ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 353 สองตัวเลือกช่างคลุมเครือ(1)
ตอนที่ 353 สองตัวเลือกช่างคลุมเครือ(1)
ตอนที่ 353 สองตัวเลือกช่างคลุมเครือ(1)
เซี่ยอวี่หรงได้ยินคำพูดของฮั่วหย่าซงก็เอ่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม “ได้อยู่แล้ว”
“ฉินมู๋หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ยจะพักอยู่ที่หอพักในช่วงกลางวันเท่านั้น ตอนเย็นไม่ได้นอนค้าง ฉันได้ยินว่าครอบครัวของฉินมู่หลานอยู่เมืองหลวงกันหมดเลย อาจจะกลับบ้านช่วงหลังเลิอกเรียน”
“ที่แท้นักศึกษาฉินก็เป็นคนปักกิ่งนี่เอง”
เซี่ยอวี่หรงได้ยินแบบนี้ก็บอกปฏิเสธอย่างไม่รู้ตัว “ฉินมู่หลานไม่ใช่คนปักกิ่งหรอก บ้านเก่าของหล่อนอยู่ที่มณฑลซานตง แค่ตอนนี้มาย้ายมาอยู่ที่ปักกิ่ง”
“ในเมื่อตอนนี้นักศึกษาฉินมาอยู่ที่ปักกิ่ง ก็หมายความว่าต่อไปก็จะยังอยู่ที่ปักกิ่งต่อ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยอวี่หรงก็เอ่ยรับไม่มีคำโต้แย้งใด ยกยิ้มแล้วพยักหน้า ก่อนจะพูดขึ้น “น่าจะเป็นแบบนั้น”
“จริงสิ เธออยู่หอพักข้างฉินมู่หลาน แล้วเธอรู้ไหมว่าหล่อนมีคู่ครองแล้วหรือยัง?”
เซี่ยวี่หรงคิดแล้วคิดอีก หลังจากนั้นจึงบอกว่า “ฉันค่อนข้างสนิทกับเฉินเซี่ยวอวิ๋นที่อยู่ห้องพักเดียวกันกับนักศึกษาฉินมู่หลาน ไม่เคยได้ยินหล่อนบอกว่าฉินมู่หลานมีคู่ครองนะ”
ฮั่วหย่าซงได้ยินแบบนี้ สีหน้าก็ดูมีความสุข “ถ้าเป็นอย่างนั้น นักศึกษาฉินมู่หลานก็ยังไม่มีคู่ครองสินะ”
เซี่ยอวี่หรงได้ยินแบบนี้ก็กระตุกยิ้มมุมปาก แต่ก็ยังไม่ได้ตอบตกลง กลับเอ่ยอย่างคลุมเครือ “มีหรือไม่มีฉันไม่แน่ใจหรอก แค่ไม่เคยเห็นใครพูดถึง”
“นักศึกษาเซี่ย ขอบคุณมากนะ”
เสี่ยอวี่หรงรีบส่ายหัวทันที “ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก ฉันไม่ได้ช่วยอะไรมากขนาดนั้น” หลังจากพูดจบก็เดินจากไปทันทีแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก ฮั่วหย่าซงจะตัดสินใจคิดอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องของหล่อน
หลังจากเซี่ยอวี่หรงไปแล้ว จางเสวียหล่างนักศึกษาชายที่ยืนอยู่ข้างหลังฮั่วหย่าซง อดพูดไม่ได้ “หย่าซง นี่เพื่อนร่วมคณะของนายเหรอ หล่อนก็สวยเหมือนกันนะเนี่ย”
“เซี่ยอวี่หรงก็ดูดีนั่นแหละ แต่ฉันรู้สึกว่านักศึกษาฉินสวยสุดเลย”
จางเสวียหล่างได้ยินแบบนี้จึงเลือบมองฮั่วหย่าซงก่อนจะเอ่ย “ในสายตาของนายรู้สึกว่าฉินมู่หลานสวยก็ตอนที่นายเห็นหล่อนครั้งแรกจากที่ไกล ๆ แล้วเอาแต่บอกว่าหล่อนสวย แต่ตอนนั้นนายยังเห็นหน้าหล่อนไม่ชัดด้วยซ้ำไม่ใช่เหรอ ฉันรู้สึกว่าฉินมู่หลานเข้าหายากมาก แล้วก็ไม่ค่อยเข้าร่วมกิจกรรมของมหาวิทยาลัยด้วย นายจึงไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักเลย”
ฮั่วหย่าซงคิดแล้วคิดอีก ก่อนจะบอกกล่าว “รอต่อไปเถอะ ฉันจะรวบรวมความกล้าเข้าไปทำความรู้จักกับนักศึกษาฉิน”
ฉินมู่หลานไม่รู้เรื่องนี้เลย ตอนนี้เธอกำลังพาเซี่ยปิงหรุ่ยกลับบ้าน
วันนี้เซี่ยปิงชิงไม่ได้ออกไปข้างนอก เมื่อเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยพี่สาวตัวเองมาพร้อมกับฉินมู่หลาน จึงอดถามไม่ได้ “พี่มาทำไม?”
เมื่อเห็นน้องสาวมีท่าทางแบบนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยจึงรู้สึกว่าความเป็นห่วงของตัวเองช่างสูญเปล่า “เธอยังมาได้ แล้วทำไมฉันจะมาไม่ได้ มู๋หลานเป็นเพื่อนนักศึกษาของฉัน ก็ปกตินี่ที่จะมาบ้านเพื่อน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงชิงก็ปรายตามองเซี่ยปิงหรุ่ย ก่อนจะพูดขึ้น “นั่นก็เรื่องของพี่”
“เธอ…”
เซี่ยปิงหรุ่ยโกรธมาก สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ก่อนจะถามขึ้น “เธอจะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกหลายวันเลยเหรอ เธอทำแบบนี้เป็นการรบกวนคนอื่นนะ”
“มู่หลานกับพ่อบุญธรรมของเธอไม่ได้พูดอะไรเลย พี่ไม่ต้องกังวลหรอก”
“เหอะ…เธอจะอยู่ก็อยู่ ฉันอยู่คนเดียวสบายใจกว่าเยอะ”
เมื่อเห็นทั้งสองเริ่มทะเลาะหลังจากเจอหน้ากันอีกครั้ง ฉินมู่หลานจึงอดหัวเราะไม่ได้ “พอแล้วปิงหรุ่ย เธอมาที่นี่เพราะจะมาดูปิงชิงไม่ใช่เหรอ ทำไมมาแล้วถึงจะพูดทะเลาะกันอีกล่ะ ใกล้จะถึงเวลากินข้าวเย็นแล้ว พวกเราไปที่ห้องอาหารกันเถอะ”
ขณะทั้งสามพูด ทุกคนในบ้านก็กลับมากันเรียบร้อยแล้ว
ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือเจอเซี่ยปิงหรุ่ย จึงยกยิ้มแล้วเชื้อเชิญให้หล่อนอยู่กินข้าวด้วย
เซี่ยปิงหรุ่ยตกลงยอมอยู่ด้วย หลังจากกินข้าวเสร็จ เธอก็ยังหันไปถามเซี่ยปิงชิงต่อ “คืนนี้เธอยังจะอยู่ที่นี่ ไม่กลับไปกับฉันใช่ไหม?”
เซี่ยปิงชิงเหลือบมองเซี่ยปิงหรุ่ยก่อนจะถามย้อน “แล้วพี่ตกลงให้ฉันสกัดพิษได้ไหมล่ะ?”
เซี่ยปิงหรุ่ยส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่ได้ พวกเราตกลงกันก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่เหรอ เธอจะทำเรื่องพวกนั้นในบ้านไม่ได้”
“ถ้าเกิดไม่ได้ ฉันก็ไม่กลับ เจี่ยงสือเหิงตกลงแล้วว่าจะให้ฉันสกัดพิษที่นี่ได้ ฉันก็จะอยู่ที่นี่” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เซี่ยปิงชิงรู้สึกพอใจในตัวเจี่ยงสือเหิงมาก ยอมรับคำขอของเธอโดยไม่เอ่ยถามอะไรสักคำ และรู้สึกอารมณ์ดีมากด้วย เธอพูดยังไงก็ได้อย่างนั้น
เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นน้องสาวเรียกชื่อพ่อบุญธรรมของฉินมู่หลานเฉย ๆ จึงอดพูดไม่ได้ “ปิงชิง ทำไมเธอไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่เลย”
ยังไม่ทันที่เซี่ยปิงชิงจะได้ตอบกลับ เจี่ยงสือเหิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร ก่อนหน้านี้ก็เรียกชื่อกันทั้งนั้น”
เมื่อเห็นเจี่ยงสือเหิงบอกแบบนั้น เซี่ยปิงหรุ่ยจึงไม่พูดอะไรอีก แล้วกลับไปทันที ความเป็นห่วงเซี่ยปิงชิงของหล่อนช่างเปล่าประโยชน์เสียจริง คิดว่าอีกฝ่ายจะไม่สบายใจที่ต้องไปอาศัยอยู่บ้านคนอื่น แต่หล่อนกลับดูมีความสุขอย่างน่าเหลือเชื่อ
หลังจากเซี่ยปิงหรุ่ยไปแล้ว ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ก็อุ้มลูกทั้งสองคนกลับเข้าไปในบ้าน ทั้งสองค่อนข้างยุ่งในช่วงกลางวัน จึงมีเวลาให้กับลูกแค่เฉพาะช่วงกลางคืนเท่านั้น หลังจากพวกเขากลับมาตอนเย็น ก็จะดูแลพวกเด็ก ๆ ด้วยตัวเอง
เซี่ยปิงชิงเตรียมจะกลับไปห้องพักที่รับรองแขกเช่นกัน เพียงแต่เมื่อเห็นเจี่ยงสือเหิงจับไหล่ตัวเอง จึงอดถามไม่ได้ “อาการบาดเจ็บที่ไหล่ของคุณลุงยังไม่ดีขึ้นเหรอ?”
เจี่ยงสือเหิงได้ยินแบบนี้ จึงเงยหน้าหันไปมอง หลังจากนั้นก็ยิ้มแล้วส่ายหัว “เปล่าหรอก ดีขึ้นแล้วล่ะ”
หลังจากได้ยินแบบนั้น เซี่ยปิงชิงก็ไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าใด ก้าวเดินตรงไปข้างหน้าทันที ก่อนจะคว้าข้อมือของเจี่ยงสือเหิงแล้วตรวจชีพจรให้เขา “จากการตรวจชีพจรแล้ว ร่างกายของคุณลุงฟื้นตัวได้ดี แต่ดูเหมือนช่วงนี้จะโหมงานหนักไปหรือเปล่าคะ ฉันรู้สึกว่าคุณลุงดูเหนื่อยนิดหน่อย ทำให้แผลเริ่มกลับมาแสดงอาการ”
“พักไปนานแล้ว ช่วงนี้มีงานเยอะมาก ก็เลยโหมงานนิดหน่อย”
เซี่ยปิงชิงปรายตามองเจี่ยงสือเหิง ก่อนจะพูดขึ้น “ต่อให้ยุ่งแค่ไหน แต่ร่างกายของตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุดนะคะ ฉันเองก็ลืมถามเลยว่าทำไมลุงถึงได้ไม่ทำอะไร แล้วปล่อยให้คนลักพาตัวจนตกลงไปในแม่น้ำได้”
เจี่ยงสือเหิง “…”
เมื่อเห็นเจี่ยงสือเหิงไม่ยอมพูด เซี่ยปิงชิงจึงกล่าวต่อ “หรือว่าลุงอายที่จะบอกว่าโดนลักพาตัวไปได้ยังไงเหรอคะ”
“ก็ไม่เชิง”
เจี่ยงสือเหิงมองแววตาเปล่งประกายของสาวน้อยที่เด่นชัดอยู่ตรงหน้า ก่อนจะอดยิ้มอย่างขมขื่นเสียไม่ได้ ก่อนจะยอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอีกครั้ง นอกเหนือจากเรื่องที่ไม่สามารถพูดได้ก็เล่าทุกสิ่งอย่างไปหมดแล้ว
หลังจากเซี่ยปิงชิงได้ฟังจนจบก็พูดขึ้น “เป็นเพราะคุณลุงอ่อนแอ แล้วทักษะการต่อสู้ก็ไม่ดีด้วยนี่เอง”
หลังจากพูดจบ เซี่ยปิงชิงก็ลุกขึ้นยืนแล้วบอกกล่าว “คุณลุงรอก่อนนะคะ ฉันไปเอาของดีบางอย่างให้ลุง”
ตอนแรกเจี่ยงสือเหิงต้องการจะขัดเซี่ยปิงชิง แต่หล่อนเดินหนีไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือก แล้วได้แต่รออย่างว่าง่าย
เซี่ยปิงชิงว่องไวมาก ไม่นานก็วิ่งกลับมาอีกครั้ง แววตาของหล่อนเปล่งประกายขณะที่มอบขวดยาใบเล็กสองขวดให้กับเจี่ยงสือเหิง ก่อนจะบอกกล่าว “นี่เอาไว้ให้ลุงใช้ป้องกันตัวค่ะ ลุงไม่ต้องกังวลนะคะ ฉันเพิ่งผลิตออกมาได้ไม่นาน ฤทธิ์ของมันยังแรงอยู่ค่ะ”
เมื่อเห็นแววตาเปล่งประกายของสาวน้อย รวมถึงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง เจี่ยงสือเหิงจึงยกยิ้มแล้วยื่นมือไปรับ “ได้ ขอบคุณเธอมากนะ”
เมื่อเห็นเจี่ยงสือเหิงยื่นมือมารับของแล้วกำลังจะเดินจากไป เซี่ยปิงชิงก็คว้าจับมือของเขาเอาไว้ทันที
“ลุงรอก่อนสิคะ ฉันยังไม่ได้บอกวิธีใช้เลยนะ”
เจี่ยงสือเหิงเห็นมือขาวเนียนของเซี่ยปิงชิงของจับเข้าตรงมือใหญ่ของตน จึงพลันตื่นตระหนก ก่อนจะรีบแอบดึงมือของตัวเองกลับ พลางยกยิ้มแล้วเอ่ย “จริงด้วย เกือบลืมไปเลย เธอบอกสิ”
เซี่ยปิงชิงไม่ได้รู้สึกอะไร เอ่ยอย่างเป็นธรรมชาติ “ขวดสีเขียวคือยาพิษ ขวดสีขาวคือยาแก้พิษ ถ้าต่อไปคุณลุงจำเป็นต้องใช้มัน ก็อย่าลืมดื่มยาแก้พิษเอาไว้ก่อนนะคะ”
เจี่ยงซือเหิงมองดูขวดกระเบื้องสีเขียวใบเล็กด้วยความสงสัยพลางเอ่ยถาม “ข้างในนี้เป็นพิษอะไรเหรอ?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คิดจะยืมมือผู้ชายคนอื่นมาทำลายชื่อเสียงของมู่หลานเหรอ ถนัดแต่เรื่องชั่วๆ นะยัยอวี่หรง
ลุงกับหลานนี่ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ
ไหหม่า(海馬)