ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 30 ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์
ตอนที่ 30 ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์
ตอนที่ 30 ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์
ฉินมู่หลานเห็นเซี่ยเจ๋อน่าแล้วก็ไม่ได้เอ่ยอะไรสักคำ เพียงมุ่งเดินตรงเข้าไปในครัว
เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่เห็นน้องสาวของตัวเอง เขาก็ไม่ได้เอ่ยพูดสิ่งใดเช่นกัน
เซี่ยเจ๋อน่าเห็นว่าทั้งสองเมินเฉยใส่ตนกันไปเสียหมด ดวงตาจึงฉายแววขุ่นเคือง แต่ไม่นานนักมันก็เป็นประกายขึ้นมา
ฮึ…หล่อนอยากจะรู้นักว่าฉินมู่หลานจะหยิ่งผยองเช่นนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน หากพี่รองเห็นธาตุแท้ของหล่อนแล้ว พี่รองคงไม่เป็นเช่นนี้อีกต่อไป
ในห้องครัว เมื่อเหยาจิ้งจือเห็นว่าฉินมู่หลานกลับมาแล้ว จึงเอ่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม “มู่หลาน อาหารใกล้จะทำเสร็จแล้ว เธอไม่ต้องทำแล้วล่ะ”
ฉินมู่หลานสังเกตว่าอาหารใกล้เสร็จแล้วจริง ๆ จึงยกยิ้มแล้วกล่าว “ได้ค่ะแม่ ถ้าอย่างนั้นฉันเอาอาหารออกไปวางนะคะ”
หลังจากฉินมู่หลานเดินออกมาแล้ว หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็พาเสี่ยวอวี่กลับมาด้วย เมื่อหล่อนเห็นฉินมู่หลานกำลังถือชามอาหารออกมาวาง ก็รีบเข้ามาช่วยในทันที
“มู่หลาน ฉันเอง ฉันเอง”
ตอนนี้หล่อนเร่งรีบจนแทบจะประเคนแทนฉินมู่หลานขึ้นมา
หลังจากกลับไปที่บ้านแล้วเอ่ยพูดคุยกับพ่อแม่เกี่ยวกับเรื่องงานของตนแล้ว ก็มีหลายคนต่างพากันอิจฉาเป็นอย่างมาก แม้แต่พี่สะใภ้ที่อยู่เหนือเธอมาโดยตลอดก็ยังต้องพูดประจบประแจงเธอ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะสิ่งที่ฉินมู่หลานมอบให้เธอ
เมื่อเห็นความตั้งใจของหลี่เสวี่ยเยี่ยน ฉินมู่หลานก็ยอมปล่อยชามในที่สุด
หลังจากจัดแจงอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว เซี่ยเหวินปิงก็พาเซี่ยเจ๋อเหว่ยกลับมาพร้อมกัน
ทุกคนต่างรีบนั่งลงกินข้าว บ้างก็พูดคุยกันเป็นครั้งคราว แต่เซี่ยเจ๋อน่าไม่มีโอกาสได้เอ่ยสิ่งใดเลย ดูเหมือนว่าทุกคนจะเมินเฉยใส่หล่อนกันเสียหมด
ทุกคนในครอบครัวกำลังมีความสุข ซึ่งแตกต่างจากหล่อน เซี่ยเจ๋อน่าจึงแอบรู้สึกไม่พอใจ
ในที่สุดเซี่ยเจ๋อหลี่ก็เอ่ยถึงเรื่องที่จะขึ้นไปบนเขา “พ่อครับแม่ครับ วันมะรืนนี้ผมจะต้องไปแล้ว พรุ่งนี้ก็เลยว่าจะขึ้นเขา”
เซี่ยเจ๋อเหว่ยอยากไปกับเขาด้วย แต่เขากลัวจะโดนห้าม จึงไม่กล้าเอ่ยพูดออกไป
ฉินมู่หลานไม่เคยทราบมาก่อนว่าเซี่ยเจ๋อหลี่จะต้องไปล่าสัตว์ทุกครั้งก่อนออกเดินทาง วันนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องนี้ “อย่างนั้นพรุ่งนี้ก็ระวังด้วยนะคะ”
หลังจากเอ่ยจบ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็หันมองไปทางฉินมู่หลานพลางพยักหน้าแล้วเอ่ย “ครับ ผมจะระวัง”
ทุกคนในครอบครัวรู้จักฝีมือของเขาดี ดังนั้นจึงไม่มีใครเอ่ยพูดถึงเรื่องนี้ ไม่คาดคิดว่าฉินมู่หลานจะเอ่ยขึ้น มันทำให้เขารู้สึกหัวใจอ่อนระทวยอย่างคาดไม่ถึง
เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ขึ้นเขาไปแต่เช้า และหลี่เสวี่ยเยี่ยนก็ไปทำงานที่โรงงานอาหารอย่างมีความสุข ทุกคนในบ้านก็ต่างออกไปทำงานกันหมดสุดท้ายจึงเหลือเพียง เหยาจิ้งจือ เสี่ยวอวี่ และฉินมู่หลานเท่านั้น
เดิมทีเหยาจิ้งจือคิดจะทำงานบ้านอยู่ที่บ้าน แต่ด้วยความที่เสี่ยวอวี่ออกไปครั้งนอก สุดท้ายจึงไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงยอมพาเสี่ยวอวี่ออกไปเล่นข้างนอก
“มู่หลาน ฉันจะพาเสี่ยวอวี่ออกไปเดินเล่นก่อนนะ บนเตามีโจ๊กไข่ไก่และผักดองเหลืออยู่ เธอก็กินเสียนะ”
“ได้ค่ะแม่ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
เนื่องจากเซี่ยเจ๋อหลี่ออกไปตั้งแต่เช้า วันนี้ที่บ้านจึงได้กินมื้อเช้าแสนพิเศษ ฉินมู่หลานตื่นไม่ทันตอนตีห้า จึงพลาดอาหารเช้า
เมื่อเดินไปถึงห้องครัวและเห็นอาหารเช้าส่วนที่เหลือไว้ให้ตน เธอก็รีบหยิบมาวางบนโต๊ะอาหารและเตรียมตัวกิน เพราะวันนี้เธอวางแผนไว้ว่าจะเตรียมตัวยาอยู่กับบ้าน
แต่เมื่อตักโจ๊กขึ้นมาหนึ่งช้อนเต็ม ฉินมู่หลานก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ โจ๊กนี้มีส่วนผสมบางอย่างเพิ่มลงไป
เมื่อสูดดมอย่างระมัดระวังก็รู้ได้ทันทีว่ามียานอนหลับผสมอยู่ ส่วนไข่ไก่ต้มและผักดองนั้นไม่มีปัญหาอะไร
ฉินมู่หลานวางช้อนลงช้า ๆ แววตามืดมนขึ้นในทันที
แม้เหยาจิ้งจือจะเป็นคนเตรียมอาหารเอาไว้ให้เธอ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะเป็นคนวางยาเอง สุดท้ายแล้วในบ้านหลังนี้คนเดียวที่มีปัญหากับเธอคือเซี่ยเจ๋อน่า สิ่งเดียวที่ฉินมู่หลานคิดคือ เซี่ยเจ๋อน่าต้องการทำอะไร แล้วหล่อนไปเอายานอนหลับมาจากที่ไหน
ขณะที่ฉินมู่หลานกำลังครุ่นคิด เธอก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวดังมาจากข้างนอก จึงรีบคีบผักดองขึ้นมากิน แล้วแกะเปลือกไข่ต้ม หลังจากนั้นก็กินสองอย่างนี้เข้าไป หลังกินเสร็จเธอก็เริ่มตักโจ๊กขึ้นช้า ๆ ทำท่าประหนึ่งว่ากินมันเข้าไป ก่อนจะแอบเทโจ๊กพวกนั้นทิ้งจนหมด
เมื่อกินมื้อเช้าเสร็จ ฉินมู่หลานก็ลุกขึ้นอย่างอิดออด พลางพูดกับตัวเอง “โอ๊ย แปลกจัง ทำไมถึงง่วงจังเลยนะ”
หลังจากเอ่ยจบ เธอก็วางชามกับตะเกียบบนเตาอย่างลวก ๆ และแอบหยิบกรรไกรซ่อนไว้ใต้ชุด หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง
หลังจากที่ฉินมู่หลานเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูลง เธอก็รีบกำเข็มทองเอาไว้ในมือของตน ขณะเดียวกันก็จับกรรไกรเอาไว้แน่น หลังจากนั้นจึงทิ้งตัวนอนลงบนเตียง
ฉินมู่หลานสูดหายใจเข้าลึก ๆ หลังจากนั้นจึงค่อย ๆ หายใจให้ช้าลง แกล้งทำเป็นว่ากำลังหลับอยู่
ผ่านไปไม่ถึงห้านาที ข้างนอกก็มีเสียงพูดกันดังแผ่วมาแต่ไกล “เสี่ยวเหอ ดูเหมือนว่าฉินมู่หลานจะหลับไปแล้วล่ะ”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ ความคิดบางอย่างก็แวบเข้ามาในใจของฉินมู่หลานทันที เป็นเซี่ยเจ๋อน่านั่นเอง ในบ้านหลังนี้นอกจากน้องสาวของสามีแล้วก็ไม่มีผู้ใดคิดจะทำร้ายเธอเลย ส่วนอีกคนหนึ่งนั้นไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ว่าคือเย่เสี่ยวเหอ สองคนนี้ช่างเข้าขากันเสียจริง
แต่ยังไม่ใช่ทั้งหมด จากเสียงฝีเท้าตอนนี้น่าจะมีกันอยู่สามคน จึงต้องมีอีกคนหนึ่ง
และฉินมู่หลานก็ทราบในไม่ช้าว่าเป็นใคร เพียงแค่ฟังการสนทนาของเย่เสี่ยวเหอกับบุคคลผู้นั้น “เฝิงจื้อหมิง ขอเพียงแค่เรื่องครั้งนี้จบ ฉันจะแต่งกับนาย”
เฝิงจื้อหมิงได้ยินดังนั้น เขาก็ดูลังเลนิดหน่อย “เสี่ยวเหอ เธอพูดจริงหรือ?”
“จริงแท้แน่นอนสิ”
แต่เฝิงจื้อหมิงยังมีไหวพริบอยู่นิดหน่อย “แต่…ถ้ามีคนมาเจอว่าฉันนอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับฉินมู่หลาน ฉันจะไม่เป็นไรจริงเหรอ”
เมื่อเห็นเฝิงจื้อหมิงอิดออด สีหน้าของเย่เสี่ยวเหอจึงยับยู่น่าเกลียดมากยิ่งขึ้น
“เฝิงจื้อหมิง ตอนนี้มันต่างไปจากเมื่อก่อนแล้ว ถึงจะมั่วกับผู้หญิง ก็ไม่มีใครจับนายหรอก”
“เซี่ยเจ๋อหลี่ล่ะ ถึงยังไงฉินมู่หลานก็เป็นภรรยาของเซี่ยเจ๋อหลี่ แล้วเซี่ยเจ๋อหลี่จะไม่มาเอาเรื่องฉันเหรอ”
ครั้งนี้ไม่รีรอให้เย่เสี่ยวเหอได้ทันเอ่ยปาก เซี่ยเจ๋อน่าก็ชิงเอ่ยก่อน
“ไม่รู้สิ พี่รองของฉันคงมองหาต้นตอปัญหาและปัญหาที่ว่าก็คือฉินมู่หลาน แล้วอย่างนั้นเขาจะหาตัวนายได้ยังไง เพราะฉะนั้นรีบลงมือเสียเถอะ”
สุดท้ายเย่เสี่ยวเหอก็เอ่ยรับปาก “เฝิงจื้อหมิง ถ้าทำงานนี้เสร็จแล้ว หลังจากนี้พวกเราจะเป็นสามีภรรยากัน ก่อนหน้านี้นายเคยพูดเองไม่ใช่เหรอว่าชอบฉัน หรือว่าหลอกฉันหมดเลย”
“ไม่ใช่อยู่แล้ว”
เฝิงจื้อหมิงส่ายศีรษะปฏิเสธทันที ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะตัดสินใจได้แล้ว จึงมุ่งเข้าไปเปิดประตูห้องของฉินมู่หลานทันที
ฉินมู่หลานได้ยินบทสนทนาของทั้งสามคนอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ในขณะเดียวกันก็มีแผนการอยู่ในใจแล้วด้วย
เมื่อประตูถูกเปิดออก เฝิงจื้อหมิงก็เดินนำหน้าเข้ามา โดยมีเย่เสี่ยวเหอและเซี่ยเจ๋อน่าเดินตามอยู่หลัง ทั้งสองคนพากันจ้องมองเรือนร่างของฉินมู่หลานที่แน่นิ่งไม่ไหวติง ก่อนจะหัวเราะเสียงดังขึ้นมา
“ฮ่าฮ่า…ฉินมู่หลาน เธอเองก็มีวันนี้กับเขาด้วยสินะ”
สีหน้าของเซี่ยเจ๋อน่าเปี่ยมด้วยความสุข ตราบใดที่ฉินมู่หลานทำตัวเสียชื่อ หล่อนก็จะโดนเตะออก แล้วกลับไปอยู่กับครอบครัวเดิม
เฝิงจื้อหมิงลังเล แต่ในที่สุดก็เดินเข้าไปหาฉินมู่หลาน เขาเริ่มถอดเสื้อผ้าของเขา หลังจากนั้นก็เริ่มวางแผนที่จะถอดเสื้อผ้าของฉินมู่หลานออก
ก่อนที่เฝิงจื้อหมิงจะทันเข้าใกล้ อยู่ ๆ ฉินมู่หลานก็ลืมตาตื่นขึ้นมา
“อ๊า…”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
วางแผนชั่วใส่มู่หลานเหรอ ไม่สำเร็จหรอก โดนมู่หลานตลบหลังสักหน่อยเป็นไง
ไหหม่า(海馬)