ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 395 เลือกหนึ่งในสอง(1)
ตอนที่ 395 เลือกหนึ่งในสอง(1)
คุณนายเซี่ยได้ยินสิ่งที่ฉินมู่หลานพูด แววตาจึงดูสงสัย
“มู่หลาน ที่หลานพูดมามันหมายความว่ายังไง?”
ในตอนนี้ นายท่านเซี่ยก็เดินเข้ามาร่วมวงด้วย แล้วขมวดคิ้วเอ่ยถาม “มู่หลาน เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ พวกคนที่โดนจับนี่คือใครกัน?”
ก่อนที่ฉินมู่หลานจะทันได้พูดอะไรออกไป เซี่ยฉางชิงก็เปิดปากพูดขึ้นก่อน “คนพวกนี้ คือคนที่เติ้งซูหลานจ้างวานให้ไปจับตัวมู่หลาน”
หลังจากพูดจบ เขาก็จ้องมองเติ้งซูหลานด้วยสายตาดุเดือด แล้วพูดขึ้น “เธอนี่มันนังงูพิษ ต้องการขายตัวมู่หลานไปที่ฮ่องกงอย่างนั้นเหรอ เธอนี่ช่างคิดเหลือเกินนะ”
ครั้นเติ้งซูหลานได้ยินคำพูดของเซี่ยฉางชิง ก็ทราบว่ามันจบลงแล้ว เซี่ยฉางชิงทราบแผนการของหล่อนกับแม่แล้ว และตอนนี้หลิวฝานก็โดนจับได้แล้ว พวกหล่อนไม่สามารถแก้ตัวอะไรได้แล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น หลังจากคุณนายเติ้งหายตกตะลึงได้ก็รีบกลับมาสงบสติอารมณ์โดยเร็วอีกครั้ง เมื่อเห็นลูกสาวกำลังตื่นตระหนก จึงแอบหยิกแผ่นหลังของหล่อน
เติ้งซูหลานรู้สึกเจ็บ ก่อนจะหันมองไปแม่ของตน ไม่นานก็สงบลง หล่อนหันมองเซี่ยฉางชิงแล้วพูดขึ้น “ฉางชิง คุณพูดเรื่องอะไร ฉันไม่รู้จักคนพวกนี้เลยด้วยซ้ำ แล้วทำไมฉันจะต้องทำร้ายมู่หลานด้วย คุณเข้าใจฉันผิดแล้ว”
“เหอะ…จนถึงตอนนี้เธอ…”
แต่ถึงอย่างนั้น เซี่ยฉางชิงยังพูดไม่ทันจบ ซูหว่านอี๋ก็เดินผ่านเขาตรงปรี่ไปข้างหน้า
“เพียะ…”
เสียงตบดังขึ้น ซูหว่านอี๋ใช้แรงทั้งหมดฟาดลงบนหน้าของเติ้งซูหลานเข้าอย่างจัง “แกมันนังสารเลว ทำร้ายพี่สาวฉันยังไม่พอ ตอนนี้ยังคิดทำร้ายมู่หลานอีก ฉันจะสู้กับแก”
หลังจากพูดจบก็ดึงกระชากผมของเติ้งซูหลาน แล้วคว้าจับใบหน้าของหล่อนโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
เหยาจิ้งจือเห็นแบบนี้จึงรีบตรงปรี่เข้าไปเพื่อช่วย ทั้งสองจับตรึงเติ้งซูหลานเอาไว้คนละข้าง แล้วเริ่มตบตีกัน
“หยุดนะ…ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้เลย…”
นายท่านเติ้งเป็นคนแรกที่โต้ตอบ พลางรีบจับซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือออกไป
ในตอนนี้เซี่ยอวี่หรงก็มีปฏิกิริยาเช่นกัน หล่อนรีบเข้าไปช่วยแม่ตัวเอง เพียงแต่หล่อนกับนายท่านเติ้งไม่ได้แข็งแรงเท่าซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือ จึงไม่สามารถช่วยกันจับแยกออกมาได้
นายท่านเติ้งหันมองภรรยา ลูกชาย และลูกสะใภ้ด้วยความโกรธก่อนจะพูดขึ้น “พวกแกนิ่งกันทำซากอะไร มัวทำอะไรอยู่ ยังไม่รับเข้ามาช่วยกันอีก”
ฉินมู่หลานเห็นว่าคนตระกูลเติ้งจำนวนมากมายกำลังตรงปรี่เข้ามา จึงรีบเข้าไปช่วยทันที ส่วนฉินเจี้ยนเซ่อ ฉินเคอวั่ง เซี่ยเหวินปิง เจี่ยงสือเหิงและคนอื่น ๆ ย่อมต้องช่วยกันหยุดคนตระกูลเติ้งเช่นกัน แม้แต่เซี่ยฉางชิงก็เข้ามาช่วยเหมือนกัน
คุณนายเซี่ยเห็นเหตุการณ์นี้ จึงได้แต่รู้สึกเหมือนดวงตามืดบอดลง
นี่มันอะไรกัน มาถึงก็เริ่มสู้กันโดยที่ยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย นางที่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงทำได้เพียงตะโกนอยู่อย่างนั้น “ทุกคนอย่าทะเลาะกัน หยุดสู้กัน พวกเรามานั่งคุยเรื่องนี้กันให้เรียบร้อยดีกว่า ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันหรือเปล่า?”
ในตอนนี้ว่านจี้อวิ๋นก็ลุกขึ้นแล้วรีบช่วย “ใช่ค่ะ หยุดทะเลาะกันเดี๋ยวนี้เลย”
ถึงแม้ว่าหล่อนจะไม่ค่อยลงรอยกับเติ้งซูหลานน้องสะใภ้คนนี้สักเท่าใด แต่เมื่อโดนกล่าวหาพาดพิงถึงเรื่องค้ามนุษย์โดยไม่ได้ตั้งใจแบบนี้ หากเป็นเรื่องจริง ก็ควรจะตรวจสอบบให้แน่ชัดก่อนที่จะพูด
ฉินมู่หลานอาศัยจังหวะช่วงชุลมุนแอบลงมือกับเติ้งซูหลาน คุณนายเติ้งและเซี่ยอวี่หรงจนทำให้พวกหล่อนเจ็บปวด แต่ถึงแม้ว่าจะเจ็บปวดขนาดไหน ก็หาร่องรอยไม่เจอ
ขณะที่เหตุการณ์วุ่นวายมากขึ้นเรื่อย ๆ ฉินมู่หลานก็ดึงซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือถอยหลังไปสองก้าว เพื่อเว้นระยะห่างจากพวกเติ้งซูหลาน
ฉินมู่หลานกับคนอื่นไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด ส่วนทางด้านเติ้งซูหลานนั้นค่อนข้างน่าเวทนา ผมเผ้าและเสื้อผ้าเละเทะไปหมด แม้แต่บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยเลือด
เมื่อเห็นแบบนี้ ซูหว่านอี๋ก็หัวเราะขึ้นมาทันที
ฉินมู่หลานเห็นก็หัวเราะขึ้นเช่นกัน
แต่นี่เป็นเพียงแค่น้ำจิ้มเท่านั้น ประเด็นสำคัญยังมาไม่ถึง
หลังจากพวกฉินมู่หลานหัวเราะ พวกของเติ้งซูหลานก็ลุกขึ้นยืนจัดการผมเผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย หลายคนมีรอยตบช้ำเลือดประดับไว้บนใบหน้า ทำให้ดูน่าเวทนามาก
ถึงแม้เติ้งซูหลานจะมองไม่เห็นสภาพใบหน้าของตัวเอง แต่ก็รู้สึกได้ถึงความปวดแสบปวดร้อน หลายคนจึงหันไปจ้องมองฉินมู่หลาน ซูหว่านอี๋ เหยาจิ้งจือและคนอื่น ๆ ด้วยความโกรธ
“พวกเธอกล้าดียังไงมากล่าวหาพวกเรา วันนี้พวกเธออย่าคิดจะได้ลอยนวลเลย”
เติ้งซูหลานรีบก้าวออกมาข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง อยากจะเรียกร้องความเป็นธรรม แต่เซี่ยฉางชิงยืนขวางอยู่ตรงหน้า ก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “ถึงมู่หลานจะทำร้ายเธอ แต่มันก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น เทียบกับสิ่งที่เธอทำไม่ได้หรอก”
พูดจบเขาก็ชี้ไปทางหลิวฝาน แล้วบอกกล่าว “ผู้ชายที่โดนมัดอยู่ข้างหลังคือหลิวฝาน ญาติห่าง ๆ ของตระกูลเติ้งพวกเธอใช่ไหม เขาสารภาพทุกอย่างหมดแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าปฏิเสธเลย”
เติ้งซูหลานได้ยินแบบนี้ แววตาก็สั่นไหว
คุณนายเติ้งกลับแค่นเสียงเย็นชาเอ่ยขึ้น “ลูกเขย เธออย่าพูดจาไร้สาระนะ พวกเราไม่เคยรู้จักคน ๆ นี้มาก่อนด้วยซ้ำ พวกเธอจะมากล่าวหาตระกูลเติ้งของพวกเราโดยไม่มีหลักฐานไม่ได้นะ ทำไม…ลูกสาวสุดที่รักของเธอเกือบโดนจับตัวไป เธอยังไม่ได้สืบความจริงเรื่องนี้อย่างละเอียดเลย นี่มันเป็นการใส่ร้ายกันอย่างเห็นได้ชัด เธอคิดว่าตระกูลเติ้งของเราไม่ใช่คนอย่างนั้นเหรอ?”
นายท่านเติ้งคิดเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน ก่อนจะก้าวออกมาข้างหน้าเช่นกัน แล้วพูดขึ้น “เซี่ยฉางชิง อย่าคิดว่าตระกูลเซี่ยของพวกเธอดีกว่าตระกูลเติ้งของพวกเราแล้วจะรังแกพวกเราได้นะ ตระกูลเซี่ยของพวกเธอเป็นฝ่ายสู่ขอซูหลานแต่งงานในตอนนั้นก่อน ถ้าเธอไม่อยากแต่งกับซูหลานก็ปฏิเสธได้ทันที แต่พอแต่งกับซูหลานแล้ว เธอยังคิดถึงคนรักเก่าอย่างซูหว่านอวี๋อีก ตอนนี้ก็พาลูกสาวของซูหว่านอวี๋กลับมา พวกเธอนี่มันเหลือเกินจริง ๆ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยฉางชิงก็เม้มปากแน่น ไม่สามารถโต้แย้งอะไรออกมาได้เลย
เป็นตระกูลเซี่ยของพวกเขาที่ต้องการแต่งงานกับตระกูลเติ้ง ถึงแม้ว่าพ่อแม่จะเป็นฝ่ายบังคับให้ตัวเองแต่งกับเติ้งซูหลานก็ตาม แต่หลังจากที่แต่งแล้วก็เป็นเหมือนที่นายท่านเติ้งบอก เขาจึงไม่สามารถปฏิเสธได้
ฉินมู่หลานเห็นแบบนี้ก็หันมองเซี่ยฉางชิง แววตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
นายท่านเซี่ยกับคุณนายเซี่ยก็ต่างพูดไม่ออกเหมือนกัน ทั้งสองทำได้เพียงยกยิ้มเพื่อให้เรื่องทุกอย่างเบาลง ก่อนจะพูดขึ้น “พวกเรามานั่งคุยกันก่อนเถอะ บางทีเรื่องนี้อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้”
“จะเข้าใจผิดได้ยังไง ไม่มีอะไรเข้าใจผิดแน่นอน ถ้าวันนี้พวกคุณยังปกป้องเติ้งซูหลาน ถ้าอย่างนั้นก็อย่าได้ถือว่ามู่หลานเป็นสมาชิกในครอบครัวของพวกคุณ วันนี้ฉันจะพามู่หลานออกจากตระกูลเซี่ยเอง” ซูหว่านอี๋เป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินแบบพร่ำเพรื่อ หล่อนหันมองคุณนายเซี่ยแล้วพูดขึ้น “เรื่องนี้เป็นฝีมือของเติ้งซูหลาน หลิวฝานนั่นก็ยอมสารภาพแล้ว”
คุณนายเซี่ยยังไม่ทันได้พูดอะไร นายท่านเติ้งก็แค่นหัวเราะเยาะก่อนจะพูดขึ้น “เอาสิ พวกเธออยากจะออกก็ไปเสียสิ ตอนนี้ก็ออกไปได้เลย”
แม้ซูหว่านอี๋จะโกรธ แต่หล่อนก็ไม่หลงกลอุบายของนายท่านเติ้ง แค่นหัวเราะอย่างเย็นชา ก่อนจะพูดขึ้น “พวกฉันไปแน่ แต่นี่ยังไม่ถึงเวลา จะต้องไปหลังจากพิสูจน์ความผิดของพวกคุณได้แล้ว”
เซี่ยฉางชิงเห็นสิ่งที่นายท่านเติ้งเพิ่งพูดไปเมื่อสักครู่ ก็อยากจะรีบแก้ปัญหานี้โดยเร็วเหมือนกัน เขาจึงหันมองแล้วบอกฉินมู่หลาน “มู่หลาน ในเมื่อผู้ชายคนนี้สารภาพหมดแล้ว ก็ให้เขาสารภาพออกมาอีกครั้งเถอะ”
“ได้ค่ะ”
ฉินมู่หลานยิ้มแล้วพยักหน้า
แต่ไม่รอให้เธอได้ทันลงมือ เซี่ยฉางชิงก็เดินเข้าไปป้อนยาใส่ปากของหลิวฝานด้วยวิธีการอันชาญฉลาดเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นทันที “แกเล่าเรื่องที่ได้รับคำสั่งจากเติ้งซูหลานและคุณนายเติ้งให้ฉันฟังอีกครั้งซิ”