ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 392 กลับไปเผชิญหน้าที่ปักกิ่ง(2)
ตอนที่ 392 กลับไปเผชิญหน้าที่ปักกิ่ง(2)
พวกผู้หญิงและเด็กที่โดนขังเอาไว้ในลานบ้านข้างหลังถูกพามาที่นี่กันหมดแล้ว เมื่อพวกหล่อนทราบว่าตัวเองรอดแล้วจึงรู้สึกดีใจมาก และทราบดีว่าเป็นเพราะคนของฉินมู่หลานที่ช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้ จึงมีหลายคนที่รู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้ง
ฉินมู่หลานเห็นจึงรีบยิ้มแล้วพูดขึ้น “ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ ทุกคนกลับบ้านอย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว”
คนส่วนใหญ่ในกลุ่มรู้สึกดีใจมาก แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่บนใบหน้าไม่มีรอยยิ้ม แม้ว่าพวกเธอจะรอดชีวิต แต่ก็โดนทำร้ายไปแล้ว พวกหล่อนจึงไม่ทราบว่าหากกลับไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น หากครอบครัวสามีไม่ยอมรับพวกหล่อนแล้วจะทำอย่างไร
ฉินมู่หลานจำหญิงสาวสองคนที่โดนรังแกได้ เธอมองเห็นความสิ้นหวังของผู้หญิงสองคนนี้ อีกทั้งยังคาดเดาได้ด้วยว่าพวกหล่อนกำลังคิดอะไร จึงก้าวเดินเข้าไป แล้วพูดคุยเสียงเบา “พวกคุณอย่าคิดมากไปเลยค่ะ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของพวกคุณนะคะ เพราะฉะนั้นตอนนี้พวกคุณต้องเข้มแข็งเข้าไว้ ยืนหยัดด้วยตัวเองให้ได้”
หลังจากพูดจบ เธอก็ยื่นข้อความเล็ก ๆ ให้กับทุกคน
“หากพวกคุณกลับไปแล้วทนไม่ไหวก็มาหาฉันได้นะคะ ฉันจะให้งานพวกคุณทำ พวกคุณจะได้พึ่งพาตัวเองได้”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ใบหน้าของหญิงสาวพวกนี้ก็ดูซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก หนึ่งในผู้หญิงที่สภาพค่อนข้างอิดโรยรับข้อความไป หล่อนกำมันเอาไว้ในมือแน่น ก่อนจะก้มคำนับฉินมู่หลานด้วยท่าทางเคร่งขึมแล้วพูดขึ้น “ขอบคุณค่ะ ขอบคุณคุณมากจริง ๆ นะคะ หากว่าวันนั้นมาถึง ฉันจะไปหาคุณค่ะ”
“ค่ะ พวกคุณดูที่อยู่ในข้อความ แล้วตรงไปที่นั่นได้เลย บอกว่าฉินมู่หลานให้พวกคุณไปที่นั่นค่ะ”
“อื้ม พวกเราทราบแล้วค่ะ”
อีกสามคนที่เหลือเห็นผู้หญิงคนนี้รับข้อความไป พวกเธอจึงยอมรับเอาไว้ด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าหลายวันที่ผ่านมานี้ชีวิตจะค่อนข้างมืดมน และต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งทางออกที่ดี
สุดท้ายคนพวกนี้ก็โดนพาตัวไป ส่วนหวังหัวหันมองแล้วพูดกับเซี่ยเจ๋อหลี่ “ผู้กองเซี่ย ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะพาคนกลับไปก่อน พวกคุณ…”
ขณะพูดก็หันมองฉินมู่หลานและคนอื่น ก่อนจะพบว่าคนของทางฝั่งพวกเขามีค่อนข้างเยอะ “พวกคุณจัดการทุกอย่างหมดแล้วเหรอครับ?”
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินสิ่งนี้จึงยกยิ้มกล่าว “เจ้าหน้าที่หวังวางใจได้ พวกเราจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ”
เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่พูดแบบนั้น หวังหัวจึงไม่พูดอะไรอีก แล้วพาคนออกไปทันที
หลังจากหวังหัวกับคนอื่นออกไปกันแล้ว เซี่ยเจ๋อหลี่ก็หันไปพูดกับโหยวหย่ง “คืนนี้พวกนายอยู่ที่นี่กันก่อนนะ ฉันต้องกลับไปอธิบายเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ผู้บัญชาการฟังเสียหน่อย”
ครั้งนี้เขารีบร้อนออกมา จึงต้องรีบกลับไปให้เร็วที่สุด
โหยวหย่งได้ยินแบบนี้ จึงพูดอย่างหนักแน่น “ผู้กองเซี่ย คุณพาพี่สะใภ้กลับไปเถอะ ทางนี้พวกเราจัดการเองครับ”
เหวินเฉียนกับชุยเสี่ยวผิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดเหมือนกัน “ใช่ค่ะ พาพี่สะใภ้กลับไปเถอะ พวกเราจะอยู่เฝ้าที่นี่เองค่ะ”
แต่หลายคนก็มองไปที่เซี่ยจงกับเซี่ยซินอีกครั้ง ก่อนจะบอกกล่าว “พวกนายสองคนตามผู้กองเซี่ยไปเถอะ ไปพักที่ห้องพักน่าจะสบายกว่าหน่อย”
เซี่ยจงกับเซี่ยซินไม่ใช่คนเรื่องมากขนาดนั้น จึงโบกมือแล้วบอกกล่าวตามตรง “ไม่ต้องหรอก พวกเราก็จะอยู่ด้วย”
ฉินมู่หลานก็บอกแบบนั้นเหมือนกัน แต่เซี่ยจงกับเซี่ยซินได้ตัดสินใจแล้ว สุดท้ายฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่จึงกลับไปที่ฐานทัพ
หลังจากทั้งสองมาถึงบ้านพักครอบครัว ท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว จึงไม่เห็นใครทั้งสิ้น เซี่ยเจ๋อหลี่มีเรื่องจะพูดกับฉินมู่หลานมากมาย แต่เมื่อเห็นสีหน้าแสนอ่อนล้าของมู่หลาน เขาก็ไม่อยากพูดอะไรอีก แล้วบอกให้เธอรีบนอนหลับผักผ่อนโดยเร็ว “มู่หลาน คุณรีบนอนพักเถอะ ผมจะไปหาผบ.เจียงสักหน่อย ต้องรายงานเรื่องวันนี้ให้เขาฟัง”
“ได้ คุณรีบไปเถอะค่ะ”
หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่ไปแล้ว ฉินมู่หลานก็ล้มตัวลงนอนแล้วหลับไป
เจียงอันปังที่ได้ทราบเรื่องนี้ก็รู้สึกเหลือเชื่อนิดหน่อย “นี่…มู่หลานช่วยจับแก๊งค้ามนุษย์ได้อีกแล้วเหรอ หล่อนจะ
เก่งเกินไปแล้ว” ครั้งก่อนก็เป็นเพราะความช่วยเหลือจากฉินมู่หลานเช่นกัน จึงสามารถจับกุมแก๊งชางไห่ได้สำเร็จ คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ก็เป็นเพราะฉินมู่หลานอีกแล้ว แก๊งของลวี่เถี่ยจึงโดนจับกุมหมด
เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ได้อยากให้ฉินมู่หลานเก่งกาจขนาดนี้ เพราะเรื่องพวกนี้ต้องเผชิญหน้ากับมีดปืนแสนอันตราย จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามู่หลานจะไม่ต้องเผชิญเรื่องแบบนี้อีก “จริง ๆ แล้วมีที่มาที่ไปว่าทำไมมู่หลานถึงเจอแก๊งค้ามนุษย์พวกนี้ได้น่ะครับ”
ต่อหน้าเจียงอันปัง เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ไม่ได้ปิดบัง เพราะพวกเขาจับแก๊งของชายวัยกลางคนเอาไว้ จึงต้องรายงานเรื่องนี้
เจียงอันปังทราบสาเหตุแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที
“เจ้าเซี่ยฉางชิงนี่ไม่มีประโยชน์เลย ปล่อยให้ลูกสาวตัวเองโดนแม่เลี้ยงทำร้ายแบบนี้ได้ยังไง ไม่สมควรเลย”
“เพราะฉะนั้นท่านผบ. ครับ กลุ่มคนพวกนั้นพวกผมจะขอเก็บเอาไว้ก่อน เพราะวางแผนจะใช้คนพวกนี้เป็นพยานปรักปรำเติ้งซูหลาน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เจียงอันปังก็ไม่ได้คัดค้านเช่นกัน “ได้ เซี่ยฉางชิงก็ควรได้เห็นธาตุแท้ของคนที่อยู่ข้างกายว่าเป็นคนแบบไหน”
หลังจากพูดจบ เจียงอันปังก็อดพูดจาติดตลกเสียไม่ได้ “ไม่แปลกใจเลยที่นายรีบร้อนออกไปข้างนอกเมื่อช่วงบ่ายนี้ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ตอนนี้เรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับมู่หลาน เห็นนายบอกว่ามู่หลานก็มาด้วย พรุ่งนี้พวกนายก็มากินข้าวที่บ้านฉันเถอะ”
“ครับ ขอบคุณท่านผบ.”
หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมา ฉินมู่หลานก็ง่วงจนหลับไปก่อนแล้ว เขายกยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเพื่อพักผ่อนเช่นกัน
เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น ฉินมู่หลานตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่น ก่อนจะพบว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ออกไปข้างนอกแล้ว ตอนแรกเธออยากจะกลับก่อนเวลาสักหน่อย แต่เมื่อเห็นข้อความบอกว่าตอนกลางวันจะไปกินข้าวที่บ้านของผู้บัญชาการเจียง จึงไม่รีบร้อนจากไป
ตอนกลางวัน ทั้งสองสามีภรรยาไปกินข้าว หยวนปิงซินเตรียมอาหารเลิศรสเอาไว้มากมาย นอกจากนี้ยังบอกให้ฉินมู่หลานกินเยอะ ๆ หลังจากนั้นก็ให้กำลังใจเพื่อจัดการเติ้งซูหลานได้โดยเร็ว “ถึงแม้ว่าแม่เลี้ยงบางคนจะนิสัยไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่เคยเห็นใครร้ายกาจขนาดนี้”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้จึงยกยิ้มแล้วพยักหน้า
เซี่ยเจ๋อหลี่อยากกลับไปพร้อมกับภรรยา แต่ฉินมู่หลานปฏิเสธขึ้นทันที “อาหลี่ คุณตั้งใจทำงานไปเถอะ ฉันจะจัดการแก้ปัญหาที่ปักกิ่งให้เร็วที่สุด”
เจียงอันปังได้ยินแบบนี้ จึงยกนิ้วให้ฉินมู่หลานแล้วบอกกล่าว “มู่หลาน ผมเชื่อมั่นในตัวคุณ คุณเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก”
“ขอบคุณสำหรับความเชื่อมั่นของท่าน ผบ. นะคะ”
เซี่ยเจ๋อหลี่รู้สึกเสียดายนิดหน่อยที่ไม่สามารถไปด้วยได้ และครั้งนี้ฉินมู่หลานก็ตั้งใจเดินทางมาหาเขาที่นี่
ฉินมู่หลานเห็นแบบนี้จึงยิ้มแล้วบอกกล่าว “วางใจเถอะค่ะ หลังจากแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้แล้ว ฉันจะมาอยู่กับคุณต่อ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ แววตาของเซี่ยเจ๋อหลี่ก็เป็นประกาย “ได้ ผมจะรอคุณนะ”
หลังจากบอกลาเซี่ยเจ๋อหลี่แล้ว ฉินมู่หลานก็ไปหาโหยวหย่งทันที หลังจากนั้นก็พาคนกลับไปเผชิญหน้าที่ปักกิ่ง