ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 372 ถึงเวลาตอบแทนบุญคุณแล้ว(2)
ตอนที่ 372 ถึงเวลาตอบแทนบุญคุณแล้ว(2)
ตอนที่ 372 ถึงเวลาตอบแทนบุญคุณแล้ว(2)
คุณนายเซี่ยตอบสนองทันที ก่อนจะหัวเราะขึ้นมา แล้วพูดขึ้น “ชิงชิงของเราจับต้นหอมได้ ต่อไปจะต้องฉลาดแน่นอนเลยค่ะ หายากนะเด็กแบบนี้”
ฉินมู่หลานยังไม่ทันได้สังเกตต้นหอมนั้น ไม่รู้ว่าเด็กน้อยวางลงไปตั้งแต่เมื่อใด แต่ความหมายก็ถือว่าดี
หลังจากเสร็จพิธีจับสิ่งของเสี่ยงทายแล้ว นายท่านเหยากับนายท่านเซี่ยก็เชิญทุกคนรับประทานอาหาร
ฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่ส่งลูกทั้งสองคนให้กับซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือดูแลต่อ และเดินตามผู้อาวุโสทั้งสองไปเพื่อดื่มฉลองอวยพร หลังจากยุ่งมาทั้งวันสุดท้ายก็ได้กินอาหาร
จนกระทั่งงานเลี้ยงใกล้จบ แขกก็ค่อย ๆ กลับไปกันทีละคน ตอนแรกฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่คิดจะส่งแขกกันเอง แต่เซี่ยฉางชิงกับฉินเจี้ยนเซ่อไปช่วยส่งเรียบร้อยแล้ว
“มู่หลาน ลูกกับอาหลี่ไปกินเยอะ ๆ เถอะ ให้พวกพ่อของลูกทำงานไป” ซูหว่านอี๋เห็นฉินมู่หลานยังกินไม่หมด จึงรีบพูดขึ้น
ฉินมู่หลานกินจนใกล้อิ่มแล้ว แต่เมื่อเห็นว่าเจี่ยงสือเหิงก็ไปช่วยส่งแขกด้วยแล้ว เธอจึงได้แต่นั่งนิ่งไม่ต้องขยับไปไหน
เซี่ยปิงหรุ่ยกับเซี่ยปิงชิงก็นั่งอยู่ตรงโต๊ะเหมือนกัน ทั้งสองคนกินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กำลังเล่นกับพวกเด็ก ๆ
ในตอนนั้นเอง นายท่านเซี่ยก็เดินเข้ามาหา เขามองเซี่ยปิงหรุ่ยกับเซี่ยปิงชิงสองพี่น้อง แล้วพูดขึ้น “ลืมบอกไปเลย คุณปู่ของพวกเธอติดต่อฉันมา บอกให้พวกเธอติดต่อกลับที่บ้านหน่อย ไม่ได้ยินข่าวจากพวกเธอนานแล้ว”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้เซี่ยปิงหรุ่ยจึงเอ่ยพูดด้วยความแปลกใจ “ปู่ของพวกเราติดต่อมาเหรอคะ?”
“ใช่แล้ว บอกว่าเขาต้องการให้พวกเธอติดต่อไปอย่างเร่งด่วน”
“ค่ะ พวกเราเข้าใจแล้วค่ะ”
หลังจากบอกข่าวเสร็จ นายท่านเซี่ยก็กล่าวลามู่หลานกับคนอื่น “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นปู่ขอตัวกลับก่อนนะ”
“คุณปู่คะ ถ้าอย่างนั้นพวกคุณปู่เดินดี ๆ นะคะ”
พวกคนที่กลับไปพร้อมนายท่านเซี่ยคือคุณนายเซี่ยและทางฝั่งครอบครัวของลูกชายคนโต ส่วนเติ้งซูหลานกับเซี่ยอวี่หรงอยู่ต่อเพื่อคอยช่วยเซี่ยฉางชิง
แขกเริ่มทยอยออกไปกันมากขึ้น หลังจากนั้น แขกก็กลับไปกันหมด เหลือแค่สมาชิกในครอบครัวแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
เซี่ยฉางชิงเดินมาหาแล้วพูดบอก “มู่หลาน เดี๋ยวพ่อไปกลับไปบ้านกับพวกลูกด้วย”
“ค่ะ”
ฉินมู่หลานก็ไม่ปฏิเสธเช่นกัน พาเซี่ยฉางชิงกลับไปที่บ้านตระกูลเจี่ยงด้วยกัน เซี่ยปิงหรุ่ยก็ไปด้วยเหมือนกัน
สองพี่น้องยังจำคำพูดของนายท่านเซี่ยได้ หลังจากกลับมาถึงแล้ว เซี่ยปิงชิงก็ตรงไปทางฝั่งลานบ้านที่ตัวเองพักอาศัยอยู่ แล้วตั้งใจเขียนจดหมาย
“พี่เขียนเถอะ”
เซี่ยปิงชิงเหลือบมองพี่สาว เพียงแค่นั่งอยู่ข้าง ๆ ไม่อยากติดต่อกลับไปหาครอบครัวเลย
เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นท่าทางแบบนี้ของน้องสาว จึงจ้องมองหล่อนก่อนจะบอกกล่าว “เธอนี่มันขี้เกียจจริงเลย ฉันเขียนก็ได้”
หล่อนเขียนจดหมายจบอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันมองเซี่ยปิงชิงอีกครั้งแล้วเอ่ยถาม “เธอดูซิ ว่าอยากเพิ่มอะไรอีกไหม”
เซี่ยปิงชิงไม่ได้มองเสียด้วยซ้ำ ก่อนจะโบกมือขึ้นตามตรง แล้วบอกกล่าว “ไม่ต้องหรอก พี่เขียนแค่เรื่องที่ตัวเองต้องการบอกไปเถอะ”
เมื่อเห็นน้องสาวไม่สนใจแบบนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยจึงไม่พูดอะไรอีก ทำเพียงแค่ยืนขึ้นแล้วบอกว่า “ก็ได้ เดี่ยวตอนฉันกลับจะแวะไปส่ง”
เซี่ยปิงหรุ่ยนั่งสักพักแล้วกลับไป ระหว่างทางกลับก็ไปส่งจดหมายออกไปทันที แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือทันทีที่มาถึงบ้านพักของตัวเอง ก็พบว่ามีจดหมายส่งมาจากทางบ้าน
“คุณปู่มีเรื่องอะไรหรือเปล่าเนี่ย”
หลังจากพูดจบ หล่อนก็รีบเปิดจดหมายออกทันที หลังจากอ่านเนื้อหาข้างในแล้ว คิ้วก็ขมวดมุ่น หลังจากนั้นก็รีบตรงไปที่บ้านตระกูลเจี่ยงอีกครั้งโดยไม่หยุดพัก
“พี่มาทำไมอีก”
เซี่ยปิงชิงเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยไปๆ มาๆ สีหน้าจึงดูแปลกใจ
เซี่ยปิงชิงเห็นแบบนี้ หลังจากมองจดหมายก็รับมันมา หลังจากอ่านเนื้อหาข้างในอย่างชัดเจนแล้ว สีหน้าก็บูดบึ้ง “ทำไมคุณปู่ถึงยังไม่ยอมแพ้เรื่องนี้อีกนะ ฉันก็บอกไปแล้วว่าไม่อยากแต่งกับตระกูลเฟิง”
หลังจากพูดจบแล้วก็มีสีหน้าขุ่นเคือง ก่อนจะหันไปพูดกับเซี่ยปิงหรุ่ย “พี่ยังไม่เห็นแต่งเลย แล้วทำไมฉันที่เป็นน้องถึงต้องแต่งก่อนล่ะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยเบะปากแล้วพูดขึ้น “ตอนนี้ฉันกำลังเรียนอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลเฟิงนั่นชอบเธอ ไม่ใช่ฉัน แน่นอนว่าคนที่แต่งก็ต้องเป็นเธอ”
“ฉันออกจากบ้านมาแล้ว ทำไมพวกเขายังเตรียมเรื่องพวกนี้ให้ฉันอีก”
เซี่ยยปิงหรุ่ยบอกกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “เรื่องนี้ทำอะไรไม่ได้หรอก เธอก็รู้นิสัยปู่ดี จะทำอะไรก็ต้องสำเร็จ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้”
หลังจากพูดจบ หล่อนก็ตบไหล่เซี่ยปิงชิงแล้วพูดว่า “เธอหยุดดื้อได้แล้ว รีบกลับไปเถอะ”
พูดจบก็รีบวิ่งหนีไป แน่นอนว่าการที่หล่อนเลือกเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดที่สุดแล้ว
หลังจากเซี่ยปิงหรุ่ยไปแล้ว เซี่ยปิงชิงก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น สุดท้ายก็ลุกขึ้นยืน ตั้งใจจะไปคุยกับฉินมู่หลาน ดูว่าเธอพอจะมีความคิดอะไรบ้างไหม
เซี่ยปิงชิงเพิ่งเดินออกมาจากลานบ้าน ก็เจอหน้าเจี่ยงสือเหิงพอดี
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูสูงสง่า เสื้อคลุมสีขาวงาช้างที่อยู่บนตัวของเขาให้ความรู้สึกสบาย ประหนึ่งลมที่พัดผ่านไปในเสี้ยววินาที
เมื่อเห็นเช่นนี้ แววตาของเซี่ยปิงชิงก็เป็นประกาย หล่อนวิ่งตรงไปข้างหน้า ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าของเจี่ยงสือเหิง “เจี่ยงสือเหิง นี่เป็นโอกาสที่คุณจะได้ตอบแทนบุญคุณฉันแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เจี่ยงสือเหิงก็ตกใจนิดหน่อย ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “คุณอยากได้อะไรอย่างนั้นเหรอ บอกมาได้เลย”
ก่อนหน้านี้ที่เซี่ยปิงชิงช่วยเขา ก็ยังไม่เคยร้องขออะไรเลย เขาจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อสนองความต้องการของสาวน้อย ตอนนี้เมื่อหล่อนนึกเรื่องที่ต้องการออกแล้ว จึงยิ่งดีเข้าไปใหญ่
“ฉันอยากให้คุณมาเป็นคู่ครองฉัน”
แววตาของเซี่ยปิงชิงเป็นประกาย ได้แต่รู้สึกว่านี่เป็นความคิดที่ดี
“อ…อะไรนะ…”
เจี่ยงสือเหิงเข้าใจว่าตัวเองคงได้ยินผิดไป จึงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “คุณว่ายังไงนะ?”
เซี่ยปิงชิงเอ่ยบอกทีละคำอย่างชัดเจน “ฉันบอกว่า ฉันอยากให้คุณมาเป็นคู่ครองฉันค่ะ”
“เพล้ง….”
ไม่รอให้เจี่ยงสือเหิงได้ทันพูด ก็มีเสียงจานหล่นแตกดังเพล้งมาจากข้างหลัง ก่อนจะเห็นซูหว่านอี๋กำลังยืนอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น แต่ไม่นานหล่อนก็กลับมาได้สติ แล้วรับบอก “ฉันไม่ได้ยินอะไรเลย ไม่เห็นอะไรเลยเหมือนกัน พวกเธอต่อกันเถอะ ต่อเลย” หลังจากพูดจบก็รีบวิ่งหนีหายไปในชั่วพริบตา
เซี่ยปิงชิงเมินเฉยกับเรื่องพวกนี้ แต่กลับจ้องมองตรงไปที่เจี่ยงสือเหิงแล้วพูดว่า “เอาล่ะ เรื่องนี้ตัดสินใจแล้ว ตั้งแต่วันนี้ไป คุณจะเป็นคู่ของฉัน”
“เหลวไหล…”
เจี่ยงสือเหิงรีบห้ามทันที “นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ ปิงชิง คุณยังสาวอยู่เลย ผมแก่กว่าคุณตั้งหนึ่งรอบได้”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของเซี่ยปิงชิงก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาลงทันที
“ทำไมล่ะ คุณจะไม่ตอบแทนบุญคุณฉันเหรอ?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
นายท่านเจี่ยงแย่แล้ว โดนเด็กอายุห่างตั้งรอบหนึ่งรุกจีบ
ไหหม่า(海馬)