ่งที่ยังไม่ยอมกลับไป ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นลูกพี่ลูกน้องของนายท่านเหยา
พวกกลุ่มคนที่เหลือคือครอบครัวของเหยาซื่อซิน ลูกพี่ลูกน้องของนายท่านเหยา ครั้งก่อนตอนกินข้าวที่บ้าน ฉินมู่หลานเคยเจอพวกเขาแล้วสองครั้ง แต่ไม่ได้สนิทมากนัก
ตอนนี้เหยาซื่อซินและเหยาเซิ่งซวนลูกชายของเขากำลังพูดคุยกับนายท่านเหยา ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ แต่ดูแล้วสีหน้าของนายท่านเหยาดูมืนมนลง
ฉินมู่หลานได้ยินคำพูดไม่ค่อยชัดเจนนัก ดูเหมือนว่ากำลังพูดอะไรบางอย่างที่คนนอกไม่สามารถเข้าใจได้
“ไม่ต้องหรอก ฉันไม่รับเลี้ยงเซิ่งซวนหรอก”
เพียงเพราะประโยคนี้ สีหน้าของเหยาซื่อซินจึงปรากฏความไม่พอใจ
“พี่ใหญ่ ทำไมถึงไม่รับเซิ่งซวนล่ะ ตอนพี่รับจิ้งถงมาเลี้ยงฉันยังไม่พูดอะไรเลย เพราะคิดว่าลูกสาวแท้ ๆ ของพี่หายไป จิตใจจึงแหลกสลาย ก็เลยอยากได้ลูกสาวมาเลี้ยง แล้วยังให้หล่อนแต่งสามีเข้าบ้านอีก ลูกชายก็ให้ใช้แซ่เหยา เรื่องพวกนี้ฉันไม่เคยพูดถึงมันมาก่อนเลย แต่ดูตอนนี้สิ พวกเหยาจิ้งถงกับครอบครัวมันต่างก็ประสงค์ร้าย สุดท้ายก็โดนจับเข้าคุกกันหมด คนอื่นก็โดนขับไล่ออกจากตระกูลเหยาแล้ว พี่กับพี่สะใภ้ก็ไม่มีทายาทสืบสกุล เพราะฉะนั้นการรับเซิ่งซวนมาเลี้ยงก็ดีไม่ใช่เหรอ”
นายท่านเหยาได้ยินแบบนี้ ก็หันมองด้วยความโกรธ
“ที่แกพูดนี่หมายความว่ายังไง ไม่มีทายาทอะไรกัน ฉันเจอลูกสาวแท้ ๆ แล้ว ทำไมฉันจะไม่มีทายาทสืบสกุล”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คุณนายเหยาแปลกๆ นะคะ ต้องให้ลูกสาวตีตัวออกห่างแบบถาวรเลยไหมถึงจะรู้สึก
ดูเหมือนตระกูลเหยาจะมีครอบครัวกาฝากมาเพิ่มแล้วอีกหนึ่ง
ไหหม่า(海馬)