ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 331 ไม่ควรอยู่ที่นี่(1)
ตอนที่ 331 ไม่ควรอยู่ที่นี่(1)
ตอนที่ 331 ไม่ควรอยู่ที่นี่(1)
ฉินมู่หลานปลอบใจซูหว่านอี๋อีกครั้ง หลังจากนั้นก็ถามหล่อนเรื่องหมอกับโรงพยาบาลที่ไปทำคลอดอีกครั้ง ถึงแม้ว่าซูหว่านอี๋จะรู้สึกไม่ดี แต่ก็มีเรื่องบางอย่างต้องเอ่ยถามให้แน่ชัด ด้วยวิธีนี้จะทำให้พวกเขาตรวจสอบได้
ซูหว่านอี๋ส่ายหัวแล้วพูดขึ้น “มู่หลาน แม่ไม่เป็นไรหรอก”
หล่อนนึกย้อนกลับไปอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนั้นให้ฟัง แล้วก็บอกชื่อโรงพยาบาลและหมอที่ทำคลอดในตอนนั้นด้วย
“แม่คะ หนูจะให้คนไปตรวจสอบเรื่องนี้ แม่อย่าเพิ่งคิดมากเลยนะคะ รีบกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
ซูหว่านอี๋ได้ยินแบบนี้จึงพยักหน้า แล้วพูดขึ้น “ได้สิมู่หลาน ถ้าอย่างนั้นแม่ขอกลับไปก่อนนะ ลูกก็รีบพักผ่อนล่ะ”
“ค่ะ”
ฉินมู่หลานตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม
หลังจากซูหว่านอี๋ไปแล้ว เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เข้ามาในห้อง “ก่อนหน้านี้ผมเห็นแม่พาคุณเข้ามาในบ้าน สีหน้าท่านดูเป็นกังวลมาก มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?”
ฉินมู่หลานเล่าเรื่องเมื่อสักครู่ให้ฟัง หลังจากนั้นก็พูดต่อ “แม่กังวลว่าเซี่ยอวี่หรงจะรู้ภูมิหลังของฉัน เพราะฉะนั้นเซี่ยอวี่หรงจึงให้เริ่นม่านลี่ร่วมมือด้วย เพื่อจะใส่ร้ายฉัน”
หลังจากพูดจบ เธอก็เหลือบมองเซี่ยเจ๋อหลี่อีกครั้ง ก่อนจะพูดขึ้น “ฉันรู้สึกว่าต้องเกี่ยวกับเรื่องของคุณแน่นอน เซี่ยอวี่หรงหลงรักคุณอย่างห้ามอกห้ามใจไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงทำทุกวิถีทางเพื่อคิดใส่ร้ายฉัน”
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินแบบนี้ จึงรีบขอโทษขอโพยทันที
“มู่หลาน ผมกับเซี่ยอวี่หรงอะไรนั่นไม่ได้พูดคุยกันเลย ผมรู้จักหล่อนเพราะเนี่ยนอัน ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวเลย”
แต่ถึงอย่างนั้น เซี่ยเจ๋อหลี่กลับกังวลเรื่องภูมิหลังของภรรยาเสียมากกว่า สีหน้าของเขาจึงเต็มไปด้วยความจริงจัง
“มู่หลาน เรื่องนี้ต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบ หากว่าเซี่ยอวี่หรงเกิดรู้เรื่องของคุณแล้วจริง ๆ พวกเขาคงไม่หวังดีกับคุณแน่นอน”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้า แล้วพูดขึ้น “ฉันก็ว่าแบบนั้น”
ทั้งสองตัดสินใจตรวจสอบเรื่องนี้กันอย่างถี่ถ้วน ดังนั้นเมื่อถึงวันรุ่งขึ้น ฉินมู่หลานจึงขอให้เหวินเฉียนกลับไปที่มณฑลซานตง ส่วนทางปักกิ่งนี้ก็ให้คนคอยเฝ้าจับตามองด้านเซี่ยอวี่หรง หากมีความผิดปกติจะได้มีคนมารายงานให้ทราบทันที
“อาหลี่ คุณรีบไปทำงานเถอะ ฉันจะไปดูที่โรงพยาบาลสักหน่อย”
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินแบบนี้ ก็อดเอ่ยถามไม่ได้ “คุณจะไปเยี่ยมเริ่นม่านลี่ที่โรงพยาบาลเหรอ?”
ฉินมู่หลานก็ไม่ได้ปิดบัง ก่อนจะพยักหน้าแล้วบอกกล่าวตามตรง “ใช่ ฉันจะไปเยี่ยมเริ่นม่านลี่”
วิธีการที่ง่ายที่สุดคือการเริ่มจากตัวของเริ่นม่านลี่ เพียงแต่ตอนนี้หล่อนไม่ได้สติแล้ว ฉินมู่หลานจึงเพียงแค่อยากลองไปตรวจดูว่าจะทำให้หล่อนตื่นขึ้นมาพูดได้อีกไหม
ขอเพียงแค่ยอมเปิดปากพูดได้เท่านั้น ส่วนอย่างอื่นเธอไม่ได้สนใจ
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่จึงเอ่ยเตือน “ถ้าอย่างนั้นคุณระวังตัวหน่อยนะ”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็อดยิ้มแล้วเอ่ยเสียไม่ได้ “ฉันแค่จะไปโรงพยาบาล จะเป็นอะไรไปได้”
“ดี ถ้าอย่างนั้นผมไปทำงานกับพ่อบุญธรรมก่อนนะ”
และเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ได้ตัดสินใจแล้ว ว่าจะให้โหยวหย่งหาคนเพิ่มอีกสักองสามคน เพื่อคอยตามคุ้มกันมู่หลานกับพวกพ่อแม่ ตอนนี้เหวินเฉียนไปมณฑลซานตงแล้ว เพราะฉะนั้นคนจึงไม่พอคอยเฝ้าคุ้มกัน
เซี่ยเจ๋อหลี่กับเจี่ยงสือเหิงเดินทางไปสถาบันวิจัย ส่วนฉินมู่หลานก็แต่งตัวแล้วมุ่งหน้าไปโรงพยาบาล
ฉินมู่หลานทราบว่าเริ่นม่านลี่พักอยู่ที่หอพักผู้ป่วยไหน จึงเดินไปหาทันที แต่เธอไม่ต้องการพบกับคนตระกูลเริ่น จึงระมัดระวังตลอดทาง
เมื่อเธอเข้าใกล้ห้องพักผู้ป่วยของเริ่นม่านลี่ ทันใดนั้นก็ได้เห็นร่างอันคุ้นเคย เมื่อเธอหันไปมองอีกครั้ง คนผู้นั้นก็หายตัวไปแล้ว
ฉินมู่หลานคิ้วขมวดนิดหน่อย ก่อนจะรีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว เพียงแต่เธอเห็นว่าคนผู้นั้นกำลังเดินลงไปชั้นล่างด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ เมื่อเธอเห็นว่าเขาไปแล้ว จึงไม่ตามอีก ก่อนจะหันหลังแล้วเดินกลับไปที่ห้องพักผู้ป่วยของเริ่นม่านลี่แทน
เห็นเพียงแค่คุณนายเริ่นกับเริ่นม่านลี่ที่กำลังนอนอยู่ในห้องพัก
ขณะที่ฉินมู่หลานยังคงคิดหาทางล่อให้คุณนายเริ่นออกไปนั้น หล่อนก็เดินออกมาเองแล้ว เห็นถือเพียงแค่กาต้มน้ำร้อนเอาไว้ในมือ คงออกมาเพื่อเอาน้ำร้อน
หลังจากคุณนายเริ่นไปแล้ว ฉินมู่หลานก็เข้าไปในห้องพักผู้ป่วย เธอจ้องมองเริ่นม่านลี่ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาลด้วยท่าทางนิ่งสนิทไม่ไหวติงใด ๆ หากเริ่นม่านลี่ไม่มีจิตใจคิดคด หล่อนคงไม่ต้องมีสภาพเช่นนี้ ทุกอย่างเป็นความผิดของหล่อนเอง
ไม่มีเวลาให้คิดมาก ฉินมู่หลานรีบตรวจจับชีพจรของเริ่นม่านลี่ทันที
ไม่นานนัก ฉินมู่หลานก็ขมวดคิ้ว อาการของเริ่นม่านลี่ไม่ค่อยดีนัก ไม่ค่อยต่างจากตอนที่หล่อนเพิ่งกินยาพิษเข้าไปเลย เธอไม่แน่ใจว่าเริ่นม่านลี่จะกลับมาพูดได้หรือไม่ แต่ในเมื่อมาแล้ว ก็ควรลอง
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฉินมู่หลานก็หยิบเข็มเงินที่เตรียมมาด้วยออกมา แล้วทำการฝังเข็มให้เริ่นม่านลี่อยู่ไม่กี่จุด แต่กลับไม่ตอบสนองเลย
“เหอะ…พิษคงรุนแรงมากจริง ๆ”
หากตอนนั้นเธอไม่อยู่ เริ่นม่านลี่คงเสียชีวิตในทันที แต่ตอนนี้ถึงแม้ว่าเธอจะรักษาให้ ก็คงเป็นเรื่องยากที่เริ่นม่านลี่จะฟื้นตัวขึ้นมา พิษได้แทรกซึมลึกเข้าไปในไขกระดูกเรียบร้อยแล้ว
ฉินมู่หลานไม่ยอมแพ้ แล้วทำการฝังเข็มให้อีกหลายครั้ง แต่เริ่นม่านลี่ก็ยังไม่ตอบสนอง สุดท้ายเธอจึงทำได้เพียงเก็บของแล้วกลับไป
ฉินมู่หลานตรงกลับบ้านทันทีที่ออกจากโรงพยาบาล
ซูหว่านอี๋เห็นลูกสาวกลับมา จึงรีบเอ่ยถาม “มู่หลาน ลูกไปไหนมา ทำไมถึงออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า พวกเราคุยกันเอาไว้แล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไปบ้านตระกูลเหยากัน”
“หนูออกไปทำธุระมานิดหน่อยค่ะ แม่ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปเตรียมตัวให้พร้อม อีกสักพักก็ออกเดินทางกันเลยค่ะ”
ซูหว่านอี๋ได้ยินสิ่งนี้ก็พยักหน้า
เหยาจิ้งจือก็คิดจะไปที่นั่นอีกครั้งด้วยเหมือนกัน เธอจึงช่วยซูหว่านอี๋ หลังจากจัดแจงของเด็กทั้งสองเสร็จแล้ว ก็ออกไปพร้อมกับฉินมู่หลาน
นายท่านเหยาเห็นลูกสาวกับพวกฉินมู่หลานมาหา สีหน้าจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดโดยเฉพาะหลังจากเห็นเด็กทั้งสองคน รอยยิ้มบนใบหน้าก็ไม่จางหายเลย “ไอหยา…ชิงชิงกับเฉินเฉินของเราก็มาด้วย มาให้ทวดอุ้มหน่อยเร็ว” พูดจบก็เดินเข้ามาหวังจะอุ้มเด็ก
เหยาจิ้งจือเห็นแบบนี้ ก็รีบส่งชิงชิงไปให้ ก่อนจะพูด “พ่อคะ ระวังหน่อยนะ”
“ไม่ต้องห่วง ๆ พ่อระวังอยู่แล้ว”
นายท่านเหยายิ้มแล้วพาเด็กไป หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินเข้าไปในบ้าน
“คุณท่านคะ คุณนายไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”
วันนี้ซูหว่านอี๋มาที่นี่เพื่อเยี่ยมคุณนายเหยา จึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
นายท่านเหยาได้ยินแบบนี้ก็ยกยิ้มแล้วบอกกล่าว “ไม่ต้องห่วงครับ หล่อนไม่เป็นไร ปกติดี”
หลายคนพูดคุยกัน ก็เดินไปที่ห้องโถงหลัก และคุณนายเหยาก็อยู่กับหลี่เสวี่ยเยี่ยนพร้อมทั้งเสี่ยวเป่าสองแม่ลูก
เมื่อคุณนายเหยาเห็นฉินมู่หลาน สีหน้าก็ดูประหม่านิดหน่อย เป็นเพราะความสัมพันธ์ของเหยาอี้หนิงกับเริ่นม่านลี่ ทำให้นางเมินเฉยฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ แต่ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าตนเป็นฝ่ายผิด เป็นเพราะสนิทใจกับพวกเริ่นม่านลี่มากเกินไปจนเกือบจะทำให้ตัวเองต้องสู่สุคติเสียแล้ว
“มู่หลาน ที่ผ่านมาเป็นความผิดของยายเอง ย… ยายไม่ควรจะไปคบค้ากับพวกเริ่นม่านลี่ ย…ยายผิดเอง”
เมื่อเอ่ยขอโทษด้วยความหนักใจแล้ว คุณนายเหยาก็หันมองฉินมู่หลานกับเหยาจิ้งจือด้วยความหวัง ว่าพวกเขาจะให้อภัยนาง
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ จึงกล่าวว่า “คุณนายคะ ไม่ต้องขอโทษฉันหรอกค่ะ จริง ๆ แล้วถ้าคุณนายชอบที่จะคบค้ากับใคร ฉันไม่ได้สนใจเลย แต่คุณนายควรขอโทษแม่สามีฉันค่ะ เพราะท่านเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของคุณนาย บางทีท่านอาจจะเสียใจกับการกระทำของคุณนาย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ใบหน้าของคุณนายเหยาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความอาย รู้สึกว่าไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมองได้เลย
แต่เมื่อตระหนักได้ว่าครั้งนี้ตนเกือบโดนวางยาพิษตาย จึงได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดจริง จึงเงยหน้าขึ้นมองเหยาจิ้งจือแล้วพูดว่า “จิ้งจือ เรื่องก่อนหน้านี้แม่ผิดเอง ล…ลูกจะยอมยกโทษให้แม่ได้ไหม?”
เหยาจิ้งจือมองตรงไปที่คุณนายเหยา ก็ได้เห็นความจริงใจที่สะท้อนผ่านแววตาของหล่อน แต่ก็ยังไม่ตอบกลับในทันที ก่อนจะหันมองซูหว่านอี๋แล้วพูดขึ้น “หว่านอี๋ เธอมาที่นี่เพื่อจะเยี่ยมคุณนายไม่ใช่เหรอ ถ้าอย่างนั้นเธอก็เข้าไปคุยกับท่านเถอะ”
เมื่อเห็นลูกสาวพูดแบบนั้น คุณนายเหยาก็ทราบว่าลูกสาวยังไม่ให้อภัยนาง สีหน้าจึงเต็มไปด้วยความผิดหวัง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พยานสำคัญยังไม่ฟื้น จะเริ่มสืบจากตรงไหนดีเนี่ย
ทีนี้รู้ซึ้งแล้วหรือยังคะคุณนายเหยา ทำผิดซ้ำซากเรื่องคบคนจนตัวเองเดือดร้อนอยู่เรื่อยเลย
ไหหม่า(海馬)