ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 345 ความลับในปีนั้น (1)
ตอนที่ 345 ความลับในปีนั้น (1)
ตอนที่ 345 ความลับในปีนั้น(1)
ฉินมู่หลานย่อมคาดเดาได้อยู่แล้ว แต่เธอสงสัยเรื่องสาเหตุการตายของเริ่นม่านลี่มากกว่า
เซี่ยปิงชิงได้ยินแบบนี้ จึงพูดขึ้นตามตรง “ฉันก็ไม่รู้ว่าเป็นการจงใจฆ่าหรือเปล่า แต่จากการสันนิษฐานเบื้องต้นพบว่า ตอนคุณนายเริ่นหลับไป ไม่รู้ว่ามือไปพลาดเกี่ยวโดนสายท่อเครื่องช่วยหายใจของเริ่นม่านลี่หรือเปล่า กว่าพยาบาลจะทราบเรื่อง คนก็ไม่อยู่แล้ว”
ฉินมู่หลานไม่เชื่อคำกล่าวอ้างพวกนี้เลยสักนิด
“คุณนายเริ่นคอยดูแลเริ่นม่านลี่มาตลอด ก่อนหน้านี้ทุกอย่างก็ปกติดี แล้วทำไมตอนจังหวะที่พวกเราตั้งใจจะไปล้างพิษ หล่อนถึงได้เสียพอดีล่ะ ถ้าจะบอกว่าไม่ใช่ฝีมือคนทำ ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่เลย”
หลังจากพูดจบ ฉินมู่หลานก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อย “ฉันผิดเอง ฉันคิดว่าหมอกับพยาบาลจะคอยเฝ้าดูอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้คุณนายเริ่นก็อยู่ตลอดด้วย เพราะฉะนั้นจึงคิดว่าเริ่นม่านลี่คงปลอดภัย ไม่คิดเลยว่าจะมีคนอาศัยช่องโหว่มาทำเรื่องแบบนี้”
เซี่ยปิงชิงก็รู้สึกว่าการตายของเริ่นม่านลี่เกิดจากฝีมือคน
เพียงแต่เมื่อได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน หล่อนก็ยกยิ้มแล้วบอกกล่าวตามตรง “จริง ๆ แล้วเธอไม่จำเป็นต้องอารมณ์เสียขนาดนี้ก็ได้นะ การเสียชีวิตของเริ่นม่านลี่สามารถพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่เธอคิดนั้นถูกต้อง เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสาวต้นตอไปถึงตัวเองได้ จึงฆ่าคนปิดปาก หากเธอคาดเดาเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว ก็จะต้องเป็นคนนั้นแน่นอน”
“แต่ถ้าไม่มีคำให้การของเริ่นม่านลี่ เซี่ยอวี่หรงก็จะไม่โดนลงโทษ”
“ต่อให้เริ่นม่านลี่ฟื้นขึ้นมา แต่หล่อนก็อยู่ได้แค่สิบห้านาทีเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นหล่อนอาจไม่เต็มใจยอมสารภาพออกมาก็ได้ หรือต่อให้เริ่นม่านลี่ยอมพูด ถ้าหากเซี่ยอวี่หรงไม่ยอมรับแล้วจะไปมีประโยชน์อะไร เริ่นม่านลี่มีชีวิตอยู่ได้แค่สิบห้านาทีเท่านั้นเอง สุดท้ายหล่อนก็เป็นพยานในชั้นศาลไม่ได้หรอก นอกเหนือจากว่าจะบอกให้ทุกคนรู้เรื่องคนร้ายตัวจริงแล้ว นอกนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะสุดท้ายแล้วเธอก็ได้คำตอบอยู่แล้วนี่นา”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็อดหันมองแล้วพูดกับเซี่ยปิงชิงเสียไม่ได้ “เธอเชื่อคำพูดของฉัน แล้วก็เชื่อเรื่องที่เซี่ยอวี่หรงอยู่เบื้องหลังจริงเหรอ?”
“ฉันเชื่อเธอส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะเซี่ยอวี่หรงก็มีเส้นสายทางด้านนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหล่อนจึงหาพิษแมงมุมมาได้ คนทั่วไปหาพิษแมงมุมพวกนั้นไม่ได้หรอก”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดแสยะยิ้มไม่ได้
“เป็นเพราะอย่างนี้นี่เอง”
เซี่ยปิงชิงได้ยินแบบนี้จึงพูดขึ้น “ใช่แล้ว ถึงตระกูลเซี่ยที่อยู่ในเมืองหลวงจะเป็นตระกูลที่แยกออกมา แต่ทักษะทางการแพทย์ที่สืบทอดกันมาจากตระกูลเซี่ยของพวกเรามีมานับพันปี ทำให้มีเส้นสายเยอะมาก ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ตระกูลแยกย่อยตระกูลหนึ่งก็ตาม แต่ก็ยังพอมีเส้นสายได้”
“ปิงชิง ขอบคุณนะที่เชื่อฉัน”
เซี่ยปิงชิงส่ายหัว แล้วพูดขึ้น “ไม่ต้องขอบคุณหรอก ฉันสบายอยู่แล้ว เร็ว ๆ นี้ฉันกับพี่จะไปเยี่ยมบ้านตระกูลเซี่ยสายรอง ถึงตอนนั้นฉันจะช่วยเธอตรวจสอบดู ต้องได้เบาะแสมองอะไรบ้างแหละ”
“ได้ ขอบคุณ”
หลังจากกล่าวลาเซี่ยปิงชิงแล้ว ฉินมู่หลานยังไม่กลับบ้าน แล้วตรงไปที่บ้านตระกูลเหยาแทน
นายท่านเหยาเห็นฉินมู่หลานมาก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย “มู่หลาน หลานมาที่นี่ทำไมเหรอ มาคนเดียวหรือเปล่า?”
“คุณตาคะ ฉันมาหาคุณตาเพราะมีเรื่องบางอย่างจะคุยด้วยค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ นายท่านเหยาก็รีบกล่าวทันที “ไปสิ พวกเราไปที่ห้องหนังสือกัน”
หลังจากทั้งสองมาถึงห้องหนังสือแล้ว นายท่านเหยาจึงรีบเอ่ยถาม “มู่หลาน มาหาตากะทันหันแบบนี้ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม?”
ฉินมู่หลานเล่าข่าวการเสียชีวิตของเริ่นม่านลี่ให้ฟัง หลังจากนั้นก็พูดต่อว่า “อาจเป็นฝีมือของเซี่ยอวี่หรงที่ต้องการฆ่าคนปิดปาก แต่น่าเสียดายที่ฉันไม่ได้หลักฐานที่ชัดเจนจากปากของเริ่นม่านลี่”
นายท่านเหยาได้ยินแบบนี้ก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ ตั้งแต่ที่ทราบว่าเริ่นม่านลี่จะไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้อีก เขาจึงเลิกให้ความสนใจ ไม่คิดเลยว่าตอนนี้จะได้ยินข่าวแบบนี้
“เป็นเพราะฉันไม่มีความรอบคอบด้วยค่ะ คิดว่าที่โรงพยาบาลนั้นจะปลอดภัย แต่สุดท้ายก็มีคนอาศัยประโยชน์จากช่องโหว่ทำเรื่องแบบนี้”
นายท่านเหยากล่าวอย่างไม่รีบร้อน “ตอนแรกที่พบว่าเริ่นม่านลี่ไม่สามารถฟื้นได้แล้ว พวกเราก็ไม่ได้คิดอยากจะสอบสวนจากปากหล่อน อันที่จริงตาลองตรวจสอบตระกูลเซี่ยดูแล้ว แต่ว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เจออะไรเลย เป็นเพราะตระกูลเหยาของเราก็ไม่เคยคลุกคลีกับยาพวกนั้น การสืบสวนจึงเป็นไปได้ยาก แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิม เป็นเพราะเริ่นม่านลี่เสียแล้ว ถ้าอย่างนั้นคงต้องมีร่องรอยของเรื่องนี้หลงเหลืออยู่บ้าง ตาจะรีบให้คนไปลองสืบสวนดู”
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นขอรบกวนคุณตาด้วยนะคะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ นายท่านเหยาก็รีบโบกมือแล้วบอกกล่าวทันที “เป็นหน้าที่ของตาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่เรื่องรบกวนอะไรเลย แต่ว่า…”
หลังจากพูดถึงตอนท้าย นายท่านเหยาก็ดูลังเลนิดหน่อย ไม่รู้ว่าควรจะพูดสิ่งที่ตัวเองเจอมาหรือเปล่า
“ทำไมเหรอคะคุณตา หรือว่ายังมีเรื่องอะไรอีก?”
นายท่านเหยาครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะพูดต่อ “ตาเจอข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับเซี่ยฉางชิง กับป้าของหลาน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ หรือว่านายท่านเหยาจะทราบเรื่องความสัมพันธ์ของเซี่ยฉางชิงกับแม่แท้ ๆ ของเธอแล้ว?
และเมื่อนายท่านเหยาเห็นว่าฉินมู่หลานไม่พูดอะไรเลย จึงอดแปลกใจเสียไม่ได้ “ดูเหมือนว่าหลานจะรู้เรื่องพวกนี้แล้วสินะ ก็เลยไม่ตกใจเลย”
“ค่ะ ฉันรู้หมดแล้ว”
“ในเมื่อตอนนี้หลานรู้ทุกอย่างแล้ว ถ้าอย่างนั้นตาก็จะไม่อ้อมค้อม การตายของซูหว่านอวี๋อาจจะไม่ใช่การตายทั่วไป”
“อะไรนะ…”
ฉินมู่หลานตกใจเมื่อได้ยินแบบนี้ เธอไม่คิดเลยว่าสิ่งที่นายท่านเหยาจะบอกคือเรื่องนี้ “เท่าที่รู้มา…คุณแม่ของฉันเสียไปเพราะภาวะคลอดบุตรยาก หรือว่าจะมีความลับซ่อนอยู่?”
“คุณแม่…”
ตอนนี้ถึงคราวที่นายท่านเหยาจะตกใจบ้างแล้ว “หลาน…หลานเป็นลูกสาวของซูหว่านอวี๋เหรอ?”
เมื่อเห็นสีหน้าตกใจของท่านเหยา ฉินมู่หลานจึงเพิ่งตระหนักได้ ว่านายท่านเหยาไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน แต่ในเมื่อตอนนี้ได้พูดทุกอย่างออกไปแล้ว เธอจึงเล่าภูมิหลังของตนตามตรง หลังจากนั้นก็พูดต่อ “ใช่ค่ะ แต่คุณตาบอกฉันว่ารู้ความจริงทุกอย่างแล้ว ก่อนหน้านี้เหมือนจะยังไม่ทราบภูมิหลังของหนู แต่กลับรู้สาเหตุการเสียชีวิตของคุณแม่ฉันเหรอคะ?”
นายท่านเหยาพยักหน้า แล้วบอกกล่าว “ใช่ ตาไม่รู้เรื่องภูมิหลังของหลานเลย ตารู้แค่ว่าแม่แท้ ๆ ของหลานอาจโดนฆาตกรรม เพราะก่อนหน้านี้เคยมีคนมาสอบถามเรื่องที่อยู่ของสองพี่น้องตระกูลซู นอกจากนี้ยังเจาะจงที่อยู่ของซูหว่านอวี๋ด้วย”
“คุณตาคะ จากเรื่องพวกนี้ ยังสรุปไม่ได้หรอกนะคะว่าแม่แท้ ๆ ของฉันโดนฆาตกรรม”
นายท่านเหยาได้ยินแบบนี้จึงบอกกล่าว “ตอนแรกตาก็ไม่ได้สงสัยอะไร แต่ว่า…ในปีนั้นมีคนปรากฎตัวที่มณฑลซานตง แล้วต้องการสืบเรื่องแม่ของหลาน แล้วเรื่องพวกนั้นก็ถูกรายงานตรงไปที่เติ้งซูหลาน ภรรยาคนปัจจุบันของเซี่ยฉางชิง เรื่องนี้จึงต้องสืบสวนต่อ”
“อะไรนะ…หรือว่าเติ้งซูหลานจะส่งคนไปที่มณฑลซานตงอย่างนั้นเหรอคะ?”
ตอนนี้แม้แต่ฉินมู่หลานเองก็รู้สึกว่ามีกลิ่นไม่ชอบมาพากลบางอย่าง “ดูเหมือนจะมีความเป็นไปได้สูงที่แม่แท้ ๆ ของฉันจะโดนฆาตกรรม”
เพราะสุดท้ายแล้วเรื่องมันคงไม่บังเอิญขนาดนั้น คนของเติ้งซูหลานไปที่มณฑลซานตง ขณะเดียวกันซูหว่านอวี๋ก็เกิดอุบัติเหตุระหว่างคลอดลูก
เมื่อเห็นฉินมู่หลานรับฟังเรื่องนี้แล้ว นายท่านเหยาก็อดมองแล้วเอ่ยถามเธออย่างเสียไม่ได้ “มู่หลาน แล้วหลานจะทำยังไงต่อไป?”
“ฉันอยากรอข่าวจากเหวินเฉียนก่อนค่ะ อยากรู้ว่าพวกเติ้งซูหลานจะทราบตัวตนของฉันหรือยัง ถ้าพวกเขารู้แล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องเปลี่ยนแผน”
ตอนแรกเธอไม่คิดจะกลับเข้าตระกูลเซี่ยเลย แต่หากเติ้งซูหลานกับเซี่ยอวี่หรงทราบตัวตนของเธอแล้ว การตายของซูหว่านอวี๋ก็คงเป็นฝีมือของเติ้งซูหลานจริง เช่นนั้นเธอคงต้องกลับเข้าบ้านตระกูลเซี่ย
เติ้งซูหลานใส่ใจเซี่ยฉางชิงมากขนาดนั้นเลยหรือ แม้แต่หญิงตั้งครรภ์ก็ไม่ละเว้นเลยหรือ หล่อนต้องการเพียงแค่ให้ตัวเองกับลูกสาวได้ทุกสิ่งทุกอย่างจากสามีอย่างนั้นใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นเธอคงปล่อยผ่านพวกหล่อนไม่ได้แล้ว เธออยากจะเฝ้ามองเติ้งซูหลานสูญเสียทุกสิ่งอย่างไปจากน้ำมือจนหมดสิ้น
นายท่านเหยาได้ยินสิ่งที่ฉินมู่หลานพูด ก็ยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “มู่หลาน ไม่ว่าหลานจะตัดสินใจยังไง ตาก็สนับสนุนหลานอยู่แล้ว”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มีกำลังหนุนหลังแล้ว จัดการเดินหมากเด็ดหัวสองแม่ลูกตระกูลเซี่ยเลยค่ะมู่หลาน
ไหหม่า(海馬)