ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 346 ความลับในปีนั้น(2)
ตอนที่ 346 ความลับในปีนั้น(2)
ตอนที่ 346 ความลับในปีนั้น(2)
เมื่อคิดไปถึงเรื่องที่ว่าเซี่ยอวี่หรงมีความคิดทำร้ายผู้อื่นตั้งแต่อายุยังน้อย และไหนจะเรื่องที่คุณนายเหยาเกือบต้องตาย เขาก็ไม่มีวันปล่อยเซี่ยอวี่หรงให้ลอยนวลเด็ดขาด และเมื่อนึกถึงสถานการณ์ในตอนนี้ที่มู่หลานไม่ลงรอยกันกับสองแม่ลูกเซี่ยอวี่หรงเติ้งซูหลาน เขาก็ต้องช่วยให้ความยุติธรรมกับหลานสะใภ้อยู่แล้ว ตัวเขาเองก็จะได้ล้างแค้นด้วยเช่นกัน
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็อดหันมองแล้วพูดกับนายท่านเหยาอย่างเสียไม่ได้ “ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณตา ฉันจะลองไปคิดให้รอบคอบ หลังจากนั้นจะมาคุยแผนต่อไปกับคุณตาค่ะ”
“ได้ ตาจะรอฟังข่าวจากหลานนะ”
ฉินมู่หลานพูดคุยกับนายท่านเหยาอีกไม่กี่คำก็เตรียมตัวกลับ แต่เมื่อหลี่เสวี่ยเยี่ยนเห็นว่าฉินมู่หลานคุยกับนายท่านเหยาเสร็จแล้ว จึงได้โอกาสเข้ามาพูดคุยกับฉินมู่หลานในทันที
“มู่หลาน ฉัน…ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานจึงรีบกล่าว “พี่สะใภ้ พี่มีเรื่องอะไรก็บอกฉันได้ค่ะ”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนได้ยินแบบนี้ก็ไม่มีความลังเล ก่อนจะเอ่ยบอกอย่างตรงไปตรงมา “มู่หลาน ฉันได้ยินมาว่าที่โรงงานเครื่องสำอางยังขาดคนอยู่ เธอคิดยังไงถ้าเกิดว่าให้ฉันไปทำ?”
ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้จึงอดหันมองหลี่เสวี่ยเยี่ยนเสียไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยถาม “พี่สะใภ้ งานในโรงงานอาหารไม่ค่อยดีเหรอคะ?”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็ไม่ได้ปิดบัง ก่อนจะพูดบอกตามตรง “เป็นเพราะฉันได้เส้นสายจากคุณตา ต่อหน้าทุกคนจึงดีกับฉันมาก แต่พอลับหลังก็นินนทากันเพราะรู้ว่าฉันมาจากชนบท บางคนก็ดูถูกฉัน ฉันก็เลยไม่ค่อยมีความสุขที่จะทำงานในโรงงานอาหารนั่นต่อแล้ว แล้วต่อมาฉันก็ได้ยินว่าที่โรงงานของพวกเธอยังขาดคนอยู่ ฉันก็เลยมีความคิดนี้”
แต่หลังจากพูดจบ หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็รีบบอกกล่าวทันที “มู่หลาน ฉันแค่ลองถามเฉย ๆ นะ ถ้าเธอคิดว่าฉันไม่เหมาะ ฉันก็จะไม่พูดเซ้าซี้อีก”
ฉินมู่หลานยิ้มแล้วบอกกล่าว “พี่สะใภ้คะ พี่ถ่อมตัวเกินไปแล้ว ฉันรู้สึกว่าพี่ดีมากเลย ถ้าพี่อยากจะไปทำงานที่โรงงานเครื่องสำอางจริงก็ไปได้เลยค่ะ แต่ถ้าให้ดีพี่ควรจะบอกเรื่องนี้กับคุณตาก่อนนะคะ ถึงยังไงตอนแรกเริ่มท่านก็เป็นคนช่วยหางานให้”
“อื้ม เดี๋ยวฉันจะไปคุยกับคุณตา”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานตกลงแล้ว หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็ได้แต่รู้สึกดีใจ เมื่อฉินมู่หลานกลับไปแล้ว หล่อนจึงรีบนำเรื่องนี้ไปบอกนายท่านเหยา
นายท่านเหยาก็ไม่ได้คัดค้าน ก่อนจะเอ่ยบอกตามตรง “ในเมื่อเธอตกลงกับมู่หลานแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ไปทำงานที่โรงงานเครื่องสำอางได้เลย แล้วก็ยื่นเรื่องลาออกจากโรงงานอาหารให้เรียบร้อย”
เมื่อเห็นคุณตาไม่ได้พูดอะไรมาก หลี่เสวี่ยเยี่ยนจึงรู้สึกเขินอายนิดหน่อย
“คุณตาคะ ลำบากคุณตาแล้วล่ะค่ะ”
นายท่านเหยาได้ยินสิ่งนี้ก็ยกยิ้มพลางส่ายหัว ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไม่ลำบากหรอก กลับกันตาสิต้องอายที่หางานมาให้เธอแต่กลับทำให้เธอโดนรังแก”
“ไม่ค่ะๆ ไม่ได้โดนแกล้งอะไรหรอกค่ะ ก็แค่มีคนคอยนินทาเท่านั้น”
“อืม เรื่องนี้ตาเข้าใจแล้ว เธอไปจัดการให้เรียบร้อยได้เลย”
“ค่ะคุณตา ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
เฝ้ามองร่างของหลี่เสวี่ยเยี่ยนที่กำลังเดินจากไป นายท่านเหยาก็อดยิ้มไม่ได้ หลานสะใภ้คนโตคนนี้ถึงแม้จะไม่ค่อยฉลาด อีกทั้งยังไม่ค่อยละเอียดรอบคอบสักเท่าใด บางครั้งก็มีความคิดเอาตัวเองเป็นหลัก แต่ก็เป็นคนซื่อสัตย์ เอาใจใส่ครอบครัวมาก นอกจากนี้ยังกตัญญูต่อพวกเขาสองคนด้วย ตอนนี้พวกเขาก็อาศัยอยู่ที่บ้านกับหลานชายคนโตและครอบครัวของเขา จึงค่อย ๆ คุ้นชินกับการอยู่กับครอบครัวของหลานชายคนโตแล้ว
เมื่อนึกไปถึงว่าหลานสะใภ้คนโตกำลังจะลาออก แววตาของเขาก็ทอประกาย อยากจะทราบเรื่องที่เกิดขึ้นกับโรงงานอาหารที่หลี่เสวี่ยเยี่ยนทำอยู่ หากมีคนจงใจกลั่นแกล้งจริง เขาก็จะรายงานทันที คนจากตระกูลเหยาจะต้องไม่โดนข่มเหงรังแกได้ง่าย ๆ
อีกด้านหนึ่ง หลังจากฉินมู่หลานกลับถึงบ้าน ก็อยากจะเล่าเรื่องตระกูลเซี่ยให้แม่ฟัง คิดไม่ถึงว่าเพียงแวบเดียวจะได้เจอเหวินเฉียน
เพิ่งพูดถึงก็มาพอดีเลย
“เหวินเฉียน เธอกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
เหวินเฉียนได้เจอฉินมู่หลานก็ดีใจมากเช่นกัน “พี่สะใภ้ ฉันเพิ่งกลับมาค่ะ ได้เจอพี่สะใภ้แล้วดีจังเลย ฉันมีเรื่องจะบอกเยอะมากเลยค่ะ”
เมื่อนึกไปถึงเรื่องที่ตัวเองสืบเจอ เหวินเฉียนก็อยากจะพูดออกมาทันที
ฉินมู่หล่านได้ยินแบบนี้ จึงรีบพูด “เหวินเฉียน ไปทางนั้นกับฉันหน่อย”
“ค่ะ”
ทั้งสองเดินตรงห้องโถงหลักของฉินมู่หลาน หลังจากนั่งลง เหวินเฉียนก็เล่าถึงการเดินทางไปมณฑลซานตงในครั้งนี้
“พี่สะใภ้คะ ฉันรู้สึกว่าเติ้งซูหลานกับเซี่ยอวี่หรงจะทราบตัวตนของคุณแล้วค่ะ”
ครั้งนี้หล่อนไปที่มณฑลซานตงตามที่ฉินมู่หลานไหว้วาน แน่นอนว่าก็ต้องเล่าเรื่องภายในให้เธอได้ทราบด้วย ดังนั้นหล่อนจึงทราบแล้วว่าฉินมู่หลานเป็นลูกสาวของเซี่ยฉางชิงกับซูหว่านอวี๋ ตอนที่เพิ่งรู้ครั้งแรก เหวินเฉียนรู้สึกไม่ค่อยอยากเชื่อนิดหน่อย แต่หลังจากนั้นก็ตั้งใจทำงานอยน่างหนัก ตามสืบข่าวอย่างรอบคอบ จนตอนนี้ก็ได้ค้นพบแล้ว
อันที่จริงฉินมู่หลานคาดเดาเอาไว้แล้ว แต่เมื่อได้ยินเหวินเฉียนพูดแบบนี้ ก็ยังอดส่ายหัวไม่ได้ ไม่อาจปกปิดอาการได้เลย
“เธอบอกหน่อย ว่าเธอเจออะไรมาบ้าง?”
“เพราะฉันไปได้ทันเวลาพอดีค่ะ เพราะฉะนั้นเบาะแสในแถบซานตงจึงยังไม่หายไป ฉันจึงทราบได้อย่างรวดเร็วว่าเมื่อไม่นานมานี้มีคนไปที่มณฑลซานตง แล้วสอบถามเรื่องการคลอดลูกของสองพี่น้องซูหว่านอวี๋กับซูหว่านอี๋ และยังมีคนไปขอพบหมอทำคลอดลูกของซูหว่านอี๋ด้วยค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ แววตาของฉินมู่หลานก็เป็นประกาย
และเหวินเฉียนก็เล่าต่อ “พอตามหาที่อยู่ของหมอทำคลอดคนนั้นได้แล้ว ฉันก็ตามไปหาเหมือนกัน เรื่องนี้ต้องใช้ความพยายามนิดหน่อยถึงทำให้หล่อนยอมบอกความจริง ปรากฏว่าก่อนหน้านี้มีคนมาหาหล่อนแล้วถามเรื่องตอนทำคลอดของซูหว่านอี๋ แล้วคน ๆ นั้นก็ได้ทราบจากปากหมอด้วย ว่าลูกของซูหว่านอี๋เสียชีวิตไปตั้งแต่หลังคลอดแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ได้เข้าใจ ในเมื่อลูกสาวของซูหว่านอี๋เสียไปตั้งแต่ในปีนั้นแล้ว แล้วตัวเธอก็ยังมีส่วนคล้ายกับซูหว่านอี๋ด้วย เช่นนั้นจะเป็นลูกใครไปได้เล่า
“ดูเหมือนว่าเติ้งซูหลานกับเซี่ยอวี่หรงจะรู้ตัวตนของฉันแล้วตามคาด”
เหวินเฉียนพยักหน้า แล้วพูดขึ้น “ใช่ค่ะ เพราะฉะนั้นพี่สะใภ้จะทำยังไงต่อไปคะ”
ฉินมู่หลานยกยิ้มพลางบอกกล่าว “อันที่จริงมันง่ายมาก ยิ่งพวกเขาไม่อยากเห็นอะไร ฉันก็จะยิ่งทำให้พวกเขาได้เห็นมากขึ้นเท่านั้น”
ในตอนนั้นเอง ซูหว่านอี๋ก็กลับมาแล้ว เมื่อได้ยินว่าเหวินเฉียนกลับมา ใจจึงอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรื่องทางฝั่งมณฑลซานตงมาก จึงรีบเดินมาหาทันที
ฉินมู่หลานเห็นซูหว่านอี๋เดินมา จึงเล่าเรื่องที่ตัวตนของตัวเองถูกล่วงรู้แล้วให้ฟัง ขณะเดียวกันก็ได้เล่าเรื่องของเริ่นม่านลี่ด้วย
“นี่…เติ้งซูหลานกับเซี่ยอวี่หรงโหดร้ายขนาดนี้เลยเหรอ ถึงกับต้องฆ่าคนเพื่อปิดปาก”
ฉินมู่หลานหันมองซูหว่านอี๋แล้วบอกกล่าว “ที่ผ่านมาเติ้งซูหลานก็โหดเหี้ยมมาตลอดค่ะ หล่อนยังฆ่าแม่แท้ ๆ ของหนูด้วย”
“อะไรนะ…”
ซูหว่านอี๋พลันเนื้อตัวสั่นเทาไปหมด “มู่หลาน ทำไมเรื่องมันถึงกลายเป็นแบบนี้?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สองแม่ลูกนั่นเตรียมตัวโดนล้างแค้นได้เลย มู่หลานเตรียมวางแผนตลบหลังแล้ว
ไหหม่า(海馬)