ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 386 แบ่งหน้าที่ชัดเจน
ตอนที่ 386 แบ่งหน้าที่ชัดเจน
ตอนที่ 386 แบ่งหน้าที่ชัดเจน
เหวินเฉียนเฝ้ามองฉินมู่หลานถูกแม่เฒ่าผางและลวี่ต้านีพาตัวไป สายตาเต็มไปด้วยความกังวล ก่อนจะก้าวเดินตามไปอย่างไม่รู้ตัว
โหยวหย่งรีบคว้าตัวเหวินเฉียนเอาไว้ ก่อนจะบอกกล่าว “พี่สะใภ้ส่งข้อความบอกก่อนหน้านี้แล้ว หล่อนจะต้องไม่เป็นไรแน่นอน เราแค่แอบสะกดรอยตามสองคนนั้นไป ไม่ต้องกังวลหรอก”
“จะไม่ให้กังวลได้ยังไง พี่สะใภ้โดนพวกหล่อนสองคนนั้นพาตัวไป พวกเรารีบตามไปกันเถอะ”
“เดี๋ยวก่อน เกวียนวัวนั้นยังอยู่ในสายตาของพวกเรา ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้นก็ได้”
เมื่อเห็นว่าโหยวหย่งไม่มีความกังวลเลย เหวินเฉียนจึงขมวดคิ้วขึ้นทันที ขณะที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ชุยเสี่ยวผิงก็รั้งกล่อนเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยกระซิบ “เหวินเฉียน เธอดูสิ”
เหวินเฉียนได้ยินคำพูดของชุยเสี่ยวผิงจึงหันไปมอง ก่อนจะเห็นว่ามีชายหนุ่มรูปร่างกำยำสองคนกำลังคอยเดินตามเกวียนวัว คนหนึ่งอยู่ข้างซ้ายส่วนอีกคนอยู่ข้างขวาเพื่อคุ้มกันทั้งสองด้าน
เมื่อเห็นแบบนี้ ใบหน้าของเหวินเฉียนจึงเต็มไปด้วยความแปลกใจ
“ยังมีคนอื่นอีกเหรอ”
ในตอนนั้น โหยวหย่งก็หันมองคนอื่นที่อยู่บริเวณโดยรอบแล้วเอ่ยขึ้น “พวกเราแบ่งออกเป็นสองทีมเพื่อคอยติดตาม”
คนที่ชุยเสี่ยวผิงไปขอความช่วยเหลือจะคอยตามติดชุยเสี่ยวผิง จึงเป็นหนึ่งทีม และโหยวหย่งก็พาคนมาด้วย เพราะฉะนั้นคนของเขาที่อยู่ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งทีม นอกจากนี้ก็ยังมีอีกสองคน
โหยวหย่งมองทั้งสองที่นิ่งเงียบแล้วเอ่ยถาม “พวกคุณสองคนจะอยู่ทีมผมหรือทีมเสี่ยวผิง”
สองคนนี้เป็นสายลับที่เซี่ยปิงชิงส่งมาเพื่อคอยคุ้มกันฉินมู่หลาน ผู้ชายชื่อเซี่ยจง ผู้หญิงชื่อเซี่ยซิน ตอนนี้เมื่อทั้งสองได้ยินคำพูดของโหยวหย่ง ก็ไม่ได้ตัดสินใจเลือกทีม “พวกเราจะอยู่ทำหน้าที่ของเราเองครับ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ โหยวหย่งก็ไม่พูดอะไร ทำเพียงแค่พยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ได้ ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณสองคนช่วยคุ้มกันพี่สะใภ้ด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องพูดหรอก พวกเราแค่ทำตามคำสั่งของคุณหนูเราเท่านั้น”
เมื่อพูดจบ เซี่ยจงกับเซี่ยซินก็พากันติดตามไป
โหยวหย่งกับคนอื่นก็มุ่งหน้าตามไปเช่นกัน
ในตอนนี้ ฉินมู่หลานกำลังนั่งอยู่บนเกวียนวัว แน่นอนว่าก็สังเกตเห็นชายรูปร่างกำยำทั้งสองคนที่ปรากฎตัวเหมือนกันและรู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมา คนพวกนี้ช่างใส่ใจเหลือเกิน มีคนมากมายอยากจับเธอ แต่ก็โชคดีที่เตรียมพร้อมเอาไว้ตั้งแต่แรก เมื่อคิดได้แบบนี้ ฉินมู่หลานจึงแสร้งทำเป็นว่าแววตาล่องลอย แล้วยอมตามคนพวกนี้ไปตลอดทาง
หลังจากมาถึงบริเวณลานกว้างแล้ว แม่เฒ่าผางก็จับตัวฉินมู่หลานทันที ก่อนจะกระชากคนลงไปอย่างแรง
ฉินมู่หลานไม่ทันตั้งตัวจึงเซถลาไปข้างหน้า โชคดีที่สีหน้าของเธอไม่เปลี่ยนแปลง ยังดูมีท่าทางมึนงง
ในตอนนั้นเอง พวกคนอื่นที่อยู่ในห้องก็ออกมาด้วย ฉินมู่หลานแอบนับอยู่ในใจ ก่อนจะพบว่ามีคนมากมาย มากกว่ายี่สิบคนได้ คนพวกนี้กำลังรอเธออยู่ เพียงแต่เธอไม่เจอผู้ชายที่ไปหาเติ้งซูหรันเลย จึงไม่มั่นใจว่าผ็ชายคนนั้นอยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่า เธอจึงจดจำใบหน้าของคนเหล่านี้เอาไว้ทั้งหมด จากนั้นจึงไม่มองอีก
ในบรรดากลุ่มคนที่เพิ่งเดินออกมา มีชายวัยกลางคนรูปร่างผอมคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า เขาหันมองแม่เฒ่าผางแล้วพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พาหล่อนไปขังไว้ เดี๋ยวถึงช่วงเย็น ค่อยพาไปหาอาหวู่ตามสถานที่นัดหมาย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ แววตาของฉินมู่หลานก็เต็มไปด้วยความคิด
คนพวกนี้จะส่งเธอไปไหน? หรือว่านอกเหนือจากพวกที่มาจับตัวเธอก็ยังมีคนอื่นอีก? พวกคนที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้อาจมีหน้าที่คอยจับกุมตัวเธอ ส่วนหน้าที่อื่นยังมีคนอื่นคอยจัดการอีก คนพวกนี้วางแผนหน้าที่กันชัดเจนทีเดียว
แม่เฒ่าผางได้ยินคนนี้พูด จึงรีบพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ได้ ฉันจะเอาหล่อนไปขังไว้ในสวนหลังบ้านก่อน”พูดจบก็ดึงตัวฉินมู่หลานมุ่งหน้าตรงไปทันที
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ทำกันเป็นขบวนการเลยเว้ย น่าโดนรวบยกแก๊ง
ไหหม่า(海馬)
0
ตอนที่ 387 ฉีกเป็นชิ้น ๆ(1)
ตอนที่ 387 ฉีกเป็นชิ้น ๆ(1)
ฉินมู่หลานถูกแม่เฒ่าผางพาไปยังสวนหลังบ้าน แต่เมื่อไปถึงสวนหลังบ้านกลับได้พบว่า ชสถานที่นี้มีห้องมากมาย และเหมือนจะได้ยินว่ามีคนอยู่ข้างในด้วย
หรืออาจมีคนกลุ่มอื่นอยู่ที่นี่อีก
ขณะที่ฉินมู่หลานกำลังสงสัย ประตูห้องหนึ่งก็เปิดออก เห็นเพียงชายวัยกลางคนผมสั้นผู้หนึ่งเดินออกมา แล้วไม่นานประตูก็ปิดลงอีกครั้ง
ชช
แต่ถึงจะเป็นเพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้น ฉินมู่หลานก็เห็นภาพตรงหน้าได้อย่างชัดเจน รูม่านตาของเธอหดเล็กลง สายตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ แต่ไม่นานเธอก็แสร้งทำเป็นตาลอยอีกครั้ง ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางมึนงง
ช
แม่เฒ่าผางเห็นผู้ชายคนนี้จึงขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นเสียไม่ได้ “จู้จื่อ ทุกคนเพิ่งไปรวมตัวกันอยู่ตรงห้องโถงข้างหน้า แต่แกไม่ไป มาแอบอยู่ตรงนี้นี่เอง”
หลังจากพูดจบ แววตาของนางก็ดูเชือดเฉือน
“ที่นี่มีหญิงสาวบริสุทธิ์อยู่หลายคน แกอย่าสร้างปัญหาเลย หากถึงเวลาแล้วขายได้ราคาไม่ดี ลองดูได้เลยว่าหัวหน้าจะจัดการแกยังไง”
ชายที่ชื่อว่าจู้จื่อหัวเราะขึ้นมา ก่อนจะพูดขึ้น “วางใจเถอะ ฉันไม่แตะต้องพวกผู้หญิงที่บริสุทธิ์พวกนั้นหรอก อย่างมากก็แค่เล่นด้วยนิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่พวกผู้หญิงที่ไม่บริสุทธิ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ฉันเล่นแค่ไม่กี่ครั้งจะเป็นอะไรไป”
ขณะพูด สายตาของจู้จื่อก็หันไปทางฉินมู่หลาน เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของเธอชัดเจน ก็พูดขึ้นด้วยความแปลกใจ “ย
เมื่อเห็นแววตาของจู้จื่อเปล่งประกาย แม่เฒ่าผางจึงแค่นสบถแล้วพูดขึ้น “แกหุบปากไปเลย สินค้านี้สำคัญมากนะ อย่าได้ทำอะไรพลาดเชียว”
ในตอนนี้ จู้จื่อได้สังเกตเห็นท่าทางแปลก ๆ ของฉินมู่หลาน เขาจึงพูดขึ้นด้วยสีหน้าแปลกใจ “พวกเธอให้ยานั่นกับหล่อนเหรอ? ยานั่นเป็นของมีค่าหายากมาก แค่ใช้เพียงนิดหน่อยก็ทำให้คนมึนงงไปประมาณสองสามชั่วโมงได้ พวกเราเหลือใช้แค่นิดเดียว ยังจะเอาใช้แบบนี้อีก แล้วนังนี่เป็นใครกัน ทำไมพวกเธอต้องลงมือใหญ่โตเพื่อจับตัวหล่อนมาที่นี่ด้วย”
“เรื่องนี้แกไม่ต้องสนใจหรอก เดี๋ยวสินค้านี่ก็จะส่งออกไปคืนนี้ ตอนส่งต้องดูให้แน่ใจอย่าให้ผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว ไม่อย่างนั้นพวกเราตกที่นั่งลำบากแน่”
“อะไรนะ…”
ว
เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของจู้จื่อก็ดูไม่ค่อยดีนัก “ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องเป็นคนของตระกูลที่มีอำนาจ ทำไมถึงลักพาตัวคนแบบนี้มา อย่างนี้มันจะไม่สร้างปัญหาให้พวกเราหกรอกเหรอ”
“แกจะไปรู้อะไร มีคนตั้งราคาสินค้านี้เอาไว้สูงเสียดฟ้าเชียวนะ ให้พวกเราไปลักพาตัวมาโดยเฉพาะ จากนั้นก็แค่ส่งตัวต่อไปให้เขา พวกเราไม่เห็นต้องกังวลอะไรเลย”
เมื่อได้ยินว่าราคาสูงเสียดฟ้า จู้จื่อจึงหยุดพูด ตระหนักได้ว่าฉินมู่หลานเป็นตัวปัญหาใหญ่ จึงรีบพูดขึ้นทันที “เย็นนี้รีบส่งนังนี่ออกไปให้เร็วที่สุดเลยนะ ไม่อย่างนั้นหากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น พวกเราต้องตกที่นั่งลำบากกันหมดแน่ ก่อนหน้านี้คนของแก๊งชางไห่ก็โดนจับกุมไปหมด เพราะฉะนั้นพวกเราต้องระวังให้มาก”
แม่เฒ่าผางได้ยินแบบนี้จึงพูดขึ้นด้วยความขุ่นเคือง “เรื่องนี้แกบอกตัวเองเถอะ พวกเราทุกคนระวังตัวกันมากอยู่แล้ว ขอแค่แกใส่ใจให้มาก หยุดมาป้วนเปี้ยนแถวนี้ แล้วรีบออกไปข้างหน้าก็พอ”
สีหน้าของจู้จื่อแสดงออกไม่ชัดเจนนัก เขาแอบขมุบขมิบปากล้อเลียน หญิงชาคนนี้ใช้ประโยชน์จากการที่ตัวเองมีอายุมากตำหนิติเตียนคนอื่นอยู่ตลอด แต่หัวหน้าให้ความสำคัญกับแม่เฒ่าผางมาก เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าทำอะไร
“ยายผาง ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะ”
แต่ฉินมู่หลานไม่คิดมาก่อนว่าคนพวกนี้จะรู้จักแก๊งของชางไห่ ทราบว่าพวกชางไห่โดนจับกุมไปหมดแล้ว พวกเขายังกล้าทำเรื่องแบบนี้ใกล้กับฐานทัพทหารอีก สิ่งนี้เป็นเครื่องหมายยืนยันคำพูดที่ว่า สถานที่ที่อันตรายที่สุดคือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด คนพวกนี้รู้จักหลบซ่อน
แม่เฒ่าผางผลักฉินมู่หลานเข้าไปในห้อง ก็ลงกลอนประตู หลังจากนั้นก็หันหลังจากไป
หลังจากคนเดินจากไปแล้ว ฉินมู่หลานก็เปลี่ยนสีหน้าท่าทางที่แสนงุนงงนั้น แล้วมองสำรวบรอบห้อง ก่อนจะพบว่าแม้แต่หน้าต่างในห้องก็ยังถูกปิดสนิท
“เหอะ…ทำได้เคร่งครัดมากเลยนะ”
ฉินมู่หลานนั่งลงก็ดึงใบมีดออกมาจากพื้นรองเท้า นี่คือสิ่งที่โหยวหย่งมอบให้เธอเมื่อตอนออกเดินทาง บอกได้ว่าคมมาก ดังนั้นหลังจากเธอดึงใบมีดออกมาแล้ว ก็ทำการตัดขอบไม้ที่เชื่อมปิดสนิทตรงบริเวณหน้าต่าง เมื่อทำเสร็จ เธอก็ปีนออกไปข้างนอกหน้าต่างอย่างระมัดระวัง
ฉินมู่หลานไม่คิดมาก่อนเลยว่าเธอจะได้เข้ามาอยู่ในรังของพวกค้ามนุษย์อีกครั้ง
สิ่งที่เธอคิดในตอนแรก คือเติ้งซูหลานอาจจ้างวานให้ใครมาฆ่าตน ไม่คิดว่าจะได้มาเจอพวกค้ามนุษย์อีก คิดจะขายตัวเธอไปอย่างนั้นใช่ไหม ช่างร้ายกาจเหลือเกิน แต่หล่อนไม่กลัวว่าเธอจะหนีได้หรอกเหรอ หรือว่าเติ้งซูหลานอาจเตรียมการมาอย่างรอบคอบ ทำให้ตัวเธอเองต่อให้คิดหนีก็ไม่สามารถทำได้?
ฉินมู่หลานคิดเรื่องนี้สักพักก่อนจะไม่คิดอีก ตอนนี้เธอกำลังสำรวจบริเวณโดยรอบ
หลังจากออกจากห้องแล้ว ฉินมู่หลานก็ตรงไปยังห้องที่จู้จื่อเพิ่งออกมาเมื่อสักครู่ แต่เธอไม่อยากเดินผ่านให้คนเห็น เมื่อมาถึงบริเวณหน้าต่างห้องแล้ว เธอจึงเจาะตรงขอบหน้าต่างอย่างระมัดระวัง แล้วมองเข้าไปข้างใน เมื่อนับดูแล้ว มีผู้หญิงประมาณเก้าคนอยู่ในนั้น ท่ามกลางคนพวกนั้นมีสามคนที่ยังเป็นวัยรุ่นอายุประมาณสิบเก้าปี อีกสองคนอายุมากกว่านิดหน่อย ประมาณสามสิบต้น ๆ ผู้หญิงสองคนนี้สภาพเลวร้ายสุด ๆ เสื้อผ้าสวมใส่ไม่เรียบร้อย ใบหน้าซีดเซียว แววตาดูเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
เมื่อเห็นแบบนี้ ใบหน้าของฉินมู่หลานจึงเปลี่ยนเป็นเย็นชาลง พวกค้ามนุษย์นี้สมควรตายไปให้หมด
เมื่อสงบสติอารมณ์ลง ฉินมู่หลานก็เดินไปยังห้องถัดไปอีกครั้ง ข้างในห้องมีทั้งเด็กและผู้หญิง ผู้หญิงห้าคนและเด็กห้าคน
ขณะที่ฉินมู่หลานจะเดินไปสำรวจที่อื่นต่อ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้า เธอจึงรีบวิ่งกลับไปยังห้องที่ตัวเองโดนขังก่อนที่คนพวกนั้นจะมาถึง จากนั้นก็ปีนเข้าไปทางหน้าต่างที่อยู่ข้างหลัง
หลังจากเข้าไป ฉินมู่หลานก็นั่งจมอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าว่างเปล่า
คนที่มาคือแม่เฒ่าผางและคนที่เป็นหัวหน้าที่เคยเจอมาแล้วก่อนหน้านี้
หลังจากแม่เฒ่าผางเปิดประตูก็หันไปมองชายร่างผอมแล้วพูดขึ้น “เถี่ยจื่อ เดี๋ยวอีกไม่นานนังนี่ก็จะได้สติแล้ว พวกเราอาศัยจังหวะตอนที่หล่อนยังไม่ได้สติให้ยาเพิ่มอีกสักหน่อยไหม”
ผู้ชายคนที่ชื่อเถี่ยจื่อนี้เป็นหัวหน้าแก๊งลวี่เถี่ย เขาคือพี่ชายคนโตของลวี่ต้านี ทั้งสองพี่น้องไม่ใช่คนดีอะไร เป็นคนคดโกงมาตั้งแต่แรก ปัจจุบันแก๊งนี้ค่อนข้างใหญ่โต ทำเรื่องชั่วช้าเอาไว้มากมายเกินบรรยาย
ลวี่เถี่ยมองฉินมู่หลาน แล้วพูดขึ้น “ไม่จำเป็น เดี๋ยวคืนนี้ก็ส่งตัวออกไปก็เป็นอันจบ แต่ว่าตอนพวกเธออยู่บนรถไฟ ไม่เห็นคนอื่นเลยเหรอ?”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้แม่เฒ่าผางก็ส่ายหัวแล้วบอกกล่าว “ไม่มี มีแค่สาวน้อยนี่คนเดียว ก่อนหน้านี้บอกว่าหล่อนมาคนเดียวไม่ใช่เหรอ ทำไมแกถามแบบนั้นล่ะ?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
มู่หลานมีชะตาอะไรเกี่ยวพันกับแก๊งค้ามนุษย์หนอ โดนจับมาอีกรอบแล้ว
ไหหม่า(海馬)