ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 281 ความคิดอันอาจหาญ(2)
ตอนที่ 281 ความคิดอันอาจหาญ(2)
ตอนที่ 281 ความคิดอันอาจหาญ(2)
เซี่ยอวี่หรงนิ่งไปสักพักในตอนแรก เมื่อนึกถึงผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาก็อดพูดไม่ได้ “แต่สองพี่น้องตระกูลซูพวกนั้นก็ออกไปจากเมืองหลวงตั้งนานแล้วนี่ ตอนนั้นสองพี่น้องก็อายุแค่สิบห้าสิบหกเองไม่ใช่เหรอ ซูหว่านอวี๋คนพี่สาวก็เป็นที่โปรดปรานของชายหนุ่มหลายคนก็เท่านั้น แล้วทำไมพ่อถึงจำหล่อนฝังใจขนาดนั้นล่ะ?”
“เหอะ…คนวัยหนุ่มสาวอายุสิบห้าสิบหกเป็นช่วงเริ่มต้นของสัญญาณรักแรก แล้วหนุ่มสาวเขาก็แค่มีความรู้สึกที่ดีต่อกันนั่นแหละ แต่ตอนที่พ่อแกเป็นวัยรุ่นเขาต้องไปทำงานที่เมืองหยางเฉิง เขาได้เจอซูหว่านอวี๋อีกครั้งที่นั่น ทั้งสองได้พบกันในต่างถิ่น แถมยังเป็นวัยรุ่นด้วย แล้วพ่อแกจะเอาอะไรไปยับยั้งชั่งใจได้ ก็เลยเดินหน้ารุกเข้าหาซูหว่านอวี๋ทันที แล้วทั้งสองก็เริ่มอยู่ด้วยกัน”
“อะไรนะ…”
เซี่ยอวี่หรงรู้สึกเหลือเชื่อนิดหน่อย หล่อนได้ยินเรื่องซุบซิบเกี่ยวกับพ่อสมัยหนุ่มๆ มาบ้างเหมือนกัน “พ่อเคยอยู่กับซูหว่านอวี๋ แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น?”
“หลังจากนั้น….เหอะ….พวกเขาก็อยู่ด้วยกันต่อไปอีกหลายปี พ่อแกอยากจะพาหล่อนกลับมาบ้านเพื่อพูดคุยกับคุณปู่คุณย่าของแกด้วย เพราะอยากจะแต่งงานกับหล่อน”
เซี่ยอวี่หรงยังเอ่ยถามต่อไปด้วยความสังสัย “มาถึงจุดที่พวกเขากำลังพูดคุยเรื่องแต่งงานกันแล้ว แล้วหลังจากนั้นล่ะ?”
“หลังจากนั้นก็เป็นเพราะฐานะของซูหว่านอวี๋ในตอนนั้นเทียบกับแม่ไม่ได้ แม่ถึงได้กลายเป็นสะใภ้ของตระกูลเซี่ยอย่างไรเล่า และซูหว่านอวี๋ก็ต้องกลับไปที่เมืองหยางเฉิงด้วยความสิ้นหวัง” หลังจากพูดจบ เติ้งซูหลานก็ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “หล่อนก็ไม่ได้กลับเมืองหยางเฉิง แล้วมุ่งหน้าตรงไปที่ซานตงแทน”
“ตอนแรกฉันสนใจแค่เรื่องของซูหว่านอวี๋ จึงไม่ได้สนใจเรื่องของซูหว่านอี๋เลย ฉันก็ไม่คิดไม่ถึงว่า ซูหว่านอี๋จะแต่งงานกับชายชนบทที่ซานตง เป็นเพราะแบบนี้ หลังจากนั้นซูหว่านอวี๋ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยอวี่หรงก็เริ่มสนใจเรื่องราวระหว่างพ่อกับซูหว่านอวี๋มากขึ้น
“แล้วหลังจากแม่แต่งงานกับพ่อแล้ว พ่อก็ยังคิดถึงซูหว่านอวี๋อีกเหรอ?”
เติ้งซูหลานส่ายหัว แล้วพูดขึ้น “เปล่าหรอก พ่อของแกส่งคนไปที่เมืองหยางเฉิงเพื่อตามหาซูหว่านอวี๋ แต่ซูหว่านอวี๋ออกจากเมืองหยางเฉิงไปตั้งนานแล้ว หลังจากนั้นก็ต้องหากันไม่เจออยู่แล้ว เขาก็ยังให้คนไปตามหาบริเวณใกล้เคียงอีกครั้ง แต่สิ่งที่พวกเขาเจอก็ช่างเปล่าประโยชน์ หลังจากนั้นพ่อของแกก็เลยแต่งงานกับแม่ ไม่ได้เจอซูหว่านอวี๋อีกเลย”
เมื่อพูดเช่นนี้ เติ้งซูหลานก็มีสีหน้าภูมิใจขึ้นมา
เซี่ยอวี่หรงจำได้ว่าซูหว่านอวี๋เสียไปนานแล้ว ก่อนจะนึกไปถึงตอนที่แม่ไม่แปลกใจเรื่องข่าวการเสียชีวิตของซูหว่านอวี๋ขึ้นมาได้อีกครั้ง แววตาก็อดสั่นไหวไม่ได้
“แม่…แม่…ก่อนหน้านี้ที่แม่ไม่แปลกใจเรื่องที่ซูหว่านอวี๋เสียแล้ว หรือว่า…แม่ไปตามหาซูหว่านอวี๋ทีหลัง จากนั้นก็…”
ถึงแม้ลูกสาวจะพูดไม่ชัดเจน แต่เติ้งซูหลานก็เข้าใจว่าลูกสาวกำลังจะสื่ออะไร เธอจึงหันมองลูกสาวด้วยความโกรธ ก่อนจะพูดขึ้น “แกอย่าได้คิดแบบนั้นเชียว ฉันตามหาซูหว่านอวี๋หลังจากนั้น แต่ตอนที่ได้เจอซูหว่านอวี๋ หล่อนได้ตายไปแล้ว และ…”
เมื่อนึกไปถึงเรื่องที่ได้ยินตอนนั้น เติ้งซูหลานก็ยังโกรธแค้นมาจนถึงทุกวันนี้
“และอะไรเหรอ?”
เซี่ยอวี่หรงรีบเอ่ยถาม ด้วยความอยากรู้เรื่องพวกนี้มาก
เนื่องจากเติ้งซูหลานพูดคุยเรื่องนี้กับลูกสาวแล้ว หล่อนจึงไม่คิดปิดบังอีก จึงบอกตามตรง “ในตอนนั้นที่เจอกับซูหว่านอวี๋ หล่อนกำลังตั้งครรภ์อยู่ ส่วนสาเหตุที่ซูหว่านอวี๋เสียชีวิตก็เป็นเพราะภาวะคลอดบุตรยาก ทำให้เสียชีวิตทั้งแม่และลูก”
“อะไรนะ…ตอนนั้นหล่อนกำลังตั้งครรภ์ ถ…ถ้าอย่างนั้นคนที่เป็นพ่อเด็ก?”
เติ้งซูหลานพยักหน้าด้วยใบหน้าน่าเกลียด ก่อนจะพูดขึ้น “ใช่ ถ้าคำนวณตามเวลา คนที่เป็นพ่อของลูกซูหว่านอวี๋ก็คือพ่อแกนั่นแหละ แต่ว่าฟ้ามีตา ให้พวกหล่อนแม่ลูกตายจากไปพร้อมกัน ฮ่า…สวรรค์เข้าข้างแม่แท้ๆ”
เซี่ยอวี่หรงได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้น ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคยังดีที่หล่อนเป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อ
“ใช่แล้วค่ะ แม่เป็นภรรยาที่พ่อเลือกแต่งงานด้วย สวรรค์ต้องเข้าข้างแม่อยู่แล้ว”
เซี่ยอวี่หรงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม แต่แล้วก็ถามขึ้นอีกครั้งด้วยความอยากรู้ “ถ้าอย่างนั้นเด็กคนนั้นแก่กว่าฉันใช่ไหมคะ”
“ใช่ แก่กว่าแกสองเดือน”
เติ้งซูหลานจำเวลาได้อย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นจึงสามารถบอกได้ทันที
แต่เมื่อเซี่ยอวี่หรงได้ยินเช่นนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไป
“แก่กว่าสองเดือนเหรอคะ? ฉินมู่หลานก็แก่กว่าฉันสองเดือนนะ” ถึงแม้ว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ จะตามสืบเรื่องของฉินมู่หลานไม่ค่อยได้ แต่ก็พอรู้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับตัวฉินมู่หลานบ้างแล้ว
“งั้นเหรอ บังเอิญจัง แต่จากที่ได้ยินมา ซูหว่านอี๋กับซูหว่านอวี๋ตั้งครรภ์ใกล้ ๆ กันเลย”
เติ้งซูหลานก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อยเหมือนกัน ขณะเดียวกันก็อดกระวนกระวายใจเสียไม่ได้
เซี่ยอวี่หรงก็กังวลขึ้นมานิดหน่อยเหมือนกัน ความคิดอันอาจหาญอย่างหนึ่งผุดขึ้นมาในใจแทบจะทันที ก่อนจะหันไปมองแม่โดยไม่รู้ตัว ขณะเดียวกันเติ้งซูหลานก็บังเอิญหันมองเซี่ยอวี่หรงด้วยเช่นกัน สองแม่ลูกจ้องมองเป็นตาเดียวกัน ด้วยความคิดในใจที่คล้ายกัน
“แม่/อวี่หรง เรื่องของฉินมู่หลานต้องสืบดูให้แน่ชัดสักหน่อยแล้ว”
ขณะที่สองแม่ลูกกำลังพูดคุยกันในตอนนี้ ฉินมู่หลานไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเลย หลังจากเขียนบทความเสร็จก็ลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายเสียหน่อย แล้วไปหาลูกทั้งสองคนอีกครั้ง หลังจากนั้นก็หันมองผู้เป็นแม่ แล้วเอ่ยถามเรื่องที่พวกเขากลับไปครั้งนี้
ซูหว่านอี๋ได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มแล้วบอกกล่าว “คุณปู่กับคุณย่าของลูกคิดถึงพวกเรามาก ตอนเห็นพวกเราสองคนกลับไป ก็ดูไม่พอใจนิดหน่อยด้วย พวกเขาคิดถึงลูกกับเด็ก ๆ ทั้งสองคน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานก็ยกยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “เดี๋ยวรอเจ้าหนูสองคนโตกว่านี้อีกหน่อย หนูจะพาพวกเขาไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่านะคะ”
ซูหว่านอี๋พยักหน้าเห็นด้วย
จากนั้นฉินมู่หลานก็เอ่ยถามถึงหวังจาวตี้กับซ่งอวี้เฟิ่งอีกครั้ง “ลูกพี่ลูกน้องสองคนก็มาปักกิ่งกันหมดแล้ว แล้วพวกพี่สะใภ้ใหญ่กับพี่สะใภ้รองมีความคิดอะไรบ้างไหมคะ”
“พวกหล่อนรู้ว่าสามีมาทำงานหาเงินที่เมืองหลวงก็ต่างพากันดีใจใหญ่เลย ไม่รู้ว่าจะมีความคิดยังไงอีก”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้ก็หายกังวลใจ ขณะเดียวกันก็ได้เล่าเรื่องที่ครอบครัวของเซี่ยเจ๋อเหว่ยจะมาลงหลักปักฐานที่ปักกิ่งด้วย เธอจึงเอ่ยถามอีกครั้ง “แล้วคุณปู่กับคุณย่าอยากมาด้วยไหมคะ?”
ซูหว่านอี๋ส่ายหัวทันที แล้วพูดขึ้น “จริง ๆ แล้วแม่ถามปู่กับย่าเรื่องมาที่นี่แล้ว แต่พวกท่านไม่อยากจากหมู่บ้านชิงซานมา พวกท่านอยู่ที่หมู่บ้านชิงซานมาตลอดทั้งชีวิต ตอนนี้ก็แก่ตัวลงแล้วจึงไม่อยากจากไปไหนอีก แต่ครอบครัวของลุงใหญ่กลับคิดต่าง ดูเหมือนว่าครอบครัวพวกเขาอยากจะมาอยู่ที่เมืองหลวงกัน”
บ้านสี่ประสานที่กำลังปรับปรุงอยู่นี้เป็นของลูกสาว หลังจากพวกเขาเข้าไปอาศัยอยู่ บ้านหลังนั้นก็ยังเป็นของลูกสาว การที่พวกเขาซึ่งเป็นพ่อแม่อาศัยอยู่ด้วยนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร มันไม่ใช่ที่สำหรับครอบครัวของฉินเจี้ยนหัว เขามีหลานสะใภ้พวกนั้นด้วย แล้วจะดูแลบ้านเกิดอย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สองแม่ลูกนี่อย่าเพิ่งดีใจไป หนามยอกอกยังอยู่ทั้งคน และจะอยู่เป็นเจ้ากรรมนายเวรพวกเธอไปอีกยาวๆ เลยด้วย
ไหหม่า(海馬)