ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 27 ข่าวลือแพร่งพราย
ตอนที่ 27 ข่าวลือแพร่งพราย
ฉินมู่หลานไม่ได้คิดว่าจะมีคนประสงค์ร้ายกับตน ในตอนนี้เธอกำลังเดินขึ้นเขาไปพร้อมกับเซี่ยเจ๋อหลี่ ด้วยนึกขึ้นได้ว่ายังมีซานเย่าอีกมากมาย และเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ยังอยู่ที่นี่ จึงมาขุดแล้วให้เขาช่วยแบกกลับไป
“ตรงนี้แหละค่ะ”
ฉินมู่หลานมาถึงที่หมายก็ชี้ไปแล้วหันมองเซี่ยเจ๋อหลี่ด้วยรอยยิ้ม “ยังมีซานเย่าอยู่เยอะมากเลยนะคะ เราขุดกลับไปให้หมดกันเถอะ”
เมื่อเห็นแววตาของฉินมู่หลานเป็นประกาย เซี่ยเจ๋อหลี่จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วพยักหน้า “เอาสิ”
ทั้งสองคนนำอุปกรณ์มาด้วย จึงวางกระบุงสะพายหลังลง แล้วเริ่มขุดซานเย่า แต่ขุดไปได้เพียงสักครู่หนึ่ง เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เงยหน้ามองฉินมู่หลานพลางเอ่ยขึ้น “เดี๋ยวผมทำเอง คุณนั่งพักเถอะ”
ฉินมู่หลานเห็นว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ทำได้อย่างรวดเร็ว แค่เพียงช่วงเช้าก็น่าจะขุดซานเย่าที่ยังหลงเหลืออยู่ได้หมดแล้ว เธอจึงยอมวางมือ “งั้นก็ได้ค่ะ ฉันขอพักสักหน่อยนะคะ”
ฉินมู่หลานนั่งอยู่สักพัก จึงลุกขึ้นยืนอีกครั้งพลางเอ่ยกับเซี่ยเจ๋อหลี่ “ฉันขอไปดูก่อนนะคะว่ามีสมุนไพรอะไรบ้าง”
“ได้สิ อย่าไปไกลเกินนะ”
“อื้มๆ” ฉินมู่หลานพยักหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วไปเดินหาสมุนไพรในระแวกใกล้ ๆ
เดินไปได้ไม่ไกลนัก ฉินมู่หลานก็ได้พบสือหู* และมีไม่น้อยด้วย
*石斛 กล้วยไม้สกุลหวายชนิดหนึ่ง (Dendrobium nobile) ใช้เข้าตำรับยาจีน
อันที่จริงแล้วสือหูจัดได้ว่าเป็นสมุนไพรสามัญ แต่หลังจากมีการหยิบมาใช้มากเกินไป จึงทำให้สือหูเป็นของหายาก ตอนนี้มันปรากฎอยู่ตรงพื้นดินตรงหน้าของเธอ และพวกมันทั้งหมดยังเป็นของป่า เธอจึงเด็ดมันอย่างมีความสุข หลังจากนั้นเธอก็พบต้นเจวี๋ยหมิงจื่อ*และต้นจื่อเฉ่า** จึงเด็ดมันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
*决明子 เจวี๋ยหมิงจื่อ, ชุมเห็ด (Senna obtusifolia) เป็นสมุนไพรในวงศ์ถั่ว มีสรรพคุณเป็นยาระบายอย่างแรง
**紫草 จื่อเฉ่า (Lithospermum erythrorhizon) เป็นสมุนไพรท้องถิ่นของจีน มีสรรพคุณต้านไวรัสและจุลินทรีย์
หลังจากฉินมู่หลานเก็บสมุนไพรตรงบริเวณนี้เสร็จแล้ว เธอก็เดินกลับไปหาเซี่ยเจ๋อหลี่ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
เซี่ยเจ๋อหลี่เงยหน้าขึ้นแล้วเห็นฉินมู่หลาน ก็พบว่าดวงตาของเธอเปล่งประกายไปด้วยความสุข มุมปากของเขาจึงค่อย ๆ ยกขึ้น พลางเอ่ยถาม “ดีใจอะไรเหรอ เก็บสมุนไพรได้เยอะเลยสิ?”
“ไม่ค่อยเยอะ แต่ก็ไม่น้อยเกิน”
ฉินมู่หลานเอ่ยตอบอย่างมีความสุข จากนั้นจึงมองไปยังกระบุงสะพายหลังของเซี่ยเจ๋อหลี่ เมื่อเห็นว่าเขาขุดเกือบเสร็จแล้ว จึงอดไม่ได้จะเอ่ยว่า “คุณทำเร็วจังเลยค่ะ ถ้าขุดเสร็จแล้ว พวกเรารีบกลับกันเถอะ”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น เซี่ยเจ๋อหลี่จึงเอ่ยตอบพร้อมพยักหน้า “ได้”
จนกระทั่งเซี่ยเจ๋อหลี่ขุดเสร็จ ทั้งสองก็สะพายกระบุงเอาไว้บนหลังแล้วเดินลงเขาไป
“มู่หลาน ถ้าผมไปถึงกองทัพแล้วจะรีบยื่นเรื่องเปลี่ยนเป็นห้องครอบครัวทันทีเลยนะ เร็วสุดอาจใช้เวลาแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น แต่ถ้าล่าช้าก็อาจจะต้องใช้เวลานิดหน่อย”
มู่หลานได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้หันหน้ากลับมามองแต่อย่างใด “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้าได้เร็วฉันก็จะไปเร็ว ถ้าช้าก็ไม่เป็นไร ฉันอยู่ที่นี่ก็ดีเหมือนกัน”
เมื่อเห็นท่าทางไม่ได้ใส่ใจมากนักของฉินมู่หลาน เซี่ยเจ๋อหลี่จึงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่อก่อนฉินมู่หลานคอยตามติดเขาอยู่เสมอ แต่หลังจากแต่งงานกัน เขาก็ได้ค้นพบว่าฉินมู่หลานทำตัวต่างไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง ไม่ได้สนใจเขาเหมือนเก่าอีกแล้ว เขาจึงรู้สึกว่าอีกฝ่ายช่างขี้โกงเสียเหลือเกิน หลังจากได้เขาแล้วก็ทำเป็นไม่สนใจ
เมื่อคิดได้ดังนั้น เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ทั้งรู้สึกขบขันและโกรธไปพร้อมกัน ตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ในเมื่อฉินมู่หลานยอมรับได้ เขาก็ไม่เอ่ยอธิบายอะไรมาก “อย่างนั้นก็ดี คุณรอข่าวจากผมละกันนะ”
“อื้มๆ”
ฉินมู่หลานยิ้มพลางพยักหน้า ในขณะเดียวกันเธอก็เห็นว่าเซี่ยเจ๋อหลี่กำลังจ้องมองตนเอง จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ทำไมเหรอคะ?”
เซี่ยเจ๋อหลี่ส่ายศีรษะ พลางเอ่ย “ไม่มีอะไรหรอก แค่รู้สึกว่าเหมือนน้ำหนักคุณจะลดแล้ว”
เมื่อเอ่ยจบ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็มองสำรวจเรือนร่างของฉินมู่หลานอย่างระมัดระวัง ก่อนจะพบว่าน้ำหนักของเธอลดลงไปไม่น้อยเลย กระทั่งดวงตาก็ดูโตขึ้นด้วย
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกดีใจมาก จ้องมองเซี่ยเจ๋อหลี่แล้วเอ่ยถาม “จริงเหรอคะ ดูออกชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ค่อนข้างชัด”
“ดีจังเลย”
ฉินมู่หลานหัวเราะขึ้นมาอย่างสุขใจ พลางเอ่ย “ดูเหมือนว่าการกินให้น้อยลงจะเป็นทางที่ถูกแล้ว หลังจากนี้การลดน้ำหนักได้ถึงสักห้าสิบกิโลก็คงจะไม่ไกลเกินเอื้อม”
อันที่จริงทุกวันนี้เธอก็กินในปริมาณเท่าเดิมเหมือนที่เคยกินในช่วงยุคปัจจุบัน แต่เป็นเพราะเจ้าของร่างนี้แต่เดิมเป็นคนกินเยอะ จึงรู้สึกอยากอาหารมากขึ้นไปตามกัน คนอ้วน หากเธอมีวินัยไม่กินเยอะจนเกินไป ก็จะลดน้ำหนักได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปในที่สุด
“ขอแค่สุขภาพแข็งแรง การอ้วนก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีนะ”
ฉินมู่หลานอารมณ์ดี จึงเอ่ยตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อมองไปยังแผ่นหลังของฉินมู่หลานที่กำลังเริงร่า ใบหน้าของเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ปรากฎรอยยิ้มขึ้นเช่นกัน ทักษะทางการแพทย์ของเธอเก่งกาจ หากเธอบอกว่าเข้าใจดี ขอเพียงเธอมีความสุขก็พอแล้ว
จนกระทั่งทั้งสองคนกลับมาถึงบ้าน เหยาจิ้งจือก็ได้เห็นซานเย่ามากมาย จึงอดไม่ได้ที่จะหันมองฉินมู่หลานพลางเอ่ย “มู่หลาน เดี๋ยวเอาไปฝากที่บ้านเธอสักหน่อยนะ”
“ได้ค่ะ”
ฉินมู่หลานเองก็คิดเช่นนั้นเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อเหยาจิ้งจือเอ่ยเช่นนี้ด้วย จึงไม่จำเป็นต้องเอ่ยขออีกต่อไป
เหยาจิ้งจือแบ่งซานเย่าเป็นสองตะกร้าเท่ากัน นางยื่นตะกร้าใบหนึ่งมาให้เซี่ยเจ๋อหลี่แล้วเอ่ยว่า “อาหลี่ แกก็ไปด้วย ซานเย่าพวกนี้หนักมาก ให้มู่หลานแบกกลับไปคงไม่ได้”
เซี่ยเจ๋อหลี่หยิบกระบุงพายขึ้นบนหลังของตน ก่อนจะหันไปพูดกับฉินมู่หลาน “เราจะไปกันเลยไหม”
ฉินมู่หลานไม่มีข้อโต้แย้ง พยักหน้าแล้วตอบกลับ “ได้สิ”
ระหว่างที่ทั้งสองไปที่บ้านตระกูลฉิน เหยาจิ้งจือก็เริ่มจัดเตรียมอาหารกลางวัน มีเพียงลูกสาวของตนที่วิ่งออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าจนกระทั่งตอนนี้ยังไม่กลับ นอกจากนี้ยังไม่รู้อีกด้วยว่าหล่อนได้ไปทำงานหรือไม่ ไปอยู่ที่ไหน ถึงแม้ว่าจะผิดหวังในตัวลูกสาวมากก็ตาม แต่ในใจก็ยังนึกเป็นห่วง
ลูกสะใภ้คนโตพาเสี่ยวอวี่กลับไปหาพ่อแม่ที่บ้านของตัวเอง ตอนนี้ในบ้านจึงมีเพียงนางคนเดียว ดังนั้นนางจึงไปตามหาลูกสาวตรงสถานที่ที่หล่อนทำงานตามปกติเป็นที่แรก
ในตอนนี้ทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับการขุดมันเทศในทุ่งนา ระหว่างที่ทำงาน ก็ได้แอบพูดคุยกันด้วย
“พวกเธอว่าสองสามีภรรยาที่มาบ้านตระกูลเซี่ยเมื่อตอนเช้าเป็นใครกัน พวกเขาเป็นญาติของคนตระกูลเซี่ยหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่หรอก มองแค่นั้นก็รู้แล้วว่าทั้งสองเป็นคนเมือง ตระกูลเซี่ยมีญาติอยู่ในเมืองตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“ก็จริงนะ แต่หลังจากที่ฉินมู่หลานแต่งเข้าตระกูลเซี่ย ก็มีคนมาหาที่บ้านอยู่เป็นครั้งคราวเลย”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น ทุกคนจึงพบว่าความจริงแล้วเป็นเช่นนั้น
“อืม พวกเธอว่า คู่สามีภรรยานั้นมาหาฉินมู่หลานงั้นหรือ”
ในขณะนี้ ป้าพานก็เข้ามาสมทบด้วย เมื่อบังเอิญได้ยินดังนั้น จึงเอ่ยซุบซิบขึ้น “พวกเขามาหามู่หลานจริง ๆ ตอนนั้นถามทางฉันด้วย ตอนที่ถามเขาพูดว่าบ้านของหมอฉินอยู่ที่ไหน อย่างนั้นก็คงมาตามหาฉินมู่หลานนั่นแหละ ใช่ไหมล่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของทุกคนก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“มาที่นี่เพื่อตามหาฉินมู่หลานจริงหรือ”
ระหว่างที่ทุกคนกำลังตกตะลึง ก็มีใครบางคนคอยแอบฟังข่าวอยู่อย่างเงียบ ๆ
“เธอรู้ไหม เมื่อเช้ามีสามีภรรยาคู่หนึ่งมาที่ตระกูลเซี่ยในตอนเช้าเพื่อมาขอบคุณฉินมู่หลาน เป็นเพราะไปช่วยครอบครัวของพวกเขาไว้ ฉินมู่หลานก็เลยได้ตำแหน่งงานลูกจ้างชั่วคราวที่โรงอาหารในเมือง แต่หลังจากนั้นหล่อนก็ส่งต่อให้หลี่เสวี่ยเยี่ยน”
“อะไรนะ…เป็นเรื่องจริงหรือ?”
“แน่นอนว่าต้องจริงสิ ได้ยินว่าเมื่อเช้านี้มีผู้ชายคนหนึ่งมา หรือเขาจะเป็น ผอ.โรงอาหารที่ว่ากันนะ”
“ว้าว…”
และข่าวในวันนี้ก็ได้แพร่งพรายไปถึงตระกูลฉินเช่นกัน
ซุนฮุ่ยหงได้ยินข่าวนั้น สีหน้าก็มืดขรึมลง ในขณะนี้หวังจ้าวตี้และซ่งอวี้เฟิ่งลูกสะใภ้ทั้งสองของหล่อนก็ต่างยืนอยู่ข้างๆ โดยหวังจ้าวตี้เป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้น “แม่คะ พวกเราไม่กลับไปถามสักหน่อยเหรอ?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ข่าวนี้ออกไปแล้ว คนทั้งหมู่บ้านจะมองมู่หลานดีขึ้นหรือเปล่านะ
ไหหม่า(海馬)