ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 388 ฉีกเป็นชิ้นๆ(2)
ตอนที่ 388 ฉีกเป็นชิ้นๆ(2)
ตอนที่ 388 ฉีกเป็นชิ้นๆ(2)
ลวี่เถี่ยบอกกล่าวด้วยสีหน้าบูดบึ้งนิดหน่อย “เพิ่งได้ข่าวมาว่าผู้หญิงคนนี้เคยมีคนคอยตามคุ้มกันอยู่สองคน จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าหล่อนไม่ได้มาคนเดียว”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ใบหน้าของแม่เฒ่าผางก็มืดมนลงเช่นกัน
“ถึงคนพวกนั้นจะให้เงินจำนวนสูงลิ่ว แต่ก็พูดจากลับกลอกเชื่อไม่ได้ เรื่องสำคัญแบบนี้ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก”
แต่เมื่อนึกถึงสถานการณ์ทุกอย่างบนรถไฟ แม่เฒ่าผางก็รู้สึกโล่งใจขึ้นอีกครั้ง
“ครั้งนี้ฉันกับต้านีไม่เจอคนอื่นบนรถไฟ เห็นแค่สาวน้อยนี่คนเดียว คิดว่าเพราะหล่อนมาเยี่ยมสามี จึงไม่ต้องพาใครมาด้วย ไม่อย่างนั้นคงรบกวนการใช้ชีวิตคู่ คงไม่สบายสักเท่าไหร่”
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ลวี่เถี่ยก็ยังไม่อยากประมาท
“จับตาดูหล่อนเอาไว้ให้ดี เรื่องนี้ต้องไม่มีอะไรผิดพลาด ตอนเย็นไปส่งคนเรียบร้อยแล้วถึงจะสบายใจได้”
แม่เฒ่าผางพยักหน้าเมื่อได้ยินแบบนี้ แล้วบอกกล่าว “ใช่ ตัวปัญหาแบบนี้โดนส่งออกไปเร็ว ๆ ก็ยิ่งดี แต่เถี่ยจื่อ เธอไม่ต้องกังวลไปหรอก ฉันขอให้พวกอาหวู่ลองตรวจดูแล้ว เดี๋ยวพวกเขาก็จะมาถึงแล้ว เพราะฉะนั้นคงไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอน”
“ใช่ ควรจะเป็นแบบนั้น เราจะต้องไม่ประมาทแม้เพียงเล็กน้อย ฉันไม่ได้กลัวสองคนนั้นที่คอยตามคุ้มกันหล่อนหรอก แต่กลัวว่าถ้าสองคนนั้นเกิดรู้เรื่องอะไรเข้า แล้วเรียกหากำลังเสริม อย่างนั้นคงไม่ดีแน่”
แม่เฒ่าผางก็คิดเหมือนกัน จึงอดเป็นกังวลเสียไม่ได้ “เถี่ยจื่อ เธอนี่ช่างคิดเสียจริงนะ แต่สิ่งที่พวกเราทำได้ตอนนี้ก็คือจับตาเฝ้าคนเอาไว้ให้ดี ส่วนเรื่องอื่นก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว”
“ใช่แล้ว”
ลวี่เถี่ยก็เข้าใจความจริงข้อนี้เหมือนกัน ตอนนี้พวกเขาทำทุกอย่างแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ทำได้เพียงรอช่วงเวลาตอนเย็นมาถึง
“ฉันขอตัวกลับก่อน คุณอยู่ที่นี่รอพวกอาหวู่มาแล้วกัน”
แม่เฒ่าผางได้ยินแบบนี้ก็รีบบอกกล่าว “ได้ เธอรีบไปทำธุระเถอะ”
หลังจากลวี่เถี่ยไปแล้ว อาหวู่กับชายหนุ่มอีกสองคนก็เดินเข้ามา “ยายผาง พวกเรามาแล้ว คุณไปพักผ่อนเถอะ”
ตอนแรกแม่เฒ่าผางก็คิดจะทำอย่างนั้น แต่หลังจากได้ฟังคำพูดของเถี่ยจื่อเมื่อสักครู่แล้ว นางก็รู้สึกกังวลที่จะจากไปนิดหน่อย จึงบอกกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร ฉันยังไม่เหนื่อย เดี๋ยวช่วยพวกเธอจับตาดูแม่สาวน้อยคนนี้ด้วย”
อาหวู่ได้ยินแบบนี้จึงพูดขึ้นอีกครั้ง “ยายผาง คุณเชื่อมือพวกเราเถอะ พวกเราจะจับตาดูเป็นอย่างดีเลย”
ในตอนนี้ ชายหนุ่มที่ตามอาหวู่มาอีกคนก็พูดขึ้นเหมือนกัน “ใช่แล้วยายผาง คุณวางใจไปพักผ่อนเถอะ เรื่องนี้ไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอน”
เมื่อเห็นว่าคนพวกนี้กระตือรือร้นมากแค่ไหน ต่อให้แม่เฒ่าผางจะไม่เข้าใจความคิดของพวกเขา แต่นางก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พวกแกอย่าได้คิดจะทำอะไรสาวน้อยคนนี้เป็นอันขาด เถี่ยจื่อก็เพิ่งพูด ว่าให้มาจับตาดูคนเอาไว้ เพราะกลัวว่าคนที่ตามคุ้มกันหล่อนจะได้ข่าวแล้วไปเรียกกำลังเสริมมา หากเป็นอย่างนั้น พวกเราตกที่นั่งลำบากกันแน่”
พวกอาหวู่ได้ยินแบบนี้ จึงพูดด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก “คุณยาย พวกเราก็เคยจับตัวคุณหนูตระกูลใหญ่มาก่อนนะ ทุกอย่างก็เรียบร้อยดีไม่ใช่เหรอ แล้วพวกเราจะต้องกลัวอะไร มันไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอก”
เมื่อเห็นแม่เฒ่าผางยังไม่ยอมปล่อยผ่าน อาหวู่จึงพูดต่อ “คุณยาย อย่าคิดว่าพวกเราไม่รู้ไปหน่อยเลย ผู้หญิงคนนี้จะโดนขายให้ซ่องในฮ่องกง เพราะฉะนั้นพวกเราไม่กี่คนขอเล่นด้วยสักหน่อยจะเป็นไรไป”
เมื่อได้ยินแบบนี้ แววตาของฉินมู่หลานจึงเย็นชาขึ้นมา
เติ้งซูหลานทำถึงขั้นนี้เชียวหรือ เหอะ…ไม่ใช่แค่เลวร้าย แต่เลวร้ายมาก หากเธอโดนส่งไปฮ่องกงจริง เช่นนั้นคงอันตรายมากแน่นอน
ในตอนนั้นเอง ฉินมู่หลานจึงแสร้งทำเป็นเพิ่งได้สติ เธอใช้สายตาเพ่งมอง หลังจากนั้นก็หันมองแม่เฒ่าผางด้วยสีหน้าประหลาดใจ พร้อมกับพวกอาหวู่อีกหลายคน หลังจากมองแล้วมองอีก ก็กรีดร้องขึ้นมา “ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย คุณยายผาง นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ”
ก่อนที่แม่เฒ่าผางจะทันได้พูดอะไร อาหวู่ก็หัวเราะขึ้นมา ก่อนจะเอ่ย “คนสวย เธอมาอยู่ที่นี่ได้ก็เพราะยายผางเป็นคนพามา ตอนนี้เธอได้สติแล้ว ถ้าอย่างนั้นต่อไปก็คงสนุกแล้ว”
อีกสองคนก็หัวเราะขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ยังขยับเข้ามาใกล้ฉินมู่หลานมากขึ้นเรื่อย ๆ
แม่เฒ่าผางเห็นว่าฉินมู่หลานฟื้นคืนสติแล้ว จึงไม่มีข้ออ้างอีกต่อไป
“เอาล่ะมู่หลาน เธอก็อย่าถือโทษโกรธฉันเลยนะ ใครใช้ให้เธอไปทำให้คนอื่นเขาขุ่นเคืองใจกันล่ะ ในเมื่อตอนนี้เธอได้สติแล้วก็อยู่ที่นี่ไปดี ๆ จะได้ทรมานน้อยลง ถ้ายังตะโกนกรีดร้องก็คงไม่ได้อยู่อย่างสบายหรอก”
“เหอะ…แกนี่มันยัยแก่แม่เล้า ไม่แปลกใจเลยที่เข้ามานั่งรถไฟอยู่กับฉัน ที่แท้แกก็คิดจะจับตัวฉัน คนอย่างแกมันไม่ตายดีหรอก”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของแม่เฒ่าผางก็มืดมนลงทันที ไม่ห้ามพวกอาหวู่อีกต่อไป ก่อนจะพูดเสียงเยือกเย็น “พวกแกก็ระวังหน่อยแล้วกัน อย่าให้มันตาย เดี๋ยวยัยนี่จะโดนส่งออกไปเย็นนี้แล้ว”
เมื่อได้รับอนุญาตจากแม่เฒ่าผางแล้ว พวกอาหวู่ก็ตื่นเต้นมาก ก่อนจะพุ่งเข้าใส่ฉินมู่หลานอย่างดุเดือด
ในตอนนั้นเอง…
มือฉินมู่หลานก็รีบคว้าผงยาสีขาวจำนวนหนึ่งแล้วขว้างออกไป
“แค่กๆ…นี่อะไรเนี่ย”
อาหวู่กับคนอื่น ๆ หยุดชะงักลงทันที ก่อนจะไอโขลกสองครั้ง จากนั้นจึงหันมองฉินมู่หลานด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว “นี่แกทำอะไร?”
แต่แล้วเมื่อพูดจบ หลายคนที่อยู่ตรงหน้ารวมถึงแม่เฒ่าผางก็ล้มพับลงไปบนพื้นทันที
“แก…”
สีหน้าของแม่เฒ่าผางเต็มไปด้วยความหวาดผวา เพียงแต่ฉินมู่หลานเคลื่อนไหวเร็วมาก ใช้เข็มเงินแทงเข้าบริเวณคอของทุกคน เพื่อให้พวกเขาเงียบเสียง
‘อ้าก…อ้าก…’
หลายคนพยายามส่งเสียงตะโกน หลังจากนั้นก็พบว่าไม่สามารถส่งเสียงได้ สีหน้าตื่นตระหนกสุดขีด เมื่อไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง คนทั้งหลายก็รู้สึกกลัวยิ่งกว่าเดิม
ครั้นพวกเขาเห็นฉินมู่หลานกำลังแสยะยิ้มก็รู้สึกหนาวเหน็บไปจนถึงขั้วหัวใจ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะสามารถรังแกได้ แต่กลับเป็นเหมือนนางปีศาจที่จ้องจะเอาชีวิตแทน
ฉินมู่หลานกำลังยกยิ้ม ทว่ารอยยิ้มกลับไปไม่ถึงดวงตา เธอค่อย ๆ ก้าวเดินเข้าไปหาพวกอาหวู่ ก่อนจะยิ้มแล้วพูดขึ้น “อยากจะบังคับศรธนู ก็ต้องตรองดูว่าพวกแกมีความสามารถมากพอไหม” หลังจากพูดจบก็เตะเข้าตรงเป้าของอาหวู่
อาหวู่อ้าปากกว้าง กรีดร้องแบบไม่มีเสียง ใบหน้าปรากฏเม็ดเหงื่อเย็นผุดซึม เลือดค่อย ๆ ไหลรินออกมาจากทางช่วงล่าง
ชายอีกสองคนเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ได้แต่รู้สึกขนลุกชูชัน ผู้หญิงคนนี้ช่างโหดร้ายเสียจริง เพียงลงมือแบบนี้ก็กำราบอาหวู่ลงได้ทันที ทั้งสองจึงรีบตะเกียกตะกายถอยห่างด้วยความกลัว แต่ทั้งร่างกายกลับอ่อนระทวยขยับตัวไปไหนไม่ได้
ฉินมู่หลานย่อมไม่ปล่อยให้อีกสองคนรอดไปได้ เธอใช้เท้าบดขยี้กล่องดวงใจของคนอื่นๆ ทีละคน หลังจากจัดการผู้ชายทั้งสามคนแล้ว สุดท้ายก็หันไปทางแม่เฒ่าผาง “จะว่าไปแล้วตอนที่แกเอาเกี๊ยวผักให้ฉันกิน ฉันก็รู้แล้วว่าแกต้องมีแผน เพราะฉะนั้น…ฉันก็เลยไม่ได้กินยาเข้าไป”
‘แก…’
แม่เฒ่าผางอยากพูดแต่ก็พูดไม่ออก ทำได้เพียงมองฉินมู่หลานด้วยความตื่นตะลึงประหนึ่งเห็นผี แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีใครหายานี้เจอ แล้วผู้หญิงตรงหน้ารู้ได้อย่างไร
ดูเหมือนว่า…
ผู้หญิงคนนี้ดูไม่สับสนเลย หล่อนคงจงใจตามพวกตนมาตั้งแต่แรกแล้ว!
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เล่นผิดคนแล้วพวกแก มาเล่นกับเจ้าแม่พิษอย่างมู่หลานเนี่ยนะ
ไหหม่า(海馬)