ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 302 พบหน้าเพื่ออธิบาย
ตอนที่ 302 พบหน้าเพื่ออธิบาย
ตอนที่ 302 พบหน้าเพื่ออธิบาย
หลิวเสวียข่ายอึ้งไปเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของอาสะใภ้ อย่างไรก็ตามหลังจากได้เห็นอักษรที่เขียนบนปกแล้ว เขาก็จ้องมองฮั่วเหม่ยอินอย่างละเอียดอีกครั้ง และพบว่าอาสะใภ้ของตนเองมีบางอย่างที่ต่างไปจากเดิม
“อาสะใภ้ วันนี้คุณสวยมาก ดูเด็กลงมากกว่าเดิมเยอะเลย เดิมทีผมยังคิดว่าคุณกินยาบำรุงอะไรบางอย่าง แต่ปรากฏว่าคุณใช้เครื่องสำอางคุณภาพดีงั้นเหรอ?”
ฮั่วเหม่ยอินรีบพยักหน้าและเอ่ย “ใช่แล้ว ฉันใช้เครื่องสำอางที่พัฒนาขึ้นใหม่ ไม่เพียงแต่จะประสิทธิภาพดีเท่านั้น แต่ยังฟื้นบำรุงผิวได้ด้วย ฉันจะบอกแกให้ นักพัฒนาคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา แกน่าจะรู้จักยาแก้อักเสบชนิดพิเศษเหล่านั้นที่ตอนนี้ใช้กันอยู่ภายในโรงพยาบาล ยาทั้งหมดนั้นหล่อนเป็นคนค้นคว้าวิจัยออกมา แกว่ายอดเยี่ยมหรือเปล่าล่ะ”
หลิวเสวียข่ายได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“จริงเหรอ คนผู้นี้ไม่เพียงแต่จะค้นคว้าวิจัยยา แถมยังคิดค้นพัฒนาเครื่องสำอางอีกด้วยเหรอ?”
“ใช่แล้วๆ ยอดเยี่ยมมากจริงๆ”
ฮั่วเหม่ยอินเอ่ยชื่นชม หลังจากนั้นรีบชี้ไปยังแบบแผนนั้นและเอ่ย “เสวียข่าย แกดูนี่ก่อน”
ครั้งนี้หลิวเสวียข่ายเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ จากนั้นก็มองดูแบบแผนธุรกิจนี้
เดิมทีหลิวเสวียข่ายเพียงแค่คิดอยากลองดูเท่านั้น อย่างไรก็ตามหลังจากเขามองแบบแผนธุรกิจนี้อย่างละเอียด ก็พบว่ามันดูละเอียดเป็นอย่างมาก
ไม่เพียงแต่จะแนะนำผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทั้งหมด แถมยังเขียนส่วนผสมไว้อย่างชัดเจน แม้กระทั่งวิธีการใช้งานก็มีการระบุไว้ แถมยังแจกแจงแบบแผนการขายไว้หลายอย่าง
หลังดูแผนการขายแต่ละรายการข้างต้น ใบหน้าของหลิวเสวียข่ายก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขารีบมองฮั่วเหม่ยอินและเอ่ย “อาสะใภ้ คนที่ค้นคว้าพัฒนาเครื่องสำอางคนนี้ตอนนี้อยู่ที่ไหน ผมอยากพบเจอเขา”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฮั่วเหม่ยอินก็รู้ว่าหลานชายพอใจกับแบบแผนนี้เป็นอย่างมาก
“เสวียข่าย แกคิดว่าแบบแผนนี้ใช้ได้เลยจริงๆใช่ไหม?”
อย่างไรก็ตาม การจะวางสิ่งของขึ้นชั้นขายในห้างโหย่วอี้และร้านค้าชาวจีนโพ้นทะเลจะต้องมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหา ไม่อย่างนั้นทุกคนไม่ว่าใครก็จะตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่
หลิวเสวียข่ายรีบพยักหน้าและเอ่ย “แน่นอนว่าดี แบบแผนนี้ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ แถมดูการแต่งหน้าที่เปล่งปลั่งของอาในวันนี้ก็รู้แล้วว่าเครื่องสำอางนี้ไม่มีปัญหา แต่…….”
เมื่อกล่าวคำพูดสุดท้าย หลิวเสวียข่ายพลันกังวลขึ้นมาอีกครั้ง
“อาสะใภ้ครับ คุณบอกว่าเครื่องสำอางเหล่านี้ผลิตด้วยมือของเขาเอง งั้นเมื่อถึงเวลานั้นเขาจะสามารถจัดหาได้เพียงพอต่อความต้องการหรือเปล่าครับ?”
อย่างไรเสียความสามารถการผลิตสินค้าด้วยมือของคนผู้หนึ่งนั้นย่อมมีขีดจำกัด หากว่าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเหล่านี้ขายดี เช่นนั้นคนๆ เดียวย่อมทำไม่ทันอย่างแน่นอน
ฮั่วเหม่ยอินได้ยินเช่นนี้ก้รีบเอ่ย “เรื่องนี้แกไม่ต้องกังวล ฉันถามมู่หลานแล้ว หล่อนบอกว่าหากแผนนี้ใช้ได้จริง เมื่อถึงเวลานั้นก็สามารถรับประกันปริมาณการจัดหาได้”
“จริงเหรอ งั้นก็เยี่ยมเลย อารีบช่วยติดต่อให้ผมหน่อย ผมอยากพบเขาโดยเร็ว”
แต่เมื่อได้ยินชื่อของบุคคลที่อ้างถึงแล้วเขาก็พลันชะงักไป “มู่หลานเหรอ? หลานไหน? ได้ยินแล้วรู้สึกเหมือนว่าเป็นชื่อของผู้หญิงเลยนะครับ?”
“มู่ที่แปลว่าไม้ หลานที่แปลว่าสีฟ้า มู่หลานเป็นผู้หญิงจริงๆ และยังเป็นหญิงสาวที่สวยมากอีกด้วย หล่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งแล้ว พรุ่งนี้มะรืนก็กำลังจะเปิดเทอมแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลิวเสวียข่ายก็รู้สึกประหลาดใจ
“อะไรนะ……. กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย ยังเด็กมากเลยงั้นเหรอ?”
สิ่งนี้แตกต่างไปจากที่เขาจินตนาการอย่างสิ้นเชิง เพียงแค่ดูแบบแผนธุรกิจนี้ก็รู้ว่าคนที่เขียนนั้นจะต้องเป็นคนละเอียดรอบคอบและวางแผนได้อย่างถี่ถ้วน เดิมทีเขาคิดว่าอีกฝ่ายเป็นชายวัยกลางคนที่มีความเฉลียวฉลาด คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเพียงนักศึกษาหญิงวัยรุ่นคนหนึ่งที่เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย เรื่องนี้ช่างเหลือเชื่อจริงๆ
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้กันล่ะ มู่หลานเป็นคนเก่งมากนะ แกคิดดูสิ ยาชนิดพิเศษเหล่านั้นภายในโรงพยาบาลล้วนแต่เป็นมู่หลานที่ค้นคว้าวิจัยออกมา หากหล่อนไม่เก่งกาจขนาดนี้ หล่อนจะสามารถพัฒนายาเหล่านั้น ผลิตเครื่องสำอางแบบนี้ และเขียนแผนธุรกิจเช่นนี้ออกมาได้หรือ”
หลิวเสวียข่ายพยักหน้า ทอดถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้
“เป็นไปตามคาด ผู้กล้านั้นปรากฏตัวตั้งแต่อายุยังน้อย คาดไม่ถึงว่าอายุน้อยขนาดนี้จะมีความสามารถเช่นนี้”
“ความสามารถอะไรกัน พวกแกกำลังพูดอะไรกันอยู่”
ขณะทั้งสองคนกำลังคุยกัน กู้เพ่ยจวินแม่ของหลิวเสวียข่ายก็เดินเข้ามา เพียงแวบแรกหล่อนก็พบว่าฮั่วเหม่ยอินดูแตกต่างไปจากเดิม
“เหม่ยอิน เธอกำลังกินยาบำรุงตัวไหนอยู่เหรอ ทำไมสีหน้าวันนี้ดูดีมากเลยล่ะ เหมือนว่าเด็กลงไปสิบปี แถมการแต่งหน้าวันนี้ของเธอก็สวยมาก ดูธรรมชาติเป็นพิเศษ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของฮั่วเหม่ยอินพลันเต็มไปด้วยความสุข
“พี่สะใภ้ใหญ่ คาดไม่ถึงว่าแม้แต่คุณก็กล่าวเช่นนี้ ดูเหมือนว่าวันนี้ฉันจะแต่งหน้าสวยจริงๆ ฉันไม่ได้กินยาบำรุงอะไรเลย ที่ดูดีขึ้นเป็นเพราะพึ่งพาการแต่งหน้าต่างหาก”
ต้องรู้ว่าพี่สะใภ้ใหญ่คนนี้ช่างสังเกตและพูดน้อย โดยปกติแล้วน้อยครั้งมากที่จะได้ยินหล่อนชมคนอื่น คาดไม่ถึงเลยว่าวันนี้หล่อนจะชมตน
กู้เพ่ยจวินได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ที่แท้วันนี้เธอดูเด็กลงมากนั้นเป็นเพราะการแต่งหน้าเหรอ เธอไม่ได้กินยาบำรุงอะไรเลยจริงเหรอ?”
ฮั่วเหม่ยอินยิ้มพลางส่ายศีรษะและกล่าว “พี่สะใภ้ใหญ่ ฉันจะโกหกคุณไปทำไมกันคะ ช่วงนี้ฉันไม่ได้กินอะไรเลย เพียงแค่แต่งหน้าเท่านั้นค่ะ”
ขณะกล่าวหล่อนก็รีบหยิบเซ็ตเครื่องสำอางที่พยายามหามาออกมา
“เครื่องสำอางเหล่านี้ให้ผลลัพธ์ดีมากจริงๆ ดังนั้นฉันก็เลยอยากให้หลิวเสวียข่ายช่วยดูให้หน่อยว่ามันสามารถนำไปวางขายในร้านค้าชาวจีนโพ้นทะเลหรือไม่ก็ห้างโหย่วอี้ได้หรือเปล่า เมื่อเป็นเช่นนี้หากภายภาคหน้าพวกเราต้องการซื้อก็จะสามารถหาซื้อได้แล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กู้เพ่ยจวินพลันขมวดคิ้วทันใด
แม้ว่าวันนี้น้องสะใภ้จะดูอ่อนวัยและสวยมาก แต่งานของลูกชายนั้นล้วนเกิดจากความพยายามของเขา หากเรื่องนี้ถูกคนจับได้ก็คงไม่ดีนัก ต้องรู้ว่าไม่ใช่สิ่งของทุกอย่างจะสามารถส่งไปขายยังร้านค้าชาวจีนโพ้นทะเลและห้างโหย่วอี้ได้
“เรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับหลิวเสวียข่าย ยิ่งกว่านั้นหากต้องการส่งสินค้าไปยังร้านค้าชาวจีนโพ้นทะเลหรือไม่ก็ห้างโหย่วอี้จะต้องมีเอกสารรับรองมากมาย”
“เรื่องนี้ต้องพึ่งพาเสวียข่ายแล้ว”
ฮั่วเหม่ยอินยิ้มและเอ่ย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กู้เพ่ยจวินขมวดคิ้วแน่นมากยิ่งขึ้น โดยปกติแล้วน้องสะใภ้ไม่ใช่คนที่ไม่เข้าใจเรื่องราวอะไรเช่นนี้ ครั้งนี้เพื่อความดูดี คาดไม่ถึงว่าต้องการให้เสวียข่ายเชื่อมความสัมพันธ์ แบบนี้ไม่ได้การแล้ว งานของลูกชายจริงจังและเข้มงวด ไม่สามารถให้คนอื่นมาใช้เส้นสายได้
อย่างไรก็ตามโดยไม่รอให้กู้เพ่ยจวินเอ่ยปาก หลิวเสวียข่ายก็กล่าว “อาสะใภ้ครับ งั้นรบกวนอาช่วยนัดหล่อนให้ผมหน่อยนะครับ”
“ตกลง ฉันจะไปจัดการให้เลย”
ฮั่วเหม่ยอินเดินออกไปอีกครั้งอย่างมีความสุข
กู้เพ่ยจวินกลับหันศีรษะมองดูลูกชายและเอ่ย “ต่อให้เหม่ยอินจะเป็นอาสะใภ้ของแก แต่การดำเนินงานของแกก็ต้องทำตามขั้นตอน”
หลิวเสวียข่ายได้ยินคำพูดนี้ก็รู้ว่าแม่กำลังเข้าใจผิด เขายิ้มพลางกล่าว “แม่วางใจเถอะครับ ผมรู้ดีอยู่แก่ใจ สิ่งนี้คือพรสวรรค์ หากแผนธุรกิจที่หล่อนเขียนนี้สามารถเป็นไปได้จริง ไม่แน่ว่าอาจจะเพิ่มระดับผลงานให้กับผมได้”
กู้เพ่ยจวินได้ยินเช่นนั้น หล่อนเองก็วางใจ
และขณะนี้หล่อนพลันนึกถึงปัญหาที่ต้องการจะถามได้ “เสวียข่าย ก่อนหน้านี้แกมีนัดบอดกับคนตระกูลเริ่นคนนั้น แกรู้สึกอย่างไรบ้าง?”
“ไม่ได้รู้สึกอะไรครับ ครั้งหน้าไม่ต้องแนะนำผมแล้ว ตอนนี้ผมไม่มีความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย”
“เฮ้…….แต่แกเองก็อายุมากแล้วนะ ควรจะมีผู้หญิงอยู่ในใจสักคนหนึ่งสิ”
“แม่ครับ ผมยังมีธุระ ขอตัวก่อนนะครับ”
“เฮ้……เสวียข่าย……”
เมื่อเห็นลูกชายเดินจากไปไกล กู้เพ่ยจวินก็ส่ายศีรษะอย่างอดไม่ได้
ฉินมู่หลานตอบตกลงทันทีเมื่อรู้ว่าหลิวเสวียข่ายต้องการพบตนเอง หนึ่งวันก่อนเปิดเทอมเธอจึงไปพบกับหลิวเสวียข่าย ยิ้มพลางเอ่ย “หัวหน้าหลิว สวัสดีค่ะ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แผนธุรกิจนี้จะบรรลุผลไหมนะ หรือว่าจะนำความยุ่งยากมาให้มู่หลานแทน
ไหหม่า(海馬)