ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 367 เด็กขี้ฟ้อง(1)
ตอนที่ 367 เด็กขี้ฟ้อง(1)
ตอนที่ 367 เด็กขี้ฟ้อง(1)
หลัวซงผิงอธิบายให้ฉินมู่หลานฟังด้วความอดทน “พวกเราก็ไม่ทันคาดคิดถึงเรื่องที่ตู้เสี่ยวซีชอบฮั่วหย่าซงมาก่อน แต่หล่อนบอกว่าเป็นเพราะความอิจฉาและความขุ่นเคือง จึงเป็นสาเหตุให้หล่อนแพร่ข่าวลือ”
หลังจากพูดจบ หลัวซงผิงก็อยากจะโน้มน้าวให้ฉินมู่หลานไม่คิดมาก แม้ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับน้องสาวต่างแม่จะไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ถือเป็นครอบครัวเดียวกัน เซี่ยอวี่หรงคงไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเธอ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ได้ทราบเรื่องในครอบครัวของฉินมู่หลานอย่างถ่องแท้ เขาจึงไม่พูดอะไร หากความสัมพันธ์ของทั้งสองย่ำแย่จนถึงขั้นทะเลาะวิวาทกันจะทำอย่างไร
“นักศึกษาฉิน ผลการสอบสวนเป็นแบบนี้แหละ เดี๋ยวถึงวันจันทร์ ตู้เสี่ยวซีจะไปขอโทษเธอต่อหน้าอาจารย์และเพื่อนทุกคนในมหาวิทยาลัย หล่อนคงได้บทเรียนชุดใหญ่”
ได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็พยักหน้าพลางกล่าว “ได้ค่ะอาจารย์ ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณพวกอาจารย์ที่ทำงานหนักมาก ๆ เลยนะคะ”
เมื่อฉินมู่หลานกลับมาถึงห้องเรียน เซี่ยปิงหรุ่ยก็รีบเข้ามาคว้าตัวเธอไปถามทันที “ทำไมอาจารย์หลัวถึงเรียกเธอไปพบเหรอ?”
“เจอคนปล่อยข่าวลือคนแรกแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยจึงรีบเอ่ยถามด้วยสีหน้าแปลกใจ “จริงเหรอ ใครกันล่ะ รีบบอกฉันเร็ว”
ฉินมู่หลานเล่าเรื่องที่หลัวซงผิงบอกให้ฟัง หลังจากนั้นก็เอ่ยต่อ “เดี๋ยววันจันทร์หน้า ตู้เสี่ยวซีคนนั้นจะมาขอโทษต่อหน้าทุกคน”
“แบบนี้ก็แสดงว่าทั้งหมดเป็นเพราะฮั่วหย่าซงน่ะสิ แต่ตรวจสอบเจอก็ดีแล้ว ต่อไปจะได้ไม่คนกล้าปล่อยข่าวลืออีก” กระนั้นเซี่ยปิงหรุ่ยก็ยังแปลกใจนิดหน่อยที่เรื่องนี้ไม่ได้เป็นฝีมือของเซี่ยอวี่หรง
ฉินมู่หลานยังคงมีข้อสงสัยอยู่บ้าง
หลังจากเซี่ยปิงหรุ่ยทราบความคิดของเธอแล้ว จึงพูดขึ้นตามตรง “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันจะลองหาโอกาสไปถามตู้เสี่ยวซีดูแล้วกัน”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มตอบ “ได้สิ มันยังมีเรื่องน่าสงสัยอยู่ ถึงตอนนั้นเธอก็ลองถามให้ละเอียดทีนะ”
แต่แล้วฉินมู่หลานก็พบว่าตู้เสี่ยวซีลาพักไปในช่วงนี้ และไม่ได้มามหาวิทยาลัยเลย จนกระทั่งถึงวันจันทร์ หล่อนก็ได้ปรากฎตัวขึ้น
ในวันจันทร์ช่วงเช้าตรู่ อาจารย์และนักศึกษาทุกคนต่างมารวมตัวกันที่ลานหน้าคณะ
ตู้เสี่ยวซียืนอยู่ด้านหน้า ในมือมีจดหมายขอโทษอยู่ ก่อนจะอ่านมันอย่างชัดถ้อยชัดคำ สุดท้ายก็หันไปมองทางฉินมู่หลาน แล้วกล่าวขอโทษด้วยท่าทางเคร่งขรึม “นักศึกษาฉินมู่หลาน ทุกอย่างเป็นความผิดของฉันเอง ต่อไปฉันจะไม่ทำเรื่องแบบนี้แล้ว ฉันขอโทษจริง ๆ ที่สร้างความเดือดร้อนให้เธอ ขอโทษจริง ๆ”
หลังจากกล่าวจบ ก็ก้มโค้งคำนับอย่างถึงที่สุด
ทุกคนเห็นดังนั้น จึงพากันหันมองไปที่ฉินมู่หลาน
ฉินมู่หลานเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไร”
บริเวณโดยรอบพลันเงียบสงัด ถึงแม้จะอยู่ห่าง แต่ตู้เสี่ยวซีก็ได้ยินมันแล้ว จึงจ้องมองฉินมู่หลานด้วยสายตาลึกซึ้ง ก่อนจะพูดขึ้น “ขอบคุณนะ”
ในตอนนั้นเองก็มีอาจารย์คนหนึ่งก้าวเข้าไปข้างหน้า ก่อนจะเอ่ยพูดถึงกฎระเบียบของมหาวิทยาลัยอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ได้เน้นย้ำถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย “พวกเธอมามหาวิทยาลัยเพื่อเรียนหนังสือ โอกาสที่พวกเธอจะได้เรียนมหาวิทยาลัยดี ๆ อยู่ตรงหน้าแล้ว พวกเธอกลับไม่รู้จักรักษาโอกาสนี้ไว้ เพราะฉะนั้นครั้งต่อไปอย่าให้มีเรื่องแบบนี้อีก”
หลังจากลงโทษและขอโทษในที่สาธารรธแล้ว นักศึกษาทุกคนก็กลับเข้าห้องเรียนของตัวเอง
“มู่หลาน ต้องนี้เธอไม่ต้องกังวลใจแล้วนะ คนอื่นไม่กล้านินทาเธอแล้วล่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยปิงหรุ่ย ฉินมู่หลานก็ยกยิ้มแล้วกล่าว “ใช่ จะไม่มีใครกล้ามาชี้นิ้วใส่ฉันอีกแล้ว”
ตอนแรกก็มีเพื่อนในห้องเผยแพร่ข่าวซุบซิบของฉินมู่หลานเหมือนกัน แต่หลังจากได้ยินเรื่องเมื่อเช้า ทุกคนก็เข้าใจแล้วว่าเรื่องทั้งหมดนี้พวกเขาล้วนเข้าใจผิดกัน เพราะฉะนั้นจึงมีนักศึกษาบางคนถึงกับเดินมาขอโทษฉินมู่หลานด้วย
“ไม่เป็นไร ในเมื่อสามคนพูดว่ามีเสือแล้ว ทุกคนย่อมพูดกันต่อมากขึ้นจนบางคนคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง เพราะฉะนั้นฉันไม่ถือโทษพวกเธอหรอก โชคดีที่ตอนนี้เรื่องมันชัดเจนแล้ว ทุกคนก็คงไม่พูดเรื่องนี้กันอีกแล้วล่ะ”
“ใช่ ๆ พวกเราจะไม่ทำอีกแล้ว”
ขระที่หลายคนกำลังพูดคุยกันอยู่ในห้อง บรรยากาศก็ค่อย ๆ สงบลง จนกระทั่งถึงเวลาเริ่มเรียน คนพวกนั้นก็กลับไปนั่งที่ของตน แล้วเริ่มตั้งใจเรียน
ฉินมู่หลานตั้งใจเรียนตลอดช่วงเช้า เมื่อถึงเวลาเลิกเรียนตอนพักเที่ยง ก็มุ่งหน้าไปหาตู้เสี่ยวซีทันที
เซี่ยปิงหรุ่ยก็ตามมาด้วยกัน “มู่หลาน วันนี้ตู้เสี่ยวซีต้องอยู่ที่นี่แน่นอน พวกเราจะได้ถามเธอให้ละเอียด”
“ใช่ ต้องถามให้ละเอียด”
หลังจากที่ทั้งสองไปถึง ก็ได้พบกับตู้เสี่ยวซี
เซี่ยอวี่หรงกับฮั่วหย่าซงอยู่ห้องเดียวกับตู้เสี่ยวซีอยู่แล้ว ตอนนี้ทั้งสองยังไม่ไปโรงอาหาร เมื่อเห็นฉินมู่หลานมาหาตู้เสี่ยวซี สีหน้าท่าทางของทั้งสองก็ต่างกันออกไป
ฮั่วหย่าซงก็ทราบเรื่องของตู้เสี่ยวซีเหมือนกัน เป็นเพราะอีกฝ่ายชอบเขา จึงทำให้เผยแพร่ข่าวลือเกี่ยวกับฉินมู่หลานออกไป ในตอนนี้เขาจึงไม่รู้ว่าจะเข้าหน้าตู้เสี่ยวซีติดอย่างไรดี แต่เซี่ยอวี่หรงก็ก้าวตรงไปข้างหน้าแล้วพูดขึ้น “นักศึกษาฉิน ตู้เสี่ยวซีขอโทษเธอต่อหน้าอาจารย์และนักศึกษาทุกคนในมหาวิทยาลัยแล้ว เธอยังต้องการอะไรอีก”
เมื่อเห้นท่าทางตื่นตระหนกของเซี่ยอวี่หรง ฉินมู่หลานก็หันไปมอง แล้วบอกกล่าว “เธอจะร้อนตัวทำไม ฉันมาที่นี่เพราะมีเรื่องจะคุยกับนักศึกษาตู้เสี่ยวซีสักหน่อย หล่อนยังไม่ได้ว่าอะไรเลย แล้วเธอตื่นตระหนกอะไร”
หลังจากพูดจบ ฉินมู่หลานก็หันมองตู้เสี่ยวซีแล้วพูดขึ้น “ฉันขอคุยกับเธอหน่อยได้ไหม?”
ใบหน้าของตู้เสี่ยวซีดูลังเลนิด สุดท้ายก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ได้อยู่แล้ว”
“นักศึกษาตู้ ถ้าเธอไม่ต้องการจะปฏิเสธก็ได้นะ ยังไงเธอก็ขอโทษไปหมดแล้ว” พูดจบก็จ้องมองตู้เสี่ยวซีด้วยสายตาลึกซึ้ง
ตู้เสี่ยวซีเม้มปากเมื่อเห็นแบบนี้ หลังจากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “ไม่เป็นไร นักศึกษาฉินคงมีเรื่องจะถามฉัน ไม่อย่างนั้นคงไม่มาหาฉันหรอก ฉันจะคุยกับหล่อนสักหน่อยแล้วกัน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี พวกเราไปคุยกันเถอะ”
เซี่ยอวี่หรงยิ้มแล้วโพล่งขึ้น หลังจากนั้นก็มองตู้เสี่ยวซีแล้วบอกกล่าว “นักศึกษาตู้ มีอะไรก็เรียกพวกฉันได้นะ” หลังจากพูดจบ หล่อนก็ตบบ่าตู้เสี่ยวซีพน้อมร้อยยิ้ม
ตู้เสี่ยวซีได้ยินแบบนี้ก็ห่อไหล่ตัวเอง ก่อนจะพยักหน้าแล้วตอบรับ “ได้”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ จึงหันกลับไปมองเซี่ยอวี่หรง หลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วพาตู้เสี่ยวซีไปทางด้านข้าง คนที่ตามด้วยก็คือเซี่ยปิงหรุ่ย
หลังจากทั้งสามมาหยุดอยู่ที่มุมหนึ่งแล้ว ตู้เสี่ยวซีก้เป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน “พูดมาเถอะ พวกเธออยากจะถามอะไรฉัน”
ฉินมู่หลานเห็นแววตาที่ชัดเจนและใบหน้าที่จริงใจของตู้เสี่ยวซีแล้ว จึงเอ่ยถามตามตรง “เธอตั้งใจแพร่ข่าวลือจริงเหรอ?”
ตู้เสี่ยวซีพยักหน้าอย่างไม่ลังเลแล้วบอกกล่าว “ใช่ เป็นฉันเอง”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เธอไม่คิดว่าจะเป็นฝีมือของตู้เสี่ยวซีจริง ๆ แต่จากสายตาก็บ่งบอกได้ว่าหล่อนไม่ได้โกหก
และเมื่อเซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินแบบนี้ สีหน้าก็ดูไม่พอใจขึ้นมา
“เธอทำแบบนี้เพราะอะไร เพราะเธอชอบฮั่วหย่าซงนั่นจริง ๆ เหรอ ต่อให้เธอจะชอบเขา แต่ก็ไม่ควรใส่ร้ายมู่หลานสิ”
“เปล่า…ฉันไม่ได้ชอบฮั่วหย่าซง”
เซี่ยปิงหรุ่ย “…”
ตอนแรกหล่อนอยากจะพูดต่อ แต่หลังจากได้ยินคำพูดของตู้เสี่ยวซี ความคิดดี ๆ ก็โดนสกัดไปหมด ทันใดนั้นหล่อนจึงไม่รู้ว่าจะพูดอะไร หลังจากสติกลับมาแล้ว ก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย “เธอไม่ได้ชอบฮั่วหย่าซง แล้วทำไมถึงปล่อยข่าวลือพวกนั้นล่ะ หรือว่าเธอมีเรื่องแค้นกับมู่หลาน?”
ตู้เสี่ยวซีส่ายหัว “ฉันไม่เคยรู้จักนักศึกษาฉินมู่หลานมาก่อนหรอก”
พูดจบ อยู่ ๆ หล่อนก็เปลี่ยนเป็นเล่าเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย “บ้านฉันจนมาก”
“อะ…อะไรนะ…”
เซี่ยปิงหรุ่ยอึดอัดใจกับหัวข้อสนทนาของตู้เสี่ยวซีที่อยู่ ๆ ก็กระโดดเปลี่ยนเรื่องไปจนไม่รู้ว่าต้องการพูดอะไรกันแน่
หลังจากตู้เสี่ยวซีพูดจบ หล่อนก็หันมองฉินมู่หลานแล้วบอกกล่าวตามตรรง “นักศึกษาฉิน ฉันคิดว่าพวกเราไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้วนะ ฉันขอตัวกลับก่อน”
เมื่อเห็นร่างของตู้เสี่ยวซีเดินจากไป เซี่ยปิงหรุ่ยก็ยังอยากจะรั้งเอาไว้ แต่ฉินมู่หลานรั้งหล่อนเอาไว้ก่อน “ปิงหรุ่ย ที่หล่อนพูดนั่นชัดเจนมากพอแล้ว”
“หล่อนพูดอะไร อยู่ ๆ หล่อนก็บอกว่าบ้านหล่อนยากจนมาก หล่อน…”
หลังจากพูดถึงประโยคท้ายสุด เซี่ยปิงหรุ่ยก็ตระกหนักได้ทันที “มู่หลาน ที่ตู้เสี่ยวซีพูดเมื่อกี้นี้ หรือว่าหล่อนรับเงินสินบนอย่างนั้นเหรอ นั่นคงเป็นเหตุผลที่หล่อนยอมปล่อยข่าวลือเรื่องเธอ”
ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ลูกน้องสารภาพแล้วว่ารับเงินมาจ้างปล่อยข่าว ยัยตัวต้นเรื่องถึงคราวหนาวได้ยัง
ไหหม่า(海馬)