ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 26 คิดคด
ตอนที่ 26 คิดคด
ตอนที่ 26 คิดคด
เซี่ยเจ๋อน่าหันมองเซี่ยเหวินปิงและเหยาจิ้งจือที่กำลังจ้องมองมาที่ตัวเอง เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่เพียงแต่ไม่เข้าข้างตนเองเท่านั้น แต่ยังจ้องมองตนด้วยสายตาผิดหวัง จึงรู้สึกคับแค้นใจ
“พวกพ่อกับแม่ก็คงจะทำดีกับหลี่เสวี่ยเยี่ยนและฉินมู่หลานเพียงแค่สองคน มากกว่าคนที่ใช้แซ่เดียวกันเหมือนกันสินะ พวกเขาทำไม่ดีกับหนูที่เป็นลูกสาว หนูเกลียดพ่อกับแม่ หนูเกลียดทุกคนเลย”
“น่าน่า…แก…”
เหยาจิ้งจือเห็นลูกสาวมองมาที่พวกเขาราวกับเป็นศัตรู จึงรู้สึกเหนื่อยหน่ายจิตใจ
แต่ฉินมู่หลานกลับหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ
“เซี่ยเจ๋อน่า พูดซ้ำ ๆ อยู่ได้ว่าฉันกับพี่สะใภ้เป็นแค่คนนอก ตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราวนั่นเป็นของฉันที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนนอก ดังนั้นฉันมีสิทธิ์จะให้ใครก็ได้ตามที่ฉันต้องการ แค่ไม่ให้เธอเท่านั้นเอง”
“แก…”
เมื่อเซี่ยเจ๋อน่าเห็นว่าฉินมู่หลานไม่ได้ใส่ใจอะไร จึงเผยสีหน้าดุร้ายใส่
นอกจากนี้ฉินมู่หลานยังคงเอ่ยพูดต่อไป “เธอคิดว่าเธอเป็นใครกัน เธอไม่ได้ใส่ใจฉันกับพี่สะใภ้ด้วยซ้ำ พวกฉันคงปฏิบัติกับเธอดุจดั่งเพชรล้ำค่าไม่ได้หรอก นอกจากนี้ต่อไปถ้าเธอแต่งงาน ตำแหน่งงานที่ให้เธอไปก็ถือว่าตกไปอยู่ในมือคนนอกไม่ใช่เหรอ แต่พี่สะใภ้อยู่บ้านนี้ตลอด ลูกของหล่อนก็ได้แซ่เซี่ย ผลประโยชน์สุดท้ายก็ตกเป็นของครอบครัวอยู่วันยังค่ำ”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนสงบลงแล้ว หล่อนจ้องมองไปที่เซี่ยเจ๋อน่าด้วยสายตาเย็นชา ไม่มีความเป็นมิตรให้อีกฝ่ายอีกต่อไป
แม้แต่ตัวเซี่ยเจ๋อเหว่ยเองก็ร็สึกผิดหวังในตัวของน้องสาวคนนี้มากเช่นกัน
เดิมทีทั้งครอบครัวต่างรักและเอ็นดูน้องสาวตั้งแต่เล็กจนโต เขากับอาหลี่ไม่เคยเอ่ยต่อว่าหล่อนสักคำ พวกเขาทั้งสองคนต่างเป็นพี่ชายที่รักน้องสาวมาโดยตลอด ไม่คิดเลยว่าน้องสาวจะกลายเป็นเช่นนี้
ใบหน้าของเซี่ยเจ๋อหลี่นิ่งเฉยไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากมายนัก หลังจากอายุครบสิบห้าปีเขาก็ออกจากบ้าน จึงติดต่อพูดคุยกับเซี่ยเจ๋อน่าอยู่น้อยครั้ง
ในความคิดของเขา น้องสาวคนนี้ชอบทำตัวเป็นลูกแหง่ ติดพ่อกับแม่ ยามเมื่อที่บ้านมีของอร่อยอะไรก็ตามก็จะเข้าปากของหล่อนหมด เมื่อตอนยังเป็นเด็ก สิ่งนั้นอาจไม่ส่งผลอะไร แต่ตอนนี้เซี่ยเจ๋อน่ากำลังจะถึงวัยแต่งงานในเร็ววันอยู่แล้ว หากยังมีนิสัยเช่นนี้อยู่ คงทำให้ผู้คนรู้สึกรำคาญในความเห็นแก่ตัว หล่อนควรที่จะเรียนรู้ในการทำดีกับคนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนเสียบ้าง
เซี่ยเจ๋อน่ามองดูสมาชิกในครอบครัวแต่ละคน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเห็นด้วยกับฉินมู่หลาน จึงรู้สึกเข้ากับครอบครัวนี้ไม่ได้ หล่อนจ้องมองฉินมู่หลานด้วยสายตาดุเดือด ก่อนจะวิ่งออกไป
เมื่อเห็นร่างของเซี่ยเจ๋อน่าวิ่งไกลออกไป ดวงตาของเหยาจิ้งจือก็ขึ้นสีแดงก่ำ
เซี่ยเหวินปิงตบบ่าภรรยาของตนพลางเอ่ยขึ้นว่า “เอาเถอะ อย่าคิดมากเลย ลูกโตขึ้นความคิดก็เปลี่ยน ตอนนี้หล่อนไม่ใช่เด็กอีกแล้ว ถึงเวลาแต่งงานแล้วเหมือนกันนะ ไม่ลองนัดแนะกับผู้คนในหมู่บ้านถัดไป ให้ลองมาดูตัวกันสักหน่อยสิ”
“ค่ะ”
เดิมทีเหยาจิ้งจือไม่ค่อยเต็มใจให้ลูกสาวแต่งงานสักเท่าใด จึงไม่เคยพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยกัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอยากลองแนะนำให้ลูกสาวไปดูตัวเสียก่อนจะดีกว่า หากเหมาะสมก็ควรที่จะแต่งงานออกเรือนไปเสีย มิเช่นนั้น หากเกิดเรื่องระหว่างลูกสาวของตนกับลูกสะใภ้คนโตและคนรองทั้งสองแล้วจะทำเช่นไรได้
เมื่อเซี่ยเหวินปิงเอ่ยจบ จึงหันมองลูกชายคนโต “เอาล่ะ ตอนนี้ยังทันเวลา พวกเรารีบไปทำงานกันเถอะ”
หลังจากเอ่ยจบเขาก็หันมองลูกชายคนรอง “อาหลี่ แกใกล้จะกลับแล้ว ไม่ต้องไปทำงานกับพวกพ่อหรอก อยู่บ้านแล้วใช้เวลากับมู่หลานไปเถอะ”
เขาได้ยินภรรยาเอ่ยว่าลูกชายคนรองกำลังจะกลับเข้ากองทัพ ส่วนมู่หลานยังจะอยู่ที่บ้าน ทั้งสองเป็นคู่รักวัยหนุ่มสาวที่เพิ่งแต่งงานกันไม่นานแต่กลับจะต้องถูกแยกจากกัน เขาจึงกล่าวเช่นนั้นออกมา
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินเช่นนั้น จึงพยักหน้าอย่างลำบากใจพลางเอ่ย “ครับ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมไม่ไปทำงานนะ”
เมื่อฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้น จึงอดไม่ได้ที่จะหันมองเซี่ยเจ๋อหลี่ อันที่จริงแล้ว เธอไม่ได้หวังให้เซี่ยเจ๋อหลี่มาอยู่กับเธอเลยแม้แต่น้อย แต่หากเอ่ยปฎิเสธดั่งเดิมออกไปอีกครั้ง คงไม่ดีสำหรับเธอเป็นแน่
หลังจากนั้นเซี่ยเหวินปิงจึงหันมองไปทางหลี่เสวี่ยเยี่ยนพลางกล่าวขึ้นว่า “สะใภ้ใหญ่ เธอเองก็ไม่ต้องไปนะ วันนี้อยู่บ้านเตรียมตัวให้พร้อม พรุ่งนี้จะต้องไปทำงานที่โรงอาหารแล้ว”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนได้ยินดังนั้น จึงพยักหน้าพร้อมทั้งรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ย “ค่ะ”
สุดท้ายเซี่ยเหวินปิงก็พาเพียงแค่เซี่ยเจ๋อเหว่ยไปทำงาน
อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่เซี่ยเจ๋อน่าวิ่งออกไป หล่อนก็มุ่งตรงไปหาเย่เสี่ยวเหอทันที
เมื่อเย่เสี่ยวเหอเห็นเซี่ยเจ๋อน่ามา แววตาก็เป็นประกาย พลางเอ่ยทักทายพร้อมรอยยิ้ม
“น่าน่า มาได้ยังไงเนี่ย เข้ามาก่อนสิ” ไม่นานนัก หล่อนก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเซี่ยเจ๋อน่า จึงเอ่ยถามด้วยความกังวล “น่าน่า เป็นอะไรหรือเปล่า ร้องไห้เหรอ? ใครทำอะไรเธอ?”
เมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลบนใบหน้าของเย่เสี่ยวเหอ เซี่ยเจ๋อน่าก็รู้สึกว่าไม่มีคนในครอบครัวใส่ใจตนได้เท่ากับเย่เสี่ยวเหอเลย
“เสี่ยวเหอ…”
หลังจากเอ่ยเช่นนั้น เซี่ยเจ๋อน่าก็เริ่มร้องไห้ขึ้นมาทันที เดิมทีตนอยากเข้าไปเที่ยวอยู่ในเมือง ได้ซื้ออาหารกิน มีงานที่ดี ถึงแม้ว่าในอนาคตจะต้องแต่งงาน แต่ก็อยากหาผู้ชายในเมือง แต่ตอนนี้โอกาสนั้นกลับหายไปแล้ว
ระหว่างที่กำลังสะอึกสะอื้น เซี่ยเจ๋อน่าก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นจึงเอ่ยต่อ “เธอว่า ครอบครัวของฉันทำเกินไปไหม งานนี้ควรจะให้ฉันสิ แต่สุดท้ายก็เอาไปให้หลี่เสวี่ยเยี่ยน”
ตอนนี้หล่อนไม่อยากเรียกอีกฝ่ายว่าพี่สะใภ้ใหญ่อีกต่อไปแล้ว
หลังจากที่เย่เสี่ยวเหอได้ยินสิ่งที่เซี่ยเจ๋อน่าเอ่ยแล้ว แววตาก็เป็นประกายขึ้นมา
“น่าน่า เธอบอกว่า…ฉินมู่หลานช่วยคนในครอบครัวของผอ.โรงอาหาร จึงได้ตำแหน่งพนักงานชั่วคราว แต่หลังจากนั้นหล่อนก็มอบตำแหน่งงานนี้ให้กับหลี่เสวี่ยเยี่ยนเหรอ แล้วตัวหล่อนล่ะ หล่อนไม่อยากทำงานที่โรงอาหารนั้นเหรอ?”
นี่คือสิ่งที่เย่เสี่ยวเหอไม่เข้าใจ การได้ทำงานในเมืองเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝันที่จะทำโดยไม่ต้องคาดคิด แต่ฉินมู่หลานกลับส่งมอบให้ผู้อื่น นั่นถือว่าใจกว้างเสียเหลือเกิน
เมื่อเซี่ยเจ๋อน่าได้ยินดังนั้น จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ใครจะไปรู้ความคิดหล่อนได้ อาจจะขี้เกียจนั่นล่ะ ก็เลยไม่อยากไปทำงานเอง เพราะหล่อนไม่เคยทำงานมาก่อน”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น เย่เสี่ยวเหอเองก็คิดว่าเหตุผลคงเป็นเช่นนั้น ในหมู่บ้านจะมีใครไม่ทราบเรื่องความขี้เกียจของฉินมู่หลานกัน
และเมื่อเห็นว่าเซี่ยเจ๋อน่าไม่พอใจคนในตระกูลเซี่ย จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ย “น่าน่า อย่าเสียใจไปเลย ถ้าอยากได้งานนี้จริง ก็ลองคุยกับพ่อแม่ดูสักหน่อยสิ”
“สายไปแล้ว พรุ่งนี้หลี่เสวี่ยเยี่ยนจะต้องไปทำงานแล้ว”
“เร็วจัง”
เย่เสี่ยวเหออดไม่ได้ที่จะพูดอะไรบางอย่างพลางดึงใบหน้าเศร้าก่อนจะเอ่ยขึ้น “น่าน่า ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีทางแล้วล่ะ จิ๊…ใครใช้ให้ฉินมู่หลานไม่ต้องการล่ะ”
“ฉินมู่หลาน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะฉินมู่หลาน”
เมื่อเห็นสีหน้าของเซี่ยเจ๋อน่าเต็มไปด้วยความไม่พอใจที่มีต่อฉินมู่หลาน เย่เสี่ยวเหออดไม่ได้ที่จะพูด “น่าน่า ฉันมีแผนดี ช่วยระบายความโกรธของเธอได้นิดหน่อย ไม่รู้ว่าเธอจะอยากลองไหม”
“แผนอะไรเหรอ?”
เมื่อเซี่ยเจ๋อน่าได้ยินว่าหล่อนช่วยระบายโทสะให้ตนได้ จึงจ้องมองเย่เสี่ยวเหอด้วยท่าทางกระตือรือร้นในทันที
เย่เสี่ยวเหอเอ่ยด้วยท่าทางประหม่า “แต่ว่า…พี่รองของเธอยังอยู่ที่บ้าน ถ้ายังมีพี่รองของเธอคอยปกป้อง พวกเราก็ทำอะไรฉินมู่หลานไม่ได้หรอก”
“ไม่เป็นไร อีกไม่นานพี่รองก็จะต้องกลับไปเข้ากองทัพแล้ว ฉินมู่หลานยังคงอยู่ที่บ้าน รอให้พี่รองกลับไปก่อน พวกเราก็ยังมีโอกาสที่จะสั่งสอนฉินมู่หลานอีกเยอะ”
เย่เสี่ยวเหอได้ยินเช่นนั้น จึงได้แต่ขมวดคิ้วเล็กน้อย หล่อนต้องการจะทำอะไรบางอย่าง แต่ก็อยากให้เซี่ยเจ๋อหลี่มาเห็นด้วยตาของตัวเอง หากเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่อยู่ที่นี่ ก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
“อย่างนี้นี่เอง ฉันคิดว่าเธออยากระบายความโกรธเร็ว ๆ ซะอีก”
แน่นอนว่าเซี่ยเจ๋อน่าอยากระบายความโกรธโดยเร็วอยู่แล้ว “จริงสิ ฉันจำได้ว่าก่อนที่พี่รองจะไปเข้ากองทัพทุกครั้ง จะชอบขึ้นไปเสี่ยงโชคบนภูเขา แล้วให้ที่บ้านทำอาหารเลิศรส ถึงตอนนั้นเราก็จะได้มีโอกาสสั่งสอนฉินมู่หลาน”
“จริงเหรอ อย่างนั้นก็ดีเลย”
แววตาของเย่เสี่ยวเหอเปล่งประกายด้วยความอาฆาตพยาบาท ในตอนนี้ หล่อนจะต้องทำลายฉินมู่หลานให้ย่อยยับ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เข้าทางนังจิ้งจอกนอกบ้านเลยสิ แปลแล้วก็ส่ายหน้ากับความโง่ของยัยเจ๋อน่า อยู่เป็นคนดีๆ ไม่ชอบ ชอบไปเป็นเครื่องมือของคนอื่นชักศึกเข้าบ้าน โดนเอาไปปล่อยป่าแบบไม่มีใครช่วยแล้วจะรู้สึก
ไหหม่า(海馬)