ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 368 เด็กขี้ฟ้อง(2)
ตอนที่ 368 เด็กขี้ฟ้อง(2)
ตอนที่ 368 เด็กขี้ฟ้อง(2)
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็อดพูดไม่ได้ “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไม่ควรห้ามฉันไว้เลย พวกเราควรจะถามว่าใครใช้เงินซื้อหล่อน ถึงแม้เราจะสงสัยเซี่ยอวี่หรงอยู่แล้ว แต่ตู้เสี่ยวซีก็ควรจะพูดออกมาให้ชัดเจน”
ฉินมู่หลานส่ายหัวแล้วบอกกล่าว “ไม่ต้องหรอก ตู้เสี่ยวซีคงไม่พูดหรอก แต่เรื่องนี้เป็นฝีมือของเซี่ยอวี่หรงแน่นอน ตอนที่หล่อนรั้งตู้เสี่ยวซีแล้วพูดด้วยไม่กี่คำ ก็เพื่อเป็นสัญญาณเตือนตู้เสี่ยวซีนั่นแหละ”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินแบบนี้ จึงพาตัวฉินมู่หลานออกไปข้างนอก “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะมัวยืนอยู่ทำไมกัน ไปคิดบัญชีกับเซี่ยอวี่หรงกัน”
“เธอคิดได้ยังไงเนี่ย เซี่ยอวี่หรงคงไม่ยอมรับอยู่แล้ว แล้วตู้เสี่ยวซีก็คงไม่พูดเปิดเผยเรื่องหล่อนแน่นอน”
“ฉัน…”
เซี่ยปิงหรุ่ยทำได้เพียงรู้สึกโกรธนิดหน่อย “เธอจะปล่อยเซี่ยอวี่หรงไปแบบนั้นเหรอ?”
ฉินมู่หลานแสยะยิ้มเล็กน้อยก่นอจะพูดขึ้น “แน่นอนว่าปล่อยหล่อนไปไม่ได้อยู่แล้ว”
วันนี้หลังจากเลิกเรียน ฉินมู่หลานก็ไปที่มหาวิทยาลัยข้าง ๆ เพื่อรับฉินเคอวั่งกลับบ้านด้วยกัน และตรงไปที่บ้านตระกูลเซี่ยโดยตรง
เมื่อเซี่ยอวี่หรงเห็นฉินมู่หลานมาที่หน้าประตูบ้าน ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเอ่ยพูดแล้วจ้องตาเขม็ง “ฉินมู่หลาน เธอมาทำอะไรที่บ้านฉัน?”
“เหอะ…”
ฉินมู่หลานแค่นหัวเราะขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินแบบนี้ “เซี่ยอวี่หรง นี่ไม่ใช่แค่บ้านเธอนะ เป็นบ้านฉันด้วยเหมือนกัน ฉันจะกลับบ้านต้องรายงานให้เธอทราบด้วยเหรอ”
“ฉัน…”
เซี่ยอวี่หรงพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
ในตอนนั้นเอง เซี่ยฉางชิงเพิ่งเลิกงานกลับมา ทันทีที่เขาเห็นฉินมู่หลาน สายตาก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ “มู่หลาน ทำไมวันนี้ลูกถึงว่างมาที่นี่ล่ะ รีบเข้ามานั่งในบ้านก่อนสิ”
หลังจากพูดจบ เขาก็เพิ่งเห็นว่าเซี่ยอวี่หรงก็กลับมาแล้วเหมือนกัน จึงอดพูดไม่ได้ “อวี่หรง ทำไมพวกลูกถึงยืนอยู่หน้าประตูบ้านกันล่ะ พี่สาวของลูกก็กลับมาแล้ว ทำไมถึงไม่รีบต้อนรับเธอเข้าบ้านล่ะ”
เซี่ยอวี่หรงได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกเดือดดาลสุดขีด เมื่อกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เซี่ยฉางชิงก็พาฉินมู่หลานเข้าไปข้างในเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเห็นท่าทางตั้งอกตั้งใจของผู้เป็นพ่อ เซี่ยอวี่หรงจึงรู้สึกอึดอัดอยู่ภายในใจ
เติ้งซูหลานกลับมานานแล้ว เมื่อได้ยินเสียงสามีก็ยิ้มแล้วเดินออกมา แต่เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานฏ็มาด้วย รอยยิ้มบนใบหน้าก็จางหายไป
เซี่ยฉางชิงมองภรรยาของเขาออก จึงรีบพูดกับหล่อน “ซูหลาน ไปบอกให้ห้องครัวเตรียมทำอาหาร เย็นนี้บอกให้ทำของโปรดของมู่หลานเยอะ ๆ”
เติ้งซูหลานได้ยินแบบนี้ สุดท้ายจึงยอมยิ้มแล้วพยักหน้า “ค่ะ ฉันจะไปบอกให้”
หลังจากนั้นนายท่านเซี่ยกับคุณนายเซี่ยก็ได้ทราบว่าฉินมู่หลานอยู่ที่นั่น จึงรีบเข้ามาคุยกับเธอด้วยรอยยิ้ม
ที่บ้านตระกูลเซี่ยนี้ ผู้อาวุโสทั้งสองกับบ้านลูกชายคนโตและคนรองต่างอยู่รวมกันหมด โดยปกติแล้วก็ไม่ค่อยมีเรื่องอะไร ทุกคนต่างแยกย้ายทำเรื่องของตัวเอง แต่วันนี้ฉินมู่หลานมา คนในตระกูลเซี่ยจึงมารวมตัวรับประทานข้าวเย็นด้วยกัน
ขณะกินข้าว ว่านจี้อวิ๋นก็เห็นเซี่ยฉางชิงคอยช่วยเหลือมู่หลานอย่างนุ่มนวล นอกจากนี้ยังคอยบอกให้มู่หลานกินตลอด จึงอดปรายตามองเติ้งซูหลานกับเซี่ยอวี่หรงอย่างเสียไม่ได้ เมื่อเห็นหน้าตาของทั้งสองแม่ลูกไม่ค่อยดีนักก็ได้แต่นั่งรับชมอย่างมีความสุข ปกติแล้วในบ้านนี้ค่อนข้างเงียบสงบไปหน่อย เมื่อฉินมู่หลานมาจึงค่อยครึกครื้นขึ้นมาหน่อย
แต่เริ่นม่านนีกลับดูต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าตระกูลเหยากับตระกูลเริ่นจะเคยตกลงรับปากกันแล้วว่าจะไม่พูดถึงเรื่องอดีตที่ผ่านมา แต่หล่อนก็ยังรู้สึกเกลียดฉินมู่หลานและทุกสิ่งอย่างที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเหยา เพียงแต่ผู้อาวุโสทั้งสองอยู่ที่นั่นด้วย แล้วไหนจะท่าทางของคุณอาเซี่ยฉางชิงที่มีต่อมู่หลานอีก หล่อนจึงไม่เอ่ยพูดอะไรสักคำ
หลังจากกินข้าวจนอิ่มหนำแล้ว เริ่นม่านนีก็เดินตรงกลับไปทางฝั่งลานบ้านของพวกเขา
ในตอนนี้ฉินมู่หลานได้มองเซี่ยฉางชิงก่อนจะพูดขึ้น “พ่อคะ ฉันมีเรื่องจะบอกพ่อค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของเซี่ยฉางชิงก็เต็มไปด้วยความดีใจ เขาพาฉินมู่หลานตรงไปยังห้องอ่านหนังสือ สุดท้ายลูกสาวก็ยังคิดถึงเขา จึงมีเรื่องอยากพูดด้วย เขาจึงอดดีใจแทบไม่ไหว
เพียงแต่ฉินมู่หลานไม่ได้มาที่นี่เพื่อพูดคุยกระชับความสัมพันธ์ เธอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยให้ฟังอย่างไม่อ้อมค้อม ลงรายละเอียดทุกอย่างจนไม่มีอะไรเหลือหลอ
“อะไรนะ…เซี่ยอวี่หรงทำอย่างนั้นเหรอ?”
เซี่ยฉางชิงแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เขาได้ยิน พวกเธอเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันแท้ ๆ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นศัตรูกันไป
“ค่ะ”
หลังจากนั้นฉินมู่หลานก็เล่าเรื่องที่เซี่ยอวี่หรงชอบเซี่ยเจ๋อหลี่ให้ฟัง หลังจากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “เซี่ยอวี่หรงชอบอาหลี่ค่ะ เรื่องนี้คุณย่าเองก็น่าจะทราบเหมือนกัน ถ้าพ่อไม่เชื่อก็ลองไปถามได้ เป็นเพราะแบบนี้ หล่อนจึงตั้งใจบอกเพื่อนนักศึกษาชายว่าฉันยังไม่มีคู่ครอง เพื่อหลอกให้นักศึกษาชายคนนั้นมาตามจีบฉัน การที่หล่อนทำแบบนี้มันทำให้ฉันเสียใจมากเลยค่ะ”
ตอนนั้นเซี่ยอวี่หรงก็เคยไปงานเลี้ยงที่บ้านตระกูลเหยา ฉินมู่หลานจำเรื่องราวในตอนนั้นได้ดี หลังจากปะติดปะต่อรายละเอียดบางส่วนแล้ว เธอจึงทราบว่าคุณนายเซี่ยก็น่าจะทราบเรื่องนี้
“เพล้ง…”
เซี่ยฉางชิงทุบแก้วชาหนึ่งใบตรงหน้า “นังเด็กเลี้ยงไม่เชื่องคนนี้ กล้าทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกันหา แล้วอาหลี่ก็เป็นพี่เขยแท้ ๆ ของตัวเอง หล่อนมีความคิดแบบนี้ได้ยังไง”
ฉินมู่หลานเห็นเซี่ยฉางชิงโกรธจัด จึงรีบเอ่ยขึ้น “คุณพ่อใจเย็นค่ะ อย่าเพิ่งโกรธเลย ลองไปถามน้องให้เรียบร้อยก่อน แล้วรอดูว่าหล่อนจะพูดยังไง”
เซี่ยฉางชิงไม่อาจสงบอารมณ์ไว้ได้ เขาโกรธจนตัวสั่นไปหมดแล้ว
“ไป พวกเราไปถามเซี่ยอวี่หรงกัน ว่าหล่อนต้องการทำอะไรกันแน่”
ฉินมู่หลานเดินตามเซี่ยฉางชิง ริมฝีปากแสยะยิ้ม ก่อนจะเดินตรงไปหาเซี่ยอวี่หรง
“เซี่ยอวี่หรง แกทำอะไรลงไป”
เซี่ยฉางชิงมองลูกสาวคนเล็ก ก่อนจะตวาดขึ้นด้วยความโกรธ
เซี่ยอวี่หรงไม่รู้เรื่องในตอนแรก แต่เมื่อเห็นฉินมู่หลานยืนอยู่ข้างหลัง จึงทราบได้ทันทีว่าเป็นเรื่องอะไร “พ่อ หนูไม่รู้ว่าพ่อพูดเรื่องอะไร”
“เซี่ยอวี่หรง แกอย่ามาดูถูกฉันนะ ฉันรู้เรื่องที่แกทำที่มหาวิทยาลัยหมดแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าของเซี่ยอวี่หรงจึงบูดบึ้งน่าเกลียด “พ่อ มู่หลานบอกอะไรพ่ออย่างนั้นเหรอ หล่อนว่าแบบนั้นแล้วมันต้องเป็นอย่างที่ว่าอย่างนั้นเหรอ ทำไมพ่อถึงไม่ถามหนูก่อน แทนที่จะมากล่าวหาหนูแบบนี้”
“มู่หลานโดนปล่อยข่าวลืออย่างไม่ยุติธรรม เป็นเพราะแกทำผิด”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ถ้าเป็นสมัยนี้เธอไม่รอดแน่ยัยอวี่หรง มาเป็นคลิปชัดแจ๋ว
จะดูคำแก้ตัวของเธอนะ
ไหหม่า(海馬)