ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 258 กระตุ้น
ตอนที่ 258 กระตุ้น
ฉินมู่หลานไม่คาดคิดว่าความลับที่ซ่อนอยู่จะเป็นเช่นนี้ เธอก้าวไปข้างหน้าและกอดไหล่ของซูหว่านอี๋ ก่อนจะเอ่ย “แม่ อย่าเสียใจไปเลยค่ะ ตอนนี้แม่ก็มีหนูแล้วไม่ใช่เหรอ หนูเป็นลูกสาวของแม่ จะกตัญญูต่อแม่แน่อน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แววตาของซูหว่านอี๋ก็เต็มไปด้วยความเศร้า
“มู่หลาน…”
ซูหว่านอี๋กอดไหล่ฉินมู่หลาน ก่อนจะเอ่ย “โชคดีที่ยังมีลูก ไม่อย่างนั้นแม่คงผ่านช่วงเวลานั้นมาไม่ได้”
ทั้งสองเอนตัวเข้าหากันแล้วเงียบอยู่สักพัก สุดท้ายฉินมู่หลานก็เอ่ยทำลายความเงียบ แล้วถามขึ้น “แม่คะ เซี่ยฉางชิงทำกับป้าใหญ่แบบนั้น แม่จะปล่อยเขาไปเหรอคะ แบบนี้เขาจะสบายเกินไปหรือเปล่า”
แม้เธอจะรู้ว่าเซี่ยฉางชิงเป็นพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง แต่การมีพ่อเลวทรามขนาดนี้ หากไม่ทำอะไรเลยก็รู้สึกขุ่นเคืองนิดหน่อย
ซูหว่านอี๋ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าก็ดูสลดลง “แล้วพวกเราจะไปทำอะไรได้ล่ะ ตระกูลเซี่ยแต่เดิมเป็นตระกูลใหญ่ในปักกิ่ง ตอนนี้ก็คงแข็งแกร่งมากขึ้นแล้ว แม่เป็นแค่เด็กกำพร้า จะไปทำอะไรได้”
หลังจากพูดจบ ซูหว่านอี๋ก็มีท่าทางสิ้นหวัง
“แม่คะ เรื่องนี้หนูจะคิดแผนเอง”
แต่แล้วซูหว่านอี๋ก็จับมือฉินมู่หลานแล้วเอ่ยขึ้น “มู่หลาน ลูกอย่าเสี่ยงเลย ถ้าเกิดโดนจับได้ลูกจะเดือดร้อนเอานะ แถมเซี่ยฉางชิงก็ไม่ได้รู้ตัวตนของลูกด้วย หากลูกจัดการเขา เขาอาจจะพบเบาะแสอะไรก็ได้”
เกี่ยวกับปัญหาเรื่องนี้ ฉินมู่หลานไม่ได้กังวลเลย
“ถึงตอนนั้นหนูจะบอกเองว่าแค่แก้แค้นให้กับป้าใหญ่ จะได้ไม่มีใครสงสัย แล้วหนูก็จะระวังตัวมากขึ้น จะได้ไม่โดนจับได้ค่ะ”
แต่ถึงอย่างไรซูหว่านอี๋ก็ยังอดกังวลใจไม่ได้
“มู่หลาน ลูกอย่าเพิ่งหุนหันพลันแล่นเลย”
เมื่อเห็นแม่ยังลังเลแบบนี้ ฉินมู่หลานจึงไม่พูดอะไรอีก “แม่คะ หนูเข้าใจแล้วค่ะ หนูจะไม่ทำตัวหุนหันพลันแล่น”
เมื่อได้ยินลูกสาวพูดเช่นนี้ สุดท้ายซูหว่านอี๋จึงรู้สึกโล่งใจ “ถูกๆๆ ลูกจะต้องไม่หุนหันพลันแล่น”
ในตอนนี้ ฉินมู่หลานพลันตระหนักเกี่ยวกับความจริงอย่างหนึ่งขึ้นมาได้ “จะว่าไปแล้ว เซี่ยอวี่หรงคนนั้นก็กลายเป็นน้องสาวต่างแม่ของหนูสินะ ดูเหมือนหล่อนจะอายุเท่ากับหนูเลย”
หลังจากพูดจบ สีหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความรังเกียจเซี่ยฉางชิง พ่อคนนี้ช่างเจ้าชู้เสเพลเหลือเกิน “บางทีเขาอาจคบหากับเติ้งซูหลานมาตั้งนานแล้วก็ได้”
ซูหว่านอี๋ไม่ทราบอายุของเซี่ยอวี่หรง เมื่อได้ยินลูกสาวเอ่ยเช่นนั้น โทสะจึงเด่นชัดขึ้นบนใบหน้า
“เซี่ยฉางชิงเจ้าคนเสเพลนั่น มันไม่ตายดีแน่” หลังจากเอ่ยก็หันมองฉินมู่หลานแล้วถามขึ้น “เซี่ยอวี่หรงคนนั้นเกิดเดือนไหนกัน?”
“เรื่องนี้หนูก็ไม่ทราบค่ะ รู้แค่ว่าเกิดปีเดียวกับหนู เอาไว้ต่อไปหนูจะถามให้นะคะ”
ซูหว่านอี๋ได้ยินแบบนี้ ก็แค่นหัวเราะด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ก่อนจะเอ่ย “ไม่ต้องถามแล้ว เขาไม่ได้คิดจริงจังกับพี่ตั้งแต่แรก มันไม่สำคัญหรอกว่าจะช้าหรือเร็ว”
ตอนแรกหล่อนไม่คิดจะบอกความจริงกับมู่หลานเลย แต่ทันทีที่มาเหยียบเมืองหลวงแล้วได้เจอกับเซี่ยฉางชิง และอีกฝ่ายก็จำหล่อนได้เหมือนกัน หล่อนจึงกลัวว่ามู่หลานจะไม่รู้เรื่องว่าบ้านของตนมีความสัมพันธ์กับตระกูลเซี่ยอย่างไร และไม่อยากให้ฉินมู่หลานต้องข้องเกี่ยวกับตระกูลเซี่ย
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องถาม”
ฉินมู่หลานยกยิ้มและเห็นด้วยตามปกติ แต่ไม่นานเธอก็ได้ทราบว่าเซี่ยอวี่หรงอายุน้อยกว่าเธอสองเดือน
“หรูฮวน เธอรู้วันเกิดของเซี่ยอวี่หรงได้ยังไงเหรอ”
วันนี้เสิ่นหรูฮวนมาที่นี่เพื่อพูดคุยกับฉินมู่หลาน และมาเยี่ยมเด็กทั้งสองคน ทั้งสองจึงได้พูดคุยเรื่องงานเลี้ยงฉลองสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเซี่ยอวี่หรงเมื่อวานนี้ “มู่หลาน เซี่ยอวี่หรงคนนั้นสอบเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งได้ เมื่อวานนี้ตระกูลเซี่ยจึงเลี้ยงฉลองกัน หลังจากนี้พวกเธอก็จะได้เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยกันแล้ว”
“หล่อนก็สอบติดมหาวิทยาลัยปักกิ่งด้วยเหรอ เป็นเรื่องบังเอิญเสียจริง”
ฉินมู่หลานไม่คิดว่าเรื่องทั้งหมดจะบังเอิญเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นต่อไปเธอกับเซี่ยอวี่หรงคงได้เจอกันบ่อยสินะ
เสิ่นหรูฮวนก็เอ่ยต่อ “ถึงเซี่ยอวี่หรงจะดูหน้าตายิ้มแย้มตลอด แต่ฉันกลับรู้สึกว่าหล่อนเข้าหายากนิดหน่อย มีอยู่ปีหนึ่งฉันไปร่วมงานฉลองวันเกิดของหล่อน แต่ถึงหล่อนจะยิ้มแย้มและพูดคุยกกับฉัน แต่ฉันกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มมันไปไม่ถึงดวงตาหล่อนเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานก็ถามโดยไม่รู้ตัว “วันเกิดเหรอ? วันเกิดของเซี่ยอวี่หรงคือเมื่อไหร่เหรอ?”
“เดือนห้าตามปฏิทินจันทรคติ”
“จะว่าไปแล้ว หล่อนอายุน้อยกว่าฉันสองเดือนนะเนี่ย” เมื่อคิดถึงน้องสาวต่างแม่ผู้นี้ แววตาของฉินมู่หลานก็ฉายแววเย็นชานิดหน่อย เซี่ยอวี่หรงไม่เพียงแค่อยากจับเซี่ยเจ๋อหลี่ ตอนนี้กลับกลายเป็นน้องสาวของเธอด้วย ช่างเป็นบุพเพอาละวาดเสียจริง
เสิ่นหรูฮวนก็ทราบวันเกิดของฉินมู่หลานเช่นกัน จึงพยักหน้าแล้วพูด “ใช่แล้ว อ่อนกว่าเธอสองเดือน” หลังจากพูดอย่างนั้น หล่อนก็หันมองฉินมู่หลานด้วยความเคอะเขินแล้วเอ่ยขึ้น “มู่หลาน วันนี้เธอออกไปซื้อของเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม หลังจากฉันแต่งงานก็จะต้องย้ายไปบ้านใหม่ เลยอยากจะเตรียมซื้อของเข้าบ้านใหม่น่ะ”
“ได้สิ”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้ก็ยกยิ้มเห็นด้วย ช่างบังเอิญเหลือเกินที่เธออยากออกไปเดินเล่นพอดี อยากจะออกไปหาดูบ้านที่ทำเลดี ๆ ด้วย หลังจากนั้นเธอก็เรียกฉินเคอวั่งไปด้วยกัน “เคอวั่ง พวกเราออกไปเดินเล่นกัน”
“ครับ”
ฉินเคอวั่งเพิ่งเคยมาปักกิ่งเป็นครั้งแรก จึงอยากรู้อยากเห็นไปเสียทุกอย่าง
หลังจากที่ซูหว่านอี๋ทราบว่าทั้งสองพี่น้องกำลังจะออกไปข้างนอก หล่อนก็เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “พวกลูกรีบไปเถอะ เดี๋ยวแม่ช่วยดูแลเฉินเฉินกับชิงชิงเอง แล้วเดี๋ยวญาติทางฝั่งลูกเขยก็จะมาแล้ว เพราะฉะนั้นลูกไม่ต้องกังวลเรื่องที่บ้านหรอกนะ”
“แม่คะ ถ้าอย่างนั้นต้องขอรบกวนพวกแม่ด้วยนะคะ”
ฉินมู่หลานกล่าวพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นก็พาฉินเคอวั่งและเสิ่นหรูฮวนออกไปข้างนอก
เสิ่นหรูฮวนคิดเอาไว้แล้วว่าจะซื้ออะไรบ้าง ดังนั้นทั้งสามจึงมุ่งหน้าตรงไปยังห้างโหยวอี้ “มู่หลาน พวกเราลองเข้าดูข้างในกันเถอะ ซื้อผ้าห่มกันก่อน แล้วค่อยไปดูพวกของใช้บนโต๊ะอาหาร” พูดจบก็อดหันมองฉินเคอวั่งแล้วเอ่ยถามเสียไม่ได้ “เคอวั่ง นายคอยเดินตามพวกเราแบบนี้ไม่เบื่อเหรอ”
“ไม่ครับ”
ฉินเคอวั่งยิ้มแล้วส่ายหัว หลังจากนั้นก็ไปซื้อของกับพี่สาวและเสิ่นหรูฮวนอีกสองคน เพียงแต่เลือกซื้อของกันมาได้สักระยะก็เจอเซี่ยอวี่หรงเข้าอย่างจัง
เมื่อเห็นเซี่ยอวี่หรงเดินมา สีหน้าของฉินมู่หลานก็ยังคงเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความเย็นชา เมื่อได้เจอเซี่ยอวี่หรงแบบตัวต่อตัว
เซี่ยอวี่หรงเห็นฉินมู่หลานอยู่แล้ว แต่ไม่ได้หันมองเธอเลยสักนิด แต่กลับมองไปทางเสิ่นหรูฮวนแทน “หรูฮวน ไม่คิดเลยว่าเธอจะมาซื้อของที่นี่ อยากไปด้วยกันไหม”
เมื่อได้ยินเช่นนนี้ เสิ่นหรูฮวนก็ส่ายหัวแล้วพูดขึ้น “ไม่ต้องหรอก มีมู่หลานกับเคอวั่งสองคนพี่น้องมากับฉันด้วยแล้ว”
เซี่ยอวี่หรงได้ยินเช่นนี้ก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไร แต่กลับยิ้มแล้วเอ่ยแสดงความยินดี “หรูฮวน ฉันได้ยินมาว่าเธอกับฟู่ซวี่ตงจะแต่งงานกันเร็ว ๆ นี้ ยินดีด้วยนะ”
“ขอบคุณ”
ขระที่หลายคนกำลังพูดกัน อีกสองคนก็เดินมาเข้าร่วม
“อวี่หรง เธอก็มาที่นี่เหมือนกันเหรอ ถ้ารู้ก่อนหน้านี้คงออกมาพร้อมเธอด้วย”
เซี่ยอวี่หรงมองบุคคลตรงหน้าที่เดินมา ก่อนจะยกยิ้มแล้วเอ่ย “พี่สะใภ้ พวกพี่สองคนพี่น้องก็ออกมาช็อปปิ้งเหมือนกันเหรอคะ”
ผู้มาเยือนทั้งสองก็คือเริ่นม่านนีกับเริ่นม่านลี่สองคนพี่น้อง
เริ่นม่านลี่เห็นว่าฉินมู่หลานอยู่ที่นั่นด้วย ก็ทำท่าทางเย็นชาใส่
ฉินมู่หลานก็ไม่ได้เอยทักทายอยู่แล้ว ได้แต่มองไปที่เสิ่หนรูฮวนด้วยรอยยิ้มแล้วพูดขึ้น “หรูฮวน พวกเราไปดูตรงนั้นกันเถอะ”
“ได้สิ”
เสิ่นหรูฮวนยกยิ้มแล้วพยักหน้า พวกเขาทั้งสามพากันเดินตรงไปข้างหน้า
ขณะเฝ้ามองแผ่นหลังของทั้งสามเดินจากไป แววตาของเซี่ยอวี่หรงก็เป็นประกาย จากนั้นก็หันมองเริ่นม่านลี่แล้วเอ่ยถาม “เธอกับมู่หลานดูคุ้นเคยกันไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไม่ทักทายกันบ้างล่ะ” หลังจากพูดจบก็นึกขึ้นได้อีกครั้ง ก่อนจะพูด “จริงสิ ฉันเพิ่งนึกออก เธอกับเหยาอี้หนิงหย่ากันแล้ว เหยาอี้หนิงก็ไม่ใช่คนตระกูลเหยาอีกแล้ว เธอกับฉินมู่หลานก็คงไม่ข้องเกี่ยวกันแล้วสินะ”
“เธอ…”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ยัยน้องสาวต่างแม่นี่มันร้ายอยู่นะ มู่หลานเจอศึกหนักอีกแล้ว ชะตาชีวิตอะไรกันเนี่ย
ไหหม่า(海馬)