ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 325 ดำเนินการต่อ
ตอนที่ 325 ดำเนินการต่อ
ตอนที่ 325 ดำเนินการต่อ
เมื่อเห็นคุณนายเหยาพูดแบบนั้น ฉินมู่หลานก็ไม่พูดอะไร ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ในเมื่อตอนนี้คุณนายฟื้นแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”
นายท่านเหยายังรู้สึกกังวลนิดหน่อย ก่อนจะพูด “มู่หลาน ไม่ต้องกินยาหรอกหรือ?”
ฉินมู่หลานนึกถึงชีพจรของคุณนายเหยา จากนั้นก็จ่ายยาบำรุงสุขภาพไปให้ “กินทุกวันเช้าเย็นครั้งละหนึ่งเม็ด กินต่อเนื่องสักประมาณหนึ่งเดือน จะช่วยเสริมบำรุงร่างกายได้ค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ นายท่านเหยาก็รีบรับไป พลางหัวเราะแล้วบอกกล่าวทันที “มู่หลาน ขอบคุณเธอมากนะ”
ฉินมู่หลานยิ้มแล้วโบกมือ ก่อนจะเอ่ย “คุณตาสุภาพเกินไปแล้วค่ะ”
สำหรับนายท่านเหยาแล้ว เขาประทับใจในตัวฉินมู่หลานมาก ชายชราจึงเอ็นดูพวกเขาเหมือนเป็นญาติทางสายเลือด “คุณตาคะ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”
เหยาจิ้งจือเชื่อในตัวลูกสะใภ้อยู่แล้ว เมื่อเห็นว่าคุณนายเหยาไม่เป็นอะไรแล้ว ก็เตรียมตัวจะกลับเช่นกัน
คุณนายเหยาไม่ได้เจอลูกสาวแท้ ๆ มานานแล้ว ตอนแรกจึงดีใจมากที่เห็นเหยาจิ้งจือมาที่นี่ แต่เมื่อเห็นว่าหล่อนจะกลับไปพร้อมฉินมู่หลาน จึงอดพูดไม่ได้ “ลูกไม่สนใจคนแก่อย่างแม่แล้วเหรอ ถึงยังไงแม่ก็ยังอยู่โรงพยาบาล ลูกจะกลับไปเลยเหรอ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เหยาจิ้งจือก็พูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
แต่หลี่เสวี่ยเยี่ยนที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้น “คุณยายคะ เดี๋ยวฉันอยู่ดูแลคุณยายที่นี่เองค่ะ อีกอย่างคุณยายไม่ได้เป็นอะไรเลย เพราะฉะนั้นอย่าพูดว่าจะอยู่โรงพยาบาลดีกว่านะคะ การนอนโรงพยาบาลไม่ใช่เรื่องที่ดีค่ะ”
พูดจบ หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็ช่วยประคองให้คุณนายเหยาลุกขึ้นนั่ง
“เย็นนี้ยังไม่ค่อยสบายใจนัก พวกเราจะนอนค้างที่โรงพยาบาลกันหนึ่งคืน แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะลาหยุดสองวันเพื่ออยู่ที่บ้านกับคุณยายเองค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของคุณนายเหยาก็ดีขึ้นมาแล้ว ขณะเดียวกันก็หันไปพูดกับหลี่เสวี่ยเยี่ยนด้วยความน้อยใจ “ก็บอกว่าฉันไม่เป็นไรไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องลาหยุดหรอก เธอเพิ่งไปทำงานที่โรงงานอาหารเอง อย่าให้ใครมาตำหนิเพราะเรื่องเล็กน้อยพวกนี้เลย”
เมื่อเห็นคุณนายเหยาพูดแบบนี้ หลี่เสวี่ยเยี่ยนจึงยอมพยักหน้าเชื่อฟัง จากนั้นก็หันมองเหยาจิ้งจือกับฉินมู่หลานแล้วบอกกล่าว “พ่อคะแม่คะ มู่หลาน อาหลี่ ทุกคนกลับกันก่อนเถอะค่ะ เรื่องคุณยายให้เป็นหน้าที่ฉันเอง”
ในตอนนี้ คุณนายเหยาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
แต่ฉินมู่หลานหันมองหลี่เสวี่ยเยี่ยนอีกครั้ง ตั้งแต่พี่สะใภ้มาปักกิ่ง ก็ดูจะไหลลื่นมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เรื่องของคุณนายเหยานี้ก็ยังมีความน่าสงสัยอยู่บ้าง เธอจึงยิ้มแล้วพูดขึ้น “พี่สะใภ้คะ ฉันจะบอกเรื่องที่ควรใส่ใจกับคุณนายให้สักหน่อย”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานขยิบตาให้กับตัวเอง หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็พยักหน้าแล้วตอบรับ “ได้”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนเดินตามออกไป ก่อนจะเอ่ยถาม “มู่หลาน มีอะไรที่ต้องใส่ใจอย่างนั้นเหรอ?”
“ช่วงนี้ต้องให้คุณนายกินอาหารรสเบาก่อน และของบางอย่างหากหลีกเลี่ยงไม่กินได้จะดีที่สุด” หลังพูดจบ เธอก็บอกถึงอาหารควรหลีกเลี่ยงแต่ละชนิด สุดท้ายก็เอ่ยถาม “คุณนายไม่ได้กินยาอะไรเลยจริงเหรอ?”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนส่ายหัว แล้วบอกกล่าว “ไม่นะ ฉันไม่เห็นว่าคุณนายกำลังกินยาอะไรอยู่เลย ดูจากสีหน้าของท่านตอนนี้สิ ไม่เหมือนโกหกเลย ท่านก็คงไม่ได้กินหรอก” หลังจากพูดจบ หล่อนก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย “ถ้าอย่างนั้นคุณนายจะได้ยานอนหลับเกินขนาดได้ยังไง?”
นี่คือสิ่งที่ฉินมู่หลานอยากจะสืบหา
“ช่วงนี้คุณนายมีเรื่องอะไรแปลก ๆ บ้างไหม หรือว่ามีใครมาหาคุณนายบ้างหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็รีบบอกกล่าวทันที “ล่าสุดเริ่นม่านลี่มาหาคุณนาย แต่ว่าทั้งสองออกไปเจอกันข้างนอก ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกหล่อน”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็หันมองหลี่เสวี่ยเยี่ยนแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นพี่ต้องสนใจเรื่องนี้ให้มากขึ้นหน่อยค่ะ เพราะคุณนายบอกว่าไม่ได้กินยาอะไรเลย ถ้าอย่างนั้นก็เป็นไปได้สูงว่าจะมีคนแอบวางยาท่าน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของหลี่เสวี่ยเยี่ยนก็จริงจังขึ้น แม้แต่เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเจ๋อหลี่ก็อดมองเสียไม่ได้
เหยาจิ้งจืออดถามเสียไม่ได้ “มู่หลาน มีคนแอบวางยาคุณนายท่านจริงเหรอ? แต่ยานอนหลับแบบนี้จะทำอะไรได้ นอกจากทำให้คุณนายท่านนอนหลับนานแล้ว ก็ดูจะไม่ได้หวังผลอย่างอื่นเลยนะ หรือว่ายานี้มีส่วนประกอบอย่างอื่นที่พวกเราไม่รู้ด้วย?”
ฉินมู่หลานส่ายหัว แล้วบอกกล่าว “ไม่มีแล้วค่ะ แค่ทำให้คนหลับนาน แต่ถ้าหากใช้ไปนาน ๆ หรือว่ากินมากเกินไป ก็จะไม่ดีต่อสุขภาพได้ แต่คุณนายเพิ่งเริ่มกินค่ะ”
เหยาจิ้งจือได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกโล่งใจนิดหน่อย ขณะเดียวกันก็หันมองลูกสะใภ้คนโตแล้วพูดว่า “เสวี่ยเยี่ยน ถ้าอย่างนั้นรบกวนเธอใส่ใจมากกว่านี้หน่อยนะ”
“ค่ะ ฉันจะทำเดี๋ยวนี้เลย”
หลังจากฉินมู่หลานและคนอื่นกลับไปแล้ว คุณนายเหยาก็ไม่อยากอยู่ที่โรงพยาบาลอีก จึงหันมองนายท่านเหยาแล้วพูดขึ้น “ในเมื่อเห็นว่าฉันไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้นทำไมยังอยู่ที่นี่อีกล่ะ พวกเรารีบกลับบ้านกันเถอะ”
นายท่านเหยาเห็นว่าหญิงชราไม่ได้มีอาการผิดปกติอะไรเลย จึงพยักหน้าตามด้วย
เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น นายท่านเหยาก็สั่งให้คนต้มยาให้คุณนายเหยาดื่มทุกวัน
ตอนแรกคุณนายเหยาก็ขัดขืนนิดหน่อย แต่เป็นเพราะนายท่านเหยา นางจึงไม่กล้าปฏิเสธอีก เมื่อดื่มไปได้หลายวัน ก็รู้สึกว่าร่างกายผ่อนคลายมาก จากนั้นก็เริ่มดื่มยาด้วยความตั้งใจ ในเวลาเดียวกัน ขณะเดียวกันก็ตระหนักได้ว่าหลานสะใภ้ของตนช่างเก่งกาจ เพราะยาตัวนี้ดีมากจริง ๆ
ในตอนนี้เริ่นม่านลี่กำลังมาพบเซี่ยอวี่หรงที่ร้านอาหาร
“ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าทำไมเธอถึงขอให้ฉันใส่ยานอนหลับให้คุณนายเหยา ไม่กี่วันก่อนฉันได้ยินว่าท่านเข้าโรงพยาบาล แต่ไม่นานก็ออกมาแล้ว ร่างกายไม่ได้เป็นอะไรเลย ตอนนี้ท่านกำลังดื่มยาที่ฉินมู่หลานจ่ายให้จนร่างกายแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม เพราะฉะนั้นต่อให้เธอขอให้ฉันทำอะไรแบบนี้อีกก็ไม่มีประโยชน์แล้ว”
แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อเซี่ยอวี่หรงได้ยินแบบนี้ ก็ได้แต่ยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะพูดขึ้น “เธอไม่ต้องกังวลอะไรขนาดนั้นหรอก แค่ทำตามที่ฉันบอกก็พอ” หลังจากพูดจบ หล่อนก็หยิบขวดยาอันเล็กออกมาอีกหนึ่งขวด แล้วพูดขึ้น “ยาอันเก่าเธอใช้หมดแล้วใช่ไหม เธอหาโอกาสเอายาพวกนี้ให้คุณนายเหยาอีก ถ้าจะให้ดีก็ขอเป็นในเร็ววันนี้เลย”
หลังจากเริ่นม่านลี่รับมาแล้ว ก็เอ่ยถามเรื่องที่ตัวเองเป็นกังวลมากที่สุด
“เมื่อไหร่เธอจะนัดดูตัวให้ฉันกับคนตระกูลเกานั่นสักที?”
ถึงแม้ว่าคนผู้นี้จะเป็นเพียงสายเลือดแขนงหนึ่งจากตระกูลเกาเท่านั้น แต่ก็ยังเป็นตระกูลเกา ตอนนี้หัวหน้าตระกูลเกาฐานะสูงส่ง เขามีความสามารถของการเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ หากหล่อนได้แต่งเข้าตระกูลเกา จากนี้ไปทุกคนจะต้องให้ความเคารพเมื่อได้พบเจอหล่อน
แต่ถึงอย่างนั้นเริ่นม่านลี่ก็ยังมองไปเซี่ยอวี่หรงด้วยท่าทางสับสน “เธอไม่ได้หลอกฉันใช่ไหม เธอบอกว่าจะนัดดูตัวให้ฉันกับคนในตระกูลเกาได้”
“หลอกเธอไปจะมีประโยชน์อะไร เพราะเขาก็เป็นแค่สายเลือดหนึ่งของตระกูลเกา”
ไม่มีการเปรียบเทียบระหว่างสายเลือดตระกูลหลักกับสายเลือดตระกูลรองเลย ในสายตาของหล่อน พวกสายเลือดตระกูลรองก็ถือเป็นชนชั้นสูง ถึงแม้ว่าตระกูลเซี่ยของเธอจะไม่ใช่ตระกูลหลักดั้งเดิม แต่ตระกูลดั้งเดิมอยู่ห่างไกลไปทางซีอาน ส่วนตระกูลทางฝั่งพวกเขาก็ไปได้ดีในปักกิ่ง บางคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตระกูลเซี่ยทางฝั่งซีอานเป็นตระกูลหลัก หล่อนจึงไม่คิดว่าตนเป็นเพียงตระกูลรอง
แต่ตระกูลเกานั้นต่างออกไป ทั้งตระกูลหลักกับตระกูลที่แตกกิ่งก้านสาขาออกไปล้วนอยู่ในเมืองหลวง พวกคนจากตระกูลรอง ไม่ค่อยมีศักยภาพมากนัก
เริ่นม่านลี่ได้ยินคำพูดของเซี่ยอวี่หรงก็รู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะสุดท้ายแล้วคนที่เซี่ยอวี่หรงแนะนำให้ก็ดีกว่าคนที่ครอบครัวของหล่อนจัดหาเอาไว้ให้เป็นไหน ๆ
“ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันขอกลับก่อน หลังจากเธอนัดดูตัวแล้ว ค่อยติดต่อฉันมา”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
วางแผนจะทำอะไรคุณนายเหยากันน่ะสองคนนี้
ไหหม่า(海馬)