ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 354 สองตัวเลือกช่างคลุมเครือ(2)
ตอนที่ 354 สองตัวเลือกช่างคลุมเครือ(2)
ตอนที่ 354 สองตัวเลือกช่างคลุมเครือ(2)
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ใบหน้าของเซี่ยปิงชิงก็ดูเปล่งประกาย
“นี่เป็นพิษสังหารไร้เงาที่เพิ่งพัฒนาออกมาล่าสุดค่ะ คุณลุงไม่ต้องห่วงนะคะ ถึงแม้จะใช้พิษนี้ คนส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถรู้ได้ค่ะว่าคนนั้นโดนวางยา เพราะฉะนั้นคุณลุงมั่นใจได้เลยว่าใช้มันได้”
เจี่ยงสือเหิง “…”
เขาไม่ได้กังวลใจในตัวเขาหรอก เพียงแต่เจ้าสิ่งนี้มันใช้ฆ่าคนได้ “นี่…ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้นะ”
เซี่ยปิงชิงเหลือบมองเจี่ยงสือเหิง ก่อนจะบอกกล่าว “ทำไมถึงจะใช้ไม่ได้ล่ะ ถ้าคุณลุงโดนลักพาแล้วตกลงไปในแม่น้ำเหมือนครั้งที่แล้วอีก ลุงก็จะได้ใช้มันโดยไม่มีความคับข้องใจ ถ้าครั้งก่อนคุณลุงมีพิษนี้ ตอนคนพวกนั้นลักพาตัวคุณลุง คุณลุงก็จะใช้ได้เลย คนพวกนั้นก็จะได้ตายไปอย่างเงียบ ๆ”
หลังจากพูดจบ เซี่ยปิงชิงก็ยังเอ่ยรบเร้า “รีบเอาไปเถอะค่ะ”
เมื่อเห็นสาวน้อยตรงหน้าตั้งตารออย่างคาดหวัง เจี่ยงสือเหิงจึงยอมรับไว้ ก่อนจะยิ้มพลางเอ่ยขอบคุณเซี่ยปิงชิง
เซี่ยปิงชิงยิ้มแล้วโบกมือ ก่อนจะเอ่ย “ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ ลุงเป็นพ่อบุญธรรมของมู่หลาน และมู่หลานก็เป็นคนตระกูลเซี่ยของเรา ถึงยังไงเราก็เหมือนเป็นญาติกัน ช่วยกันแค่นิดหน่อยก็ไม่เป้นไรหรอกค่ะ”
หลังจากพูดจบ หล่อนก็เดินตรงกลับห้องตัวเองไป
เมื่อเห็นแผ่นหลังของเซี่ยปิงชิงที่กำลังเดินจากไป เจี่ยงสือเหิงก็กลับห้องตัวเองเหมือนกัน
เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น หลังจากฉินมู่หลานตื่นขึ้นมา รับประทานอาหารเช้าเรียบร้อย ก็ออกไปเรียนพร้อมกับฉินเคอวั่ง เมื่อใกล้ถึงมหาวิทยาลัย ทั้งสองพี่น้องก็แยกทางกัน
ฉินมู่หลานไม่ได้เดินตรงไปที่ห้องพัก แต่ตรงไปที่ห้องเรียนเลย เพียงแต่เมื่อเธอเดินไปได้สักพักก็พบว่ามีคนกำลังเดินตามตัวเอง เมื่อหันหน้ากลับไปมองจึงพบว่าเป็นนักศึกษาหนุ่มรูปหล่อคนหนึ่ง
นักศึกษาชายคนนั้นก็คือฮั่วหย่าซง
ฮั่วหย่าซงเห็นฉินมู่หลานหันกลับมา จึงรีบก้าวตรงไปข้างหน้าแล้วเอ่ยทักทาน “สวัสดีครับ นักศึกษาฉิน”
ฉินมู่หลานมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความสงสัย เมื่อเห็นว่าตัวเองไม่รู้จัก จึงรีบเอ่ยถาม “คุณคือ?”
“ผมชื่อฮั่วหย่าซง เรียนอยู่เอกวรรณคดีจีน ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็พยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะตอบกลับ “สวัสดี”
หลังจากพูดจบก็เดินตรงไปข้างหน้าต่อ ไม่สนใจฮั่วหย่าซงเลย
เมื่อเห็นฉินมู่หลานเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง ฮั่วหย่าซงก็รู้สึกผิดหวังนิดหน่อย
ฉินมู่หลานไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ แต่สิ่งที่เธอคาดไม่ถึงก็คือ หลังจากเธอนั่งลงแล้ว เด็กผู้หญิงหลายคนในชั้นเรียนต่างเดินเข้ามาหาเธอ ก่อนจะเอ่ยถาม “มู่หลาน เมื่อกี้เธอเพิ่งคุยกับฮั่วหย่าซงนักศึกษาเอกวนชรรรคดีจีนมาใช่ไหม?”
ฉินมู่หลานไม่คิดว่าจะมีคนรู้จักนักศึกษาชายคนนั้น จึงพยักหน้าแล้วบอกกล่าวตามตรง “ใช่ เขาเข้ามาแนะนำตัวน่ะ”
“ว้าว…มู่หลาน การเรียนของฮั่วหย่าซงดีมาก เล่นบาสเก็ตบอลก็เก่ง เป็นที่ชื่นชอบในมหาวิทยาลัยมาก ไม่คิดเลยว่าวันนี้เขาจะเป็นฝ่ายเริ่มมาคุยกับเธอก่อน เขา…”
นักศึกษาสาวคนนี้ยังพูดไม่ทันจบ ก็โดนนักศึกษาสาวอีกคนลากตัวไป ทุกคนก็ต่างตระหนักได้ว่าการพูดจาแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะสมนัก จึงยกยิ้มแล้วไม่พูดอะไรอีก
ฉินมู่หลานคิดไม่ถึงว่านักศึกษาหญิงในชั้นเรียนจะเป็นคนขี้นินทา แต่ใกล้จะเข้าเรียนแล้ว อาจารย์ก็มาแล้วเหมือนกัน เธอจึงไม่พูดอะไร
จนกระทั่งเลิกเรียน เซี่ยปิงหรุ่ยก็หันมองฉินมู่หลานแล้วพูดด้วย “มู่หลาน วันนี้คุณป้าที่ทำอาหารให้ฉันไม่ว่าง ฉันไม่รู้จะไปกินข้าวเย็นที่ไหน วันนี้ขอกลับไปกับเธอด้วยนะ”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยกยิ้มแล้วพยักหน้า “ได้อยู่แล้ว”
เฉินเซี่ยวอวิ๋นเห็นฉินมู่หลานพูดคุยและพากันหัวเราะแบบนี้ ก็อดก้าวเดินมาเข้าร่วมไมได้ แล้วเอ่ยถาม “มู่หลาน เมื่อกี้ฮั่วหย่าซงอยากได้อะไรจากเธอเหรอ?”
หล่อนเห็นฉินมู่หลานกับฮั่วหย่าซงยืนอยู่ด้วยกันเช่นกัน เมื่อนึกไปถึงว่าฉินมู่หลานมีลูกแล้ว จึงไม่สามารถทนได้ ก่อนจะเข้ามาเอ่ยถาม
“ไม่มีอะไรนะ แค่เข้ามาคุยด้วยไม่กี่คำ”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็อดหันมองเฉินเซี่ยวอวิ๋นแล้วถามเสียไม่ได้ “เธอรู้จักฮั่วหย่าซงนั่นเหรอ?”
เฉินเซี่ยวอวิ๋นก็ไม่ได้ปฏิเสธ พยักหน้าตามตรงแล้วบอกกล่าว “ใช่ พวกเราเคยเรียนม.ต้นกับม.ปลายที่เดียวกันน่ะ ไม่คิดเลยว่าจะมาเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันด้วย”
เหมาชุนเถาที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินแบบนี้ จึงอดพูดไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นพวกเธอก็เหมือนฟ้าลิขิตให้มาอยู่ใกล้กันสินะ”
“ใช่แล้ว แต่ฮั่วหย่าซงเป็นที่ชื่นชอบมาตั้งแต่สมัย ม.ต้น แล้วล่ะ ฉันก็เลยได้รู้จักเขา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขารู้จักฉันหรือเปล่า”
ฉินมู่หลานไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้มากนัก เหมือนว่าวิชาเรียนกำลังจะเริ่มอีกแล้ว จึงเตือนให้เพื่อนอีกสามคนมานั่งที่ให้เรียบร้อย
เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานดูไม่ค่อยสนใจเลย คนอื่นจึงไม่พูดอะไรอีก
หลังจากเรียนมาทั้งวัน ฉินมู่หลานก็เตรียมตัวพาเซี่ยปิงหรุ่ยกลับ ไม่คิดว่าเซี่ยฉางชิงจะมารอดักเจออยู่ตรงหน้าประตูมหาวิทยาลัย
เซี่ยฉางชิงเห็นฉินมู่หลาน ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น “มู่หลาน ลูกเลิกเรียนแล้วเหรอ”
“คุณมาที่นี่ทำไมคะ?”
ฉินมู่หลานเห็นเซี่ยฉางชิงมาหา คิ้วจึงขมวดเล็กน้อย
เซี่ยฉางชิงเห็นแบบนั้นจึงรีบบอกกล่าว “มู่หลาน พ่ออยากจะมาบอกลูกว่าหาฤกษ์ดีได้แล้ว อีกไม่กี่วันจะถึงวันที่หนึ่งกรกฎาคม ถึงตอนนั้นลูกก็เชิญเพื่อนร่วมชั้นบางคนของลูกมาร่วมงานด้วยก็ได้ วันนั้นเป็นวันเสาร์พอดีเลย”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉัน…”
ยังพูดไม่ทันจบ ฉินมู่หลานก็อดหันมองเซี่ยปิงหรุ่ยเสียไม่ได้ ก่อนจะพูดว่า “เพื่อนร่วมชั้นคนนี้คงได้ค่ะ”
“ได้สิ ถึงตอนนั้นฉันจะไปแน่นอน”
เซี่ยฉางชิงยกยิ้ม รู้สึกว่าเธอไปก็ค่อนข้างมีเหตุผล ถึงแม้ว่าเธอจะมาจากครอบครัวตระกูลหลักในซีอานก็ตาม แต่ทุกคนก็ต่างใช้แซ่เซี่ย เป็นครอบครัวเดียวกัน จึงไม่ต้องเห็นเป็นคนนอก
ตอนแรกเซี่ยฉางชิงอยากจะพูดคุยกับฉินมู่หลานเพิ่มเติม แต่เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานไม่ค่อยอยากคุยนัก จึงไม่พูดอะไรอีก และเอ่ยถามขึ้น “มู่หลาน พวกลูกกำลังจะกลับเหรอ เดี๋ยวพ่อไปส่งไหม”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ พวกเรากลับกันเองได้ เดี๋ยวฉันต้องไปรับน้องชายที่มหาวิทยาลัยข้าง ๆ ด้วย”
เซี่ยฉางชิงรีบเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นไปเรียกน้องชายของลูกกลับด้วยกัน”
ในตอนนั้นเอง เซี่ยอวี่หรงก็เพิ่งออกมาเหมือนกัน เมื่อเห็นพ่อยืนอยู่ตรงหน้าประตูมหาวิทยาลัย จึงรีบเดินเข้ามา แล้วเอ่ยถาม “พ่อ มารับหนูเหรอคะ”
แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อพูดจบ หล่อนก็เห็นฉินมู่หลาน
ฉินมู่หลานเห็นเซี่ยอวี่หรงมา ก็หันไปมองเซี่ยฉางชิงด้วยรอยยิ้มพลางบอกกล่าว “พวกคุณกำลังยุ่ง ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัวก่อนนะคะ”
เธอพาเซี่ยปิงหรุ่ยไปที่มหาวิทยาลัยชิงหวาที่อยู่ข้าง ๆ หลังจากรับฉินเคอวั่งแล้วก็ตรงกลับบ้านทันที
แล้วฉินมู่หลานก็พูดเรื่องงานเลี้ยงรับรองของตระกูลเซี่ยขึ้นมา “วันเสาร์นี้ พวกเราไปด้วยกันนะ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เจอหน้ากันแล้ว บ้านตระกูลเซี่ยจะไฟลุกแล้วหรือเปล่า
ไหหม่า(海馬)