ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 35 วิธีการของเซี่ยเจ๋อหลี่
ตอนที่ 35 วิธีการของเซี่ยเจ๋อหลี่
ตอนที่ 35 วิธีการของเซี่ยเจ๋อหลี่
เซี่ยเจ๋อน่าได้ยินคำพูดแม่ของตน จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ที่บอกว่าที่นั่นค่อนข้างดี อย่าคิดว่าหนูไม่รู้นะ พวกแม่นัดดูตัวหนูให้กับครอบครัวในหมู่บ้านถัดไปล่ะสิ ถ้าอยากหาคนดี ๆ ให้หนูจริง ทำไมไม่ไปหาคนในเมืองล่ะ”
“เหอะ…อะไรทำให้เธอคิดว่าคนในเมืองจะถูกใจเธอเหรอ ความเห็นแก่ตัวกับจิตใจส่อเจตนาชั่วของเธอเนี่ยนะ อีกอย่างสารรูปเธอก็ไม่ได้ดูดีด้วย ต่อให้พยายามจะแต่งสวยเท่าคนอื่นก็ไม่มีทางทำได้หรอก”
ฉินมู่หลานเปลี่ยนจากท่าทางนิ่งเงียบสุขุมเป็นเอ่ยตอกเซี่ยเจ๋อน่าอย่างเจ็บแสบ แม้เธอจะแอบปิดผนึกจุดฝังเข็มของเซี่ยเจ๋อน่าเป็นการสั่งสอนหล่อนไปแล้ว แต่ก็คร้านจะเก็บสีหน้าท่าทางไว้ได้อีก เพราะตอนนี้ทุกคนต่างเข้าข้างเธอกันหมดแล้ว
“แก…”
เซี่ยเจ๋อน่าพลันเดือดดาลขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน
สิ่งที่หล่อนใส่ใจมากที่สุดคือรูปร่างหน้าตาของตัวเอง พี่ใหญ่กับพี่รองล้วนได้ลักษณะดีของแม่ จึงตัวสูงและดูหล่อเหลา โดยเฉพาะพี่รองที่ได้รับสิ่งดีๆ จากแม่มากที่สุด เขาจึงดูดีที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งสามคน แต่หล่อนกลับเหมือนพ่อ จึงมีใบหน้าแสนธรรมดาไม่ได้งดงามเลย
ตอนนี้หลี่เสวี่ยเยี่ยนรู้สึกเกลียดน้องสามีคนนี้เต็มทน ในใจหวังอยากให้หล่อนแต่งงานออกเรือนไปโดยเร็ว จึงหันไปทางเหยาจิ้งจือแล้วเอ่ยขึ้นว่า “แม่คะ พรุ่งนี้น้องต้องดูตัว ถ้าอย่างนั้นพวกเราต้องเตรียมอะไรบ้างคะ”
เหยาจิ้งจือได้ยินดังนั้นก็ส่ายศีรษะ แล้วเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องหรอก ฉันเตรียมเอาไว้นานแล้ว พรุ่งนี้คนจากทางบ้านฝั่งเจ้าบ่าวจะมา ถ้าพูดคุยกันแล้วผ่านไปด้วยดีก็กำหนดวันแต่งได้เลย”
เมื่อเห็นแม่สามีเอ่ยเช่นนั้น หลี่เสวี่ยเยี่ยนจึงไม่เอ่ยสิ่งใดต่อ
ต่อให้เซี่ยเจ๋อน่าจะคัดค้านอีกครั้งก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้ไม่มีใครรับฟังหล่อนแล้ว เมื่อคิดว่าอีกไม่นานจะต้องแต่งงานออกไปจากครอบครัว หล่อนจึงอยากระบายเรื่องน่าเศร้าให้ใครสักคนฟัง แต่เมื่อกำลังจะก้าวออกจากประตู ก็พบว่าหล่อนไม่อาจก้าวผ่านพ้นประตูไปได้
“แม่ แม่ทำอะไรเนี่ย จะขังหนูเอาไว้ในบ้านอย่างนั้นเหรอ”
เหยาจิ้งจือมองดูท่าทางโกรธเกรี้ยวของลูกสาว จึงได้แต่เอ่ยพร้อมถอนหายใจ “ในสองวันนี้อยู่บ้านไปก่อนจะดีกว่า อย่าออกไปข้างนอกเลย”
“แม่ พวกแม่อยากจะขังหนูเอาไว้ที่บ้านจริง ๆ พวกแม่ทำเกินไปแล้วนะ”
เห็นว่าลูกสาวทำตัวเหมือนคนอื่นผิดและตัวเองถูกอยู่คนเดียว ตอนนี้แม้แต่เหยาจิ้งจือก็มีท่าทางเย็นชามาก “ทำตามที่บอกเถอะ ยังไงช่วงนี้ก็อย่าออกไปข้างนอก ไม่อย่างนั้นพ่อแกกับฉันจะส่งแกไปให้คุณปู่คุณย่าเอง”
เมื่อเอ่ยจบ ก็ให้ลูกชายคนรองพาลูกสาวกลับเข้าห้องทันที
เซี่ยเจ๋อหลี่เรียกกระตุ้นเซี่ยเจ๋อน่าอีกครั้ง ก่อนส่งหล่อนกลับเข้าห้องด้วยวิธีเดียวกับที่ลากหล่อนออกมาเมื่อสักครู่ หลังจากนั้นเขาก็กลับมาที่ห้องของตนเอง
ฉินมู่หลานนั่งรออยู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมา จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น “ขอบคุณนะคะที่วันนี้คุณรีบกลับมา”
จากนั้นเธอก็ได้อธิบายความคิดของตัวเองเพิ่มเติมด้วย “ถึงแม้ก่อนหน้านี้ฉันจะรีบเร่งแต่งงานกับคุณ ถึงยังไงตอนนี้ฉันก็เป็นภรรยาของคุณแล้ว แต่น้องสาวของคุณกลับร่วมมือกับคนนอกมาทำร้ายฉัน ดังนั้นฉันจึงไม่อยากปรานีหล่อนอีกแล้วค่ะ”
ได้ฟังเช่นนั้น เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ค่อย ๆ ก้าวเดินไปหาฉินมู่หลานแล้วนั่งลงข้าง ๆ
“ขอโทษนะ เป็นผมที่ควรขอโทษคุณมากกว่า”
สีหน้าของเซี่ยเจ๋อหลี่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “อันที่จริงคุณถือว่าปรานีกับเซี่ยเจ๋อน่าแล้วนะ ไม่อย่างนั้นวันนี้หล่อนคงไม่ได้นอนอยู่ในห้องอย่างปลอดภัย”
“ใช่ เป็นเพราะเห็นแก่คุณหรอกนะ ฉันเลยไม่ลงมือกับหล่อนแบบโหด ๆ”
“ขอบคุณนะ”
เซี่ยเจ๋อหลี่สวมกอดฉินมู่หลานอย่างนุ่มนวล สีหน้าแววตาดูอ่อนโยนลง
ฉินมู่หลานถูกเซี่ยเจ๋อหลี่สวมกอดโดยไม่ทันตั้งตัว แววตระหนกจึงพลันฉายในดวงตา ไม่รู้ว่าควรจะถอยออกดีไหมหรือจะให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ทำไมอยู่ ๆ เซี่ยเจ๋อหลี่ถึงสวมกอดเธอล่ะ เธอไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย
ก่อนที่ฉินมู่หลานจะทันเข้าใจเหตุผลนั้น เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ปล่อยเธอออกแล้ว
“คุณวางใจเถอะ พวกเย่เสี่ยวเหอจะไม่มารบกวนคุณอีกอย่างแน่นอน ก่อนที่ผมจะไป ผมจะจัดการพวกเขาให้อยู่หมัด มันเป็นความผิดของผมด้วยเหมือนกัน ครั้งที่แล้วดูเหมือนจะปรานีพวกเขาเกินไป”
เดิมทีเขาคิดว่าจะรอให้เย่เสี่ยวเหอแต่งงานแล้วออกจากหมู่บ้านชิงซานไป แต่นึกไม่ถึงว่าระหว่างที่รอนั้นหล่อนกับเซี่ยเจ๋อน่าจะวางแผนหวังทำร้ายฉินมู่หลาน โชคยังดีที่ครั้งนี้ไม่มีเรื่องร้ายอะไร แต่ครั้งต่อไปเล่า?
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานก็อดอยากรู้อยากเห็นด้วยไม่ได้
“คุณวางแผนจะจัดการยังไงเหรอ?”
เมื่อเห็นว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่เพียงแต่เห็นด้วยกับวิธีของตนเท่านั้น แต่ยังคอยรับมือกับผลที่จะตามมาทีหลังด้วย เธอจึงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ทั้งสองต่างมีความคิดและโลกทัศน์ในแบบเดียวกัน จึงพูดคุยกันได้อย่างถูกปากถูกคอ
“เฝิงจื้อหมิงได้งานในเหมือง พรุ่งนี้จะพาเย่เสี่ยวเหออกจากหมู่บ้านชิงซาน”
“อะไรนะ…งานในเหมือง? เขาได้มันมายังไง? ”
หลังจากเอ่ยจบ ฉินมู่หลานก็มีปฎิกิริยาตอบสนอง “เป็นฝีมือคุณเหรอ? แต่ว่า…งานในเหมืองจัดว่าค่อนข้างดีเลยนะ เฝิงจื้อหมิงจะได้มันง่ายเกินไปหรือเปล่า”
เธอทราบว่าการไปทำงานในเหมืองเป็นสิ่งที่หลายคนในชนบทต่างแก่งแย่งกัน แต่สุดท้ายเฝิงจื้อหมิงกลับได้งานนี้ไปอย่างง่ายดาย จึงเกรงว่าจะเปล่าประโยชน์
เซี่ยเจ๋อหลี่ยกยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “ไม่ง่ายสำหรับเขาหรอก เหมืองนั้นอยู่ในมณฑลซานซี งานค่อนข้างหนัก หากเป็นไปได้ หลายคนก็เลี่ยงที่จะไปกัน”
นอกจากนี้ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เขาไม่ได้บอก ก็คือในเหมืองส่วนใหญ่จะเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง หากโชคร้ายก็อาจโดนฝังอยู่ในนั้นตลอดไป ดังนั้นช่วงนี้ผู้จัดการเหมืองจึงกังวลเรื่องการรับสมัครคนงาน เขาจึงเสนอคนไปที่นั่นได้ นอกจากนี้ยังได้ผลตอบแทนเล็กน้อยอีกด้วย
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น ฉินมู่หลานก็พยักหน้า
หากกระทั่งเซี่ยเจ๋อหลี่ยังเอ่ยว่างานหนัก เช่นนั้นงานที่นั่นก็คงเหนื่อยมากจริง ๆ ชนิดที่บั่นทอนชีวิตของใครคนหนึ่งได้เลย ยิ่งกว่านั้นมณฑลซานซียังอยู่ห่างจากหมู่บ้านชิงซานหลายพันกิโลเมตร แน่นอนว่าห่างไกลพอมควร และเหมืองที่ตั้งอยู่แถบมณฑลซานซีก็เป็นเหมืองถ่านหิน หากเฝิงจื้อหมิงโชคร้ายประสบอุบัติเหตุขณะขุดถ่านหินแล้วล่ะก็ คงไม่มีใครทราบเป็นแน่
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฉินมู่หลานก็รู้สึกว่าวิธีการของเซี่ยเจ๋อหลี่นั้นช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน
“ขอบคุณนะคะ หลังจากนี้ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครคิดทำร้ายฉันแล้ว”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานยิ้มจนตาหยีเป็นจันทร์เสี้ยว เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ผงะไปนิดหน่อย เขาพบว่าดวงตาของฉินมู่หลานสดใสเป็นพิเศษ ยามเมื่อเธอหัวเราะ ก็ดูราวกับว่านัยน์ตาคู่นั้นกำลังส่องแสงเป็นประกาย “ไม่…ไม่ต้องขอบคุณหรอก พวกเราเป็นสามีภรรยากัน แน่นอนว่าต้องร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่อยู่แล้ว”
เซี่ยเจ๋อน่าในอีกด้านหนึ่งยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกโกรธที่ตอนนี้ไม่มีใครสนใจหล่อนเลย หล่อนจึงแอบปีนออกจากหน้าต่างห้องแล้วแอบย่องออกจากบ้านไปพบเย่เสี่ยวเหอ
วันนี้ที่บ้านตระกูลเย่ค่อนข้างคึกครื้นเป็นพิเศษ
ตั้งแต่เมื่อตอนเช้าที่เย่เสี่ยวเหอถูกพบว่าหลับนอนอยู่กับเฝิงจื้อหมิงในทุ่งข้าวโพด ครอบครัวนี้ก็ไม่ได้อยู่อย่างสงบ ประเด็นแรกคือตระกูลที่เคยหมั้นหมายกับเย่เสี่ยวเหอได้ขอถอนหมั้นอย่างเด็ดขาดและมาทวงของหมั้นคืน หลังจากนั้นแม่ของเฝิงจื้อหมิงก็เข้ามาก่อกวนถึงบ้านตระกูลเย่
“วันนี้เย่เสี่ยวเหอจะต้องไปจดทะเบียนสมรสกับจื้อหมิงของพวกเรา พวกเขาทั้งสองมาถึงขั้นนี้แล้ว ตระกูลของพวกคุณยังมีอะไรให้ต้องเสียอีกเล่า”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านได้ยินดังนั้น สีหน้าจึงเต็มไปด้วยความโกรธ
“ตระกูลเฝิงมาที่นี่เพราะจะสู่ขอใช่ไหม” หล่อนกำลังเสียใจที่ครอบครัวที่เคยหมั้นหมายเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้หลุดมือไปแล้ว เป็นผลให้แม่ของเฝิงจื้อหมิงมาที่นี่ น้ำเสียงการพูดจาของหล่อนจึงไม่ค่อยรื่นหูนัก
“เหอะ…สู่ขออะไรกัน ฉันแค่มาที่นี่เพื่อแจ้งให้พวกคุณทราบเท่านั้นแหละ เย่เสี่ยวเหอมีอะไรกับลูกชายของฉันแบบนั้น นอกจากเฝิงจื้อหมิงแล้ว ลูกสาวคุณยังแต่งงานกับชายอื่นได้อีกอย่างนั้นหรือ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ภรรยาของผู้ใหญ่บ้านจึงอึกอักขึ้นทันที
ลูกสาวกับเฝิงจื้อหมิงต่างโดนจับได้คาหนังคาเขากลางที่สาธารณะ หลายคนในหมู่บ้านก็เป็นพยาน ต่อให้พวกเขาต้องการปฏิเสธก็ไม่อาจทำได้ หล่อนทราบดีว่าในชีวิตนี้ลูกสาวของตนต้องแต่งกับเฝิงจื้อหมิงเท่านั้น แต่ทัศนคติของตระกูลเฝิง ทำให้หล่อนไม่ค่อยพอใจสักเท่าใด
สุดท้าย เย่ต้าหย่งซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านก็เอ่ยขึ้น “ไปลากหล่อนมา วันนี้จะพาไปจดทะเบียนเลย”
“พ่อ แล้ว…แล้วคุณจะไปเป็นพยานด้วยไหม”
เย่ต้าหย่งเอ่ยพร้อมใบหน้ามืดมน “ทำไมจะไม่ล่ะ”
เมื่อภรรยาผู้ใหญ่บ้านเห็นดังนั้น จึงไม่เอ่ยสิ่งใดอีก
เย่เสี่ยวเหอไม่ได้เต็มใจอยู่แล้ว หล่อนรู้เพียงว่าฉินมู่หลานต้องรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นภายในวันนี้ แต่น่าเสียดายที่ไม่อาจเอ่ยออกไปได้เต็มปาก เพราะสุดท้ายแล้วหล่อนเองก็เป็นคนริเริ่มใส่ร้ายคนอื่นก่อน จึงมาลงเอยกับการต้องแต่งงานกับเฝิงจื้อหมิง ซึ่งหล่อนไม่ได้ต้องการ
แต่ในครั้งนี้ลูกสาวทำให้เสียหน้าไปหมด ผู้ใหญ่บ้านเย่ต้าหย่งจึงได้ยืนกรานอย่างเด็ดขาด เขาถึงกับพาตัวลูกสาวของตนมาจดทะเบียนกับเฝิงจื้อหมิง
เย่เสี่ยวเหอก้มมองทะเบียนสมรสที่อยู่ในมือ แววตาเป็นประกายวาวโรจน์ หล่อนโดนบังคับให้แต่งงาน มิหนำซ้ำยังต้องแต่งกับเฝิงจื้อหมิงคนที่หล่อนเคยดูถูกมาตลอด ชายหนุ่มในเมืองที่เคยจะแต่งด้วยยังดูดีมากกว่านี้เสียอีกเมื่อเทียบกับเฝิงจื้อหมิง เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน
และเซี่ยเจ๋อน่าก็มาหาในตอนที่เย่เสี่ยวเหอกำลังโกรธ
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
วิธีของพี่หลี่โหดอยู่เด้อ ส่งไปเหมือนถ่านหินไกลๆ เป็นตายร้ายดีอะไรขึ้นมาก็ไม่มีใครทางนี้รับรู้
มาได้จังหวะพอดีเลยยัยเจ๋อน่า พาตัวเองมาซวยซ้ำๆ ได้ต้องเรียกว่าอะไรนะ