ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 269 ไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป(2)
ตอนที่ 269 ไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป(2)
ตอนที่ 269 ไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป(2)
ฉินเคอวั่งเข้าใจเรื่องนี้ จึงพูดตามตรง “คุณลุงเจี่ยงครับ หากคุณลุงแนะนำผมได้ก็คงดีไม่น้อย อีกฝ่ายเก่งมากขนาดนั้นจะไม่ชอบผมก็ไม่แปลก แค่ผมมีโอกาสได้พบคนที่เก่งขนาดนั้นมันก็ดีมากแล้วครับ ขอบคุณลุงเจี่ยงมากครับ”
เมื่อเห็นฉินเคอวั่งมีความสุขที่จะได้เจอคนผู้นั้น เจี่ยงสือเหิงก็ยิ้มออกทันที
“ได้ ถ้าเธอคิดแบบนั้น แต่วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว เอาไว้รอหลังปีใหม่แล้วพวกเราค่อยคุยกัน”
“อื้ม”
ฉินเคอวั่งพยักหน้าตามปกติ
ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกัน ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ก็อุ้มลูกน้อยทั้งสองคนออกมา เด็กน้อยทั้งสองโดนห่อตัวด้วยผ้าห่มผืนเล็กจนมิดชิดถึงใบหน้า พวกเขาจึงไม่รู้สึกหนาว
เจี่ยงสือเหิงเห็นพวกเขาพาเด็กออกมาแล้ว ก็อดพูดไม่ได้ “วันอากาศหนาวขนาดนี้ ทำไมถึงยังอุ้มเฉินเฉินกับชิงชิงออกมาอีก พวกลูกควรจะอยู่ในห้องกับพวกเขาสิ”
แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น เจี่ยงสือเหิงก็ยังเดินตรงมาหาชิงชิง แล้วอุ้มเด็กขึ้นมา
เด็กสองคนตื่นแล้ว ครั้นชิงชิงเห็นว่ามีคนกำลังอุ้มตัวเอง ก็หันไปมองดู ดวงตากลมโตสีเข้มจ้องมองเจี่ยงสือเหิงตาแป๋ว แล้วก็ยกยิ้มให้เขาอย่างมีความสุข
เมื่อเห็นรอยยิ้มอันบริสุทธิ์ของชิงชิง เจี่ยงสือเหิงก็รู้สึกเหมือนใจกำลังอ่อนระทวย
ดวงตาของลุงเจี่ยงแดงนิดหน่อยขณะที่กำลังจ้องมองจากด้านข้าง วันปีใหม่ปีนี้เป็นปีที่มีความสุขที่สุดสำหรับนายน้อยจริงๆ ในที่สุดในบ้านก็มีดอกไม้ไฟ ไม่ต้องเงียบเหงาอีกต่อไป มันช่างดีเหลือเกิน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณหนูน้อยจะอยู่ฉลองปีใหม่ด้วยกันแบบนี้ทุกปี หากเป็นอย่างนั้น นายน้อยก็จะไม่ต้องเหงาอยู่อย่างนั้น
เจี่ยงสือเหิงไม่เคยทราบเลยว่าลุงเจี่ยงจะคิดมากขนาดนี้ ตอนนี้เขากำลังอุ้มชิงชิง จิตใจอ่อนระทวยไปหมด
“ชิงชิง ทำไมหลานน่ารักอย่างนี้เนี่ย”
ดูเหมือนว่าเจ้าตัวน้อยจะรู้ว่ากำลังโดนชม ก็ยกยิ้มอย่างมีความสุขให้เจี่ยงสือเหิงอีกครั้ง
เจี่ยงสือเหิงเห็นเช่นนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าก็ปรากฎเด่นชัดมากขึ้น
ฉินมู่หลานจ้องมองเจี่ยงสือเหิงที่กำลังเอ็นดูจนไม่ยอมปล่อยลูกของเธอลง ก็อดพูดจาติดตลกเสียไม่ได้ “พ่อคะ จริง ๆ ตอนนี้พ่อก็ยังมีเวลานะคะ รีบหาเจ้าสาวมาแต่งงานด้วยสักคน ก็จะได้มีลูกที่น่ารักแบบนี้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจี่ยงสือเหิงก็อดหันมองฉินมู่หลานไม่ได้ ก่อนจะพูด “ลูกสาวของพ่อก็คือลูกไม่ใช่เหรอ อายุเยอะปูนนี้แล้ว จะต้องไปหาใครที่ไหนอีก หากพูดออกไปคงอายเขาแย่เลย”
ฉินมู่หลานไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้เลยสักนิด
“พ่อคะ พ่อยังดูหนุ่มอยู่เลยค่ะ ถึงพ่ออยากจะมองหาสาว ๆ ก็จะต้องมีคนอยากแต่งงานกับพ่อแน่นอน พ่ออย่าดูถูกตัวเองเลยค่ะ ถ้าพ่อยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ ให้ฉันช่วยแนะนำให้ดีไหมคะ”
เจี่ยงสือเหิงปรายตามองฉินมู่หลานก่อนจะพูดขึ้น “เรื่องนี้ลูกไม่ต้องห่วงหรอก ลูกเอาเวลาไปดูแลเจ้าหนูทั้งสองของลูกเถอะ”
เมื่อเห็นว่าเจี่ยงสือเหิงไม่มีความตั้งใจจะหาคู่ครองเลยแม้แต่น้อย ฉินมู่หลานก็อดส่ายหัวไม่ได้
หลายวันในช่วงส่งท้ายปีเก่า หลายคนไม่ได้ออกไปข้างนอกเลย อยู่แต่ภายในบ้าน จนกระทั่งตกเย็น ฉินเจี้ยนเซ่อก็กลับมาแล้ว
ซูหว่านอี๋เห็นสามีกลับมา ก็อดพูดไม่ได้ “ถ้าคุณยังไม่กลับมา ฉันว่าจะให้อาหลี่กับเคอวั่งไปตามคุณเสียแล้ว วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่า แต่ดันกลับมาเอาเวลานี้ได้”
ฉินเจี้ยนเซ่อได้ยินเช่นนี้ ก็รีบเอ่ย “ผมผิดเอง ทำงานจนลืมดูเวลา”
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ลืมที่จะบอกผลงานในวันนี้ให้ลูกสาวฟัง “มู่หลาน พ่อกับเหวินปิงสองคนเปิดหน้าดินตรงสวนหลังบ้านกันเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ลูกก็เริ่มทำสวนได้เลยนะ แล้วตรงส่วนอื่นในบ้าน พวกเราก็ทำความสะอาดกันหมดแล้ว”
“พ่อคะ ลำบากพวกพ่อเสียแล้ว”
“ไม่ลำบากหรอก”
ฉินเจี้ยนเซ่อเพียงแค่มีแรงบันดาลใจ จึงรู้สึกว่าไม่ลำบากเลย
เมื่อถึงเวลากินข้าวเย็น ทุกคนก็นั่งลงตรงโต๊ะอาหารกันเรียบร้อยแล้ว
ลุงเจี่ยงมองผู้คนที่อยู่เต็มโต๊ะอาหาร สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “นายน้อยครับ เปิดโต๊ะเลยไหมครับ”
“เอาสิ บอกให้ในครัวนำอาหารออกมาได้เลย”
ซูหว่านอี๋เป็นคนทำอาหารสองสามจาน ส่วนอาหารจานอื่นล้วนเป็นฝีมือของคนประจำห้องครัว หลังจากวางอาหารลงบนโต๊ะแล้ว ทุกคนก็เริ่มกินข้าวกันทันที
หลังกินอาหารเย็นวันส่งท้ายปีเสร็จแล้ว เจี่ยงสือเหิงก็เริ่มแจกซองอั่งเปา
อันดับแรกจะต้องเป็นเด็กทั้งสองอยู่แล้ว หลังจากนั้นก็มอบให้ฉินมู่หลานกับฉินเคอวั่งสองคนพี่น้องที่กำลังจะได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย ก่อนจะส่งซองแดงไปให้เซี่ยเจ๋อหลี่เช่นกัน
เซี่ยเจ๋อหลี่ตกใจมากที่ได้รับอั่งเปากับเขาด้วย
“พ่อบุญธรรมครับ ผมก็ได้ด้วยเหรอ”
เจี่ยงสือเหิงได้ยินเช่นนี้ก็ยกยิ้มแล้วเอ่ย “มู่หลานมี เธอก็ต้องมีอยู่แล้ว”
ซูหว่านอี๋กับฉินเจี้ยนเซ่อไม่ได้เตรียมมาเยอะขนาดนั้น พวกเขาเพียงแต่เตรียมอั่งเปาให้กับเฉินเฉินกับชิงชิงเท่านั้น แน่นอนว่าไม่มีส่วนของลูกชายกับลูกสาว
หลังจากให้อั่งเปาแล้ว หลายคนก็ยังนั่งเล่นอยู่ในห้องโถงเพื่อนับถอยหลังรอวันปีใหม่ เพียงแต่เด็กทั้งสองคนยังเด็กเกินไป ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่จึงนั่งอยู่ได้สักพัก จากนั้นก็ต้องพาเด็กทั้งสองกลับห้องไปนอน
เจี่ยงสือเหิงกับฉินเจี้ยนเซ่อก็ไม่ได้อยู่รอทั้งคืน พวกเขาอยู่จนถึงเพียงเที่ยงคืน หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับห้อง
เมื่อถึงวันแรกของปีใหม่ ฉินมู่หลานก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยเสียงประทัด
“มู่หลาน สวัสดีปีใหม่”
ฉินมู่หลานเพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมา ก็ได้ยินเสียงคนอวยพรปีใหม่ให้กับเธอ หลังจากหันไปมอง ก็พบว่าเซี่ยเจ๋อหลี่กำลังยืนอยู่ตรงข้างเตียง จ้องมองเธอด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม “จะตื่นตอนนี้เลยไหม หรืออยากนอนต่ออีกสักพัก?”
ฉินมู่หลานส่ายหัว แล้วเอ่ย “ไม่นอนแล้วค่ะ”
หลังจากลุกขึ้นมา ฉินมู่หลานก็ให้นมลูกทั้งสองคนก่อน จากนั้นก็เริ่มซักผ้า แล้วไปที่ห้องอาหาร ก่อนจะพบว่าอาหารเช้าถูกเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว และคนอื่น ๆ ก็มาถึงแล้วเช่นกัน
“มู่หลาน อาหลี่ รีบมากินข้าวเช้าเร็ว”
ในเช้าวันแรกของปีใหม่ ทุกคนรับประทานอาหารเช้าแสนอร่อย หลังจากนั้นเจี่ยงสือเหิงก็หันมองแล้วเอ่ยถามฉินมู่หลาน “มู่หลาน จะออกไปข้างนอกกับพ่อหน่อยไหม”
ฉินมู่หลานไม่ได้ถามอะไรมาก ก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ได้ค่ะ”
เจี่ยงสือเหิงพาฉินมู่หลานไปเคารพสุสานพ่อกับแม่ของเขา “พ่อครับ แม่ครับ นี่คือมู่หลาน ลูกสาวของผม ในที่สุดปีนี้ก็ได้มีโอกาสพาหล่อนมาพบทุกคนแล้ว พวกพ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ตอนนี้ชีวิตของผมดีมาก และมันจะดียิ่งขึ้นไปอีก พ่อกับแม่ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับผมแล้วนะครับ”
หลังจากกล่าวคำบูชาแล้วก็จุดธูป
ฉินมู่หลานเห็นแบบนี้ ก็รีบตามเข้าไปแสดงความเคารพด้วย ก่อนจะเปิดปากเอ่ย “คุณปู่ คุณย่า ทุกคนไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะดูแลพ่อเป็นอย่างดี ถ้ามีเวลา ต่อไปฉันจะมาเยี่ยมทุกคนอีกค่ะ”
กล่าวคำบูชาแล้วก็ปักธูปด้วยความเคารพ
เจี่ยงสือเหิงได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน ดวงตาก็รู้สึกร้อนผ่าวนิดหน่อย แต่มุมปากกลับยกยิ้มขึ้นแทน
ในปีนั้นเขารู้สึกว่าตัวเองจะทนไม่ได้อยู่แล้ว แต่ก็บังเอิญได้มาพบกับฉินมู่หลาน ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ได้มีคนในครอบครัวอีกครั้ง ไม่ต้องโดดเดี่ยวอีกต่อไป
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ขอบคุณมู่หลานนะคะที่มาเป็นลูกสาวให้นายท่านเจี่ยงไม่ต้องเหงาอีกต่อไป
ไหหม่า(海馬)