ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 366 บทลงโทษ(2)
ตอนที่ 366 บทลงโทษ(2)
ตอนที่ 366 บทลงโทษ(2)
หลังจากพูดจบ ฉินมู่หลานก็ยกยิ้มแล้วมองไปที่เซี่ยอวี่หรง ก่อนจะเอ่ยขึ้น “น้องสาวสุดที่รักของพี่ พี่ไม่อยากให้คนๆ นั้นเป็นเธอเลยนะ เพราะถึงยังไงเราก็เป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน”
“อะไรนะ…เธอบอกอาจารย์ไปแล้วเหรอ?”
เซี่ยอวี่หรงหันมองไปด้วยความตกใจ ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “ฉินมู่หลาน เธอโตขนาดนี้แล้ว ยังจะไปฟ้องอาจารย์อีกเหรอ”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็แค่นหัวเราะเย็นชา ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เซี่ยอวี่หรง ถ้าให้พูดกันตามตรง ฉันเป็นพี่สาวเธอนะ เธอกล้าเรียกชื่อฉันห้วน ๆ อย่างนั้นเหรอ นอกจากนี้ข่าวลือที่แพร่ไปทั่วมหาวิทยาลัยก็ส่งผลเสียต่อฉันมาก แน่นอนว่าฉันก็ต้องให้อาจารย์เข้ามาช่วยสืบ ถึงยังไงเรื่องแบบนี้ก็ไม่ควรจะเกิดขึ้น เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง การมีข่าวลือปลอม ๆ แบบนี้มันทำให้เพื่อนนักศึกษารู้สึกไม่ดี”
หลายคนได้ยินแบบนี้ก็ต่างรู้สึกว่าฉินมู่หลานพูดถูก เพราะหากทุกคนเป็นแบบที่พูดนี้แล้วในภายภาคหน้ามีคนปล่อยข่าวลือจนตัวเองต้องตกเป็นเป้า พวกเขาก็คงทนไม่ไหวเหมือนกัน
“เซี่ยอวี่หรง ในเมื่อเธอบอกว่าไม่ได้เป็นคนทำ แล้วทำไมถึงต้องกังวลขนาดนี้ด้วยล่ะ ไหนบอกว่าเธอไม่ได้เป็นคนปล่อยข่าวไง”
“ฉันบอกแล้วว่าไม่ใช่ฉัน ในเมื่อยื่นเรื่องให้ทางมหาวิทยาลัยตรวจสอบแล้ว ถ้าอย่างนั้นเธอก็รอผลจากทางมหาวิทยาลัยแล้วกัน”
เมื่อเห็นเซี่ยอวี่หรงพูดแบบนั้น ฉินมู่หลานก็ไม่พูดอะไรอีก ก่อนจะหันไปพูดกับเซี่ยปิงหรุ่ย “ปิงหรุ่ย พวกเราไปกันเถอะ ใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว ถ้าไปช้าเดี๋ยวจะเข้าเรียนสาย”
หลังจากฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ยกลับไป คนอื่นก็จับจ้องไปยังเซี่ยอวี่หรง
จริง ๆ แล้วพวกเขาก็ยังมีข้อสงสัยอยู่บ้างเกี่ยวกับเรื่องข่าวลือของฉินมู่หลาน ในประเด็นที่ว่าเซี่ยอวี่หรงเป็นคนปล่อยข่าวหรือเปล่า
เซี่ยอวี่หรงเห็นแบบนี้จึงหันมองทุกคน ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ฉันก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ฉัน ทำไม พวกเธอเชื่อเด็กคณะอื่น แต่ไม่ยอมเชื่อฉันที่เป็นเพื่อนคณะเดียวกันอย่างนั้นเหรอ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หลายคนก็ก้มหน้าก้มตาลง แล้วไม่พูดอะไร
แต่ท่ามกลางคนพวกนั้นก็ยังมีคนผู้หนึ่ง หญิงสาวผมเปียยาวหันมองเซี่ยอวี่หรงด้วยความกังวลใจ จนกระทั่งวิชาเรียนจบลง หล่อนก็สบโอกาสพาเซี่ยอวี่หรงไปที่สนาม
“นักศึกษาเซี่ย ไหนเธอยืนยันว่าจะไม่เป็นไรไง ตอนนี้ฉินมู่หลานไปฟ้องอาจารย์แล้ว หากทางมหาวิทยาลัยตรวจสอบแล้วเจอว่าฉันเป็นคนปล่อยข่าวลือของฉินมู่หลานกับคนอื่น ฉันต้องถูกลงโทษแน่เลย”
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางตื่นตระหนกของหญิงสาวตรงหน้า เซี่ยอวี่หรงก็บอกเสียงทุ้ม “เสี่ยวซี อย่าเพิ่งร้อนตัวไป อาจารย์ยังไม่เจออะไร แต่ถึงเจอ เธอก็แค่ยืนกรานปฏิเสธไปอย่างหนักแน่นก็พอ พวกเขาจะมามั่นใจได้ยังไงว่าเป็นเธอ เพราะฉะนั้นเธออย่าตื่นตระหนก”
“ได้…ฉันจะไม่ตื่นตระหนก…ฉันจะไม่ตื่นตระหนก…”
ตู้เสี่ยวซีสูดหายใจลึกสองครั้ง พยายามสงบสติอารมณ์ จากนั้นก็หันไปพูดกับเซี่ยอวี่หรง “แล้วฉันควรทำยังไงต่อไปดี”
“เธอไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่ทำตัวตามปกติพอ”
“ได้ ฉันเข้าใจแล้ว”
ในที่สุดสีหน้าของตู้เสี่ยวซีก็ดูดีขึ้นมานิดหน่อย
เซี่ยอวี่หรงมองตู้เสี่ยวซีด้วยสีหน้ารังเกียจ แต่ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายเห็น ก่อนจะเปิดปากพูดเบา ๆ “เอาล่ะ พวกเรากลับห้องเรียนกันเถอะ”
อีกด้านหนึ่ง หลังจากฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ยกลับมาถึงห้องเรียน การเรียนการสอนก็เริ่มขึ้นในทันที
จนกระทั่งเลิกเรียน ในที่สุดเซี่ยปิงหรุ่ยก็ได้มีเวลาพูดคุยกับฉินมู่หลานเกี่ยวกับเรื่องของเซี่ยอวี่หรง
“เซี่ยอวี่หรงคนนี้ช่างสารเลวจริง ๆ พยายามจะทำลายชื่อเสียงของเธอ หล่อนคงไม่อยากเห็นเธอได้ดี”
ฉินมู่หลานแค่นหัวเราะด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ก่อนจะบอกกล่าว “หล่อนไม่อยากเห็นฉันได้ดีอยู่แล้ว แต่ก็เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเหมือนกันนะ หล่อนไม่เพียงแค่เสียหน้า แต่ยังโดนเพื่อนร่วมชั้นรังเกียจอีกด้วย ทำให้คนอื่นได้เห็นธาตุแท้ของหล่อนเสียที”
เซี่ยปิงหรุ่ยพยักหน้าเห็นด้วยแล้วกล่าว “ใช่แล้ว นักเรียนทั้งชั้นได้เห็นธาตุแท้ของเซี่ยอวี่หรงก็วันนี้เอง แต่ตอนพูดถึงเรื่องปล่อยข่าวลือ เซี่ยอวี่หรงดูมั่นใจมากเลยนะ หรือว่าคนที่ปล่อยข่าวลือจะไม่ใช่หล่อน?”
“เรื่องนี้ยังยืนยันไม่ได้ แต่ดูจากท่าทางของหล่อนแล้ว คนที่ปล่อยข่าวลือคนแรกคงไม่ใช่หล่อนหรอก นั่นคงเป็นสาเหตุที่หล่อนมั่นใจขนาดนั้น”
เซี่ยปิงหรุ่ยพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ใช่แล้ว โชคดีนะที่ทางมหาวิทยาลัยจะช่วยตรวจสอบ รอถึงเวลาให้ทางมหาวิทยาลัยมาประกาศก็จะได้รู้กัน”
ครั้งนี้มหาวิทยาลัยก็ดำเนินการรวดเร็วมาก ผ่านไปเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ หลัวซงผิงก็เรียกฉินมู่หลานไปพบ
“นักศึกษาฉินมู่หลาน ทางมหาวิทยาลัยเจอตัวคนที่ปล่อยข่าวลือคนแรกแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็รีบเอ่ยถามทันที “อาจารย์คะ เป็นใครเหรอคะ?”
“เป็นนักศึกษาหญิงคนหนึ่งชื่อตู้เสี่ยวซี”
“ตู้เสี่ยวซี?”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ ใบหน้าของฉินมู่หลานก็เต็มไปด้วยความสงสัย เธอไม่เคยรู้จักตู้เสี่ยวซีเลย
หลัวซงผิงถอนหายใจ แล้วบอกกล่าว “ตู้เสี่ยวซีคนนี้เป็นเพื่อนร่วมห้องของนักศึกษาฮั่วหย่าซง”
“ฮั่วหย่าซง? ถ้าอย่างนั้นก็เป็นเพื่อนร่วมห้องของนักศึกษาเซี่ยอวี่หรงด้วยน่ะสิคะ”
หลัวซงผิงกำลังจะอธิบาย เมื่อได้ยินฉินมู่หลานพูดชื่อนักศึกษาอีกคนขึ้นมา จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัยนิดหน่อย “เซี่ยอวี่หรงเหรอ? เธอรู้จักนักศึกษาคนอื่นในคณะของพวกเขาเหรอ?”
ฉินมู่หลานบอกกล่าวอย่างเปิดเผย “เซี่ยอวี่หรงเป็นน้องสาวของฉันค่ะ พวกเราเป็นพี่น้องพ่อเดียวกันคนละแม่ ความสัมพันธ์ของพวกเราจึงไม่ค่อยดีนัก ตอนแรกฉันสงสัยว่าน้องสาวของฉันเป็นคนอยู่เบื้องหลัง ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินชื่อของนักศึกษาที่ฉันไม่รู้จักเลยสักนิด”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานพูดแบบนั้น หลัวซงผิงก็มองเธอด้วยสีหน้าแปลก ๆ ก่อนจะพูดขึ้น “เธอไม่ต้องเล่าเรื่องครอบครัวก็ได้นะ”
ฉินมู่หลานก็ไม่ได้พูดเรื่องนั้นอีก แต่กลับหันมองแล้วเอ่ยบอกหลัวซงผิงแทน “อาจารย์คะ เชิญพูดต่อค่ะ”
“ตู้เสี่ยวซีคนนี้ชอบฮั่วหย่าซง ดังนั้นพอเห็นฮั่วหย่าซงไปชอบเธอ ก็เลยแค้น พอรู้ว่าเธอแต่งงานมีลูกแล้ว และปฏิเสธฮั่วหย่าซงอีกครั้ง จึงยิ่งเกลียดเธอมากขึ้น ก็เลยเริ่มแพร่ข่าวไม่ดีของเธอ”
“อะไรนะ…เพราะแบบนี้เองเหรอคะ?”
หลัวซงผิงพยักหน้าแล้วกล่าวขึ้น “ใช่ เพราะแบบนี้แหละ พวกเราให้บทลงโทษกับตู้เสี่ยวซีแล้ว แล้วก็จะให้เธอไปประกาศต่อหน้าอาจารย์และนักศึกษาคนอื่นด้วย ว่าหล่อนทำผิดต่อเธอ เชื่อว่าหลังจากเหตุการณ์นี้ จะไม่มีใครกล้าปล่อยข่าวลือพวกนั้นอีกแน่นอน”
“อาจารย์คะ ตู้เสี่ยวซีเป็นคนปล่อยข่าวลือจริง ๆ เหรอคะ? ไม่ได้มีคนสั่งให้หล่อนทำแบบนั้นใช่ไหมคะ?”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานสงสัยในผลการสืบสวน หลัวซงผิงจึงคิ้วขมวดเล็กน้อย แต่ก็ยังอธิบายอย่างอดทน “เรื่องที่พบมีความเป็นมาแบบนี้”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จับตัวลูกกระจ๊อกได้แล้ว เดี๋ยวอีกหน่อยก็จะสาวมาถึงตัวต้นเรื่องแล้วล่ะ คำว่าหัวเราะทีหลังดังกว่ายังใช้ได้เสมอแหละนังอวี่หรง
ไหหม่า(海馬)