ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 396 เลือกหนึ่งในสอง(2)
ตอนที่ 396 เลือกหนึ่งในสอง(2)
หลิวฝานทราบดีว่าต้องไม่ปริปากพูดอะไร แต่เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ พูดทั้งสิ่งที่ควรและไม่ควรพูดออกมาจนหมดในคราเดียว นอกจากนี้เขายังอธิบายรายละเอียดเรื่องเวลาและสถานที่ที่เติ้งซูหลานและคุณนายเติ้งมาพบเขาด้วย รวมถึงสิ่งที่ให้เขาทำ สุดท้ายก็บอกกล่าวเรื่องที่เติ้งซูหลานได้ให้สัญญาเอาไว้ด้วย
“พวกหล่อนสัญญากับผมว่าถ้าทำงานนี้เสร็จจะจ่ายเงินให้ก้อนโต แล้วยังช่วยส่งผมไปต่างประเทศได้ เพื่อไม่ให้พวกคุณเจอตัวผม”
ถึงแม้จะทราบอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลังจากเซี่ยฉางชิงได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมจากหลิวฝานก็ยังไม่หายโกรธ ทนไม่ไหวและเดินเข้าไปตบหน้าเติ้งซูหลานทันที
“เธอยังจะกล้าปฏิเสธอีกเหรอ ตอนนี้หลิวฝานสารภาพหมดแล้ว ต่อให้เธอปฏิเสธไปก็เท่านั้น มู่หลานทำผิดอะไร ทำไมถึงต้องไปลงที่หล่อน”
เติ้งซูหลาน ตั้งแต่หลิวฝานเล่าเรื่องทั้งหมด ก็ตื่นตระหนกมากพออยู่แล้ว ตอนนี้ทั้งคนสับสนไปหมด
หลิวฝานคนนี้ได้ตระกูลเติ้งคอยอุปถัมภ์มาตั้งแต่เด็ก แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยกล้าทรยศพวกเขา จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อสักครู่แม่กับหล่อนจึงนิ่งสงบมาก แต่ตอนนี้หลิวฝานกลับพูดแจงสี่เบี้ยทุกอย่าง หล่อนจ่ายเงินให้ไปตั้งเท่าใด ทำไมถึงยอมปริปากพูดจนหมด หากเรื่องนี้โดนตรวจสอบก็คงเจอสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่แน่นอน หล่อนจึงรู้สึกตื่นตระหนกไปหมด
เพียงแต่หลังจากรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดแสบร้อนบนใบหน้า หล่อนก็กลับมามีสติอีกครั้ง ก่อนจะตระหนักขึ้นมาได้
“หลิวฝานแปลกไปนะ เมื่อกี้พวกคุณเอายาอะไรให้เขา คงเป็นเพราะฤทธิ์ยาแน่ๆ หลิวฝานจึงใส่ร้ายเราสองแม่ลูก พวกคุณนี่ก็ช่างพยายามใส่ร้ายพวกเรา คงลำบากมากสินะ”
เมื่อเห็นเติ้งซูหลานตอบโต้ ฉินมู่หลานก็อดหัวเราะไม่ได้
“คุณตอบสนองได้เร็วดีนะ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมรับอีก ปากยังแข็งเหมือนเดิม เมื่อครู่คุณบอกว่าหลิวฝานได้รับยาใช่ไหม แต่พวกที่อยู่ข้างหลังไม่ได้กินนะ ตอนนี้ก็ให้พวกเขามาพูดเถอะ”
คนพวกนั้นได้สารภาพเรื่องนี้ไปแล้วหนึ่งครั้ง ตอนนี้เมื่อเห็นหลิวฝานโดนคุมตัวแล้วสารภาพความจริงอีกครั้ง พวกเขาจึงทราบดีว่าทุกอย่างมันจบแล้ว จึงรีบสารภาพอย่างหมดเปลือก
“คนพวกนี้ไม่กินยาเลย นี่ก็ยังไม่ชัดเจนพออีกเหรอ คุณอยากจะพูดอะไรอีกไหมคะ” ฉินมู่หลานสแยะยิ้มแล้วปรายตามองเติ้งซูหลาน สีหน้าเยาะเย้ยอย่างเห็นได้ชัด
คนพวกนี้ไม่เหมือนกับหลิวฝาน ไม่ได้พึ่งพาตระกูลเติ้งเพื่อหาเลี้ยงชีพ เป็นคนที่หลิวฝานไปหามา จึงไม่ได้ทุ่มเทกายใจให้กับตระกูลเติ้งอยู่แล้ว เธอจึงไม่ต้องใช้ไม้แข็ง เพียงแค่ขู่นิดหน่อยพวกเขาก็ยอมสารภาพความจริงแล้ว
หลังจากได้ยินสิ่งที่หลิวฝานกับคนพวกนี้เล่า นายท่านเซี่ยกับคุณนายเซี่ยจึงหันมองนายท่านเติ้งกับเติ้งซูหลานด้วยความเหลือเชื่อ
“พวกคุณทำแบบนี้กันได้ยังไง ถึงยังมู่หลานก็เป็นลูกสาวของฉางชิงพวกคุณทำแบบนี้ได้ยังไง พวกคุณนี่ทำเกินไปจริง ๆ”
ไม่เพียงแค่นายท่านเซี่ยกับคุณนายเซี่ย แม้แต่ครอบครัวของลูกชายคนโตตระกูลเซี่ย ก็ต่างพากันหันมองพวกของเติ้งซูหลานด้วยความเหลือเชื่อ
ว่านจี้อวิ๋นไม่ชอบเติ้งซูหลานมาโดยตลอด แต่ก็ไม่คาดคิดว่าเติ้งซูหลานจะเลวทรามได้ขนาดนี้ หากพวกเขาทำได้สำเร็จ เช่นนั้นคงนึกสภาพชะตากรรมที่ฉินมู่หลานต้องเผชิญได้เลย เมื่อคิดได้แบบนี้จึงรู้สึกกลัวไปสักพัก โชคดีที่หล่อนกับเติ้งซูหลานไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ว่าเติ้งซูหลานจะจัดการกับหล่อนอย่างไร
เริ่นม่านนียืนอยู่ข้างแม่สามีของตน ทันใดนั้นก็นึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้
ตอนแรกที่ตระกูลเหยาบอกว่าพวกเขาไม่ได้ทำร้ายเริ่นม่านลี่ แต่เป็นฝีมือของเซี่ยอวี่หรง ก่อนหน้านี้หล่อนเพียงแค่นึกสงสัย แต่ตอนนี้หล่อนเริ่มเชื่อแล้ว เติ้งซูหลานร้ายกาจขนาดนี้ แล้วเซี่ยอวี่หรงจะเป็นคนดีได้อย่างไร ม่านลี่คงโดนใช้เป็นเครื่องมือเพื่อกำจัดฉินมู่หลานอย่างแน่นอน
เมื่อคิดได้แบบนั้น แววตาที่เริ่นม่านนีมองเติ้งซูหลานกับเซี่ยอวี่หรงก็เปลี่ยนไป
เมื่อเห็นสายตาของทุกคนที่จ้องมองมา ตระกูลเติ้งต่างก็รู้สึกเหมือนมีหนามแหลมคอยทิ่มหลัง เรื่องนี้พวกเขาไม่ได้มีส่วนรู้เห็นด้วยเลย ตอนที่คุณนายเติ้งบอกว่าไม่รู้จักคน ๆ นี้ พวกเขาจึงมีความสงสัยนิดหน่อย แต่กับคนอื่น พวกเขาไม่รู้จริง ๆ ทว่าตอนนี้พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว คนอื่นคงคิดว่าพวกเขาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดอย่างแน่นอน
เติ้งซูหลานเห็นดังนั้น สีหน้าจึงเปลี่ยนไปทันที หล่อนไม่ปฏิเสธอีกต่อไป แต่กลับหันไปมองเซี่ยฉางชิงด้วยสีหน้าขุ่นเคืองใจแล้วพูดขึ้น “ทั้งหมดนี้เป็นเพราะคุณ เป็นความผิดของคุณทั้งหมด ถ้าคุณไม่มัวแต่คิดถึงซูหว่านอวี๋อยู่ตลอด ถ้าคุณไม่รับฉินมู่หลานกลับมา เรื่องพวกนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น”
“แล้วก็แม่…”
หลังจากพูดจบ เติ้งซูหลานก็หันมองคุณนายเซี่ยแล้วพูดต่อ “ตอนที่เซี่ยฉางชิงยืนกรานจะรับฉินมู่หลานกลับมา ทำไมแม่ถึงไม่คัดค้าน ฉันกับอวี่หรงเป็นครอบครัวของเซี่ยฉางชิง แต่พวกแม่ก็ยังปล่อยให้ฉินมู่หลานกลับมา พวกแม่ไม่เคยคิดถึงใจพวกเราเลย”
“ฉัน…”
คุณนายเซี่ยพลันรู้สึกว่าตัวเองไม่ยุติธรรมที่สุด จึงไม่สามารถทำอะไรได้ ในเมื่อลูกชายคนเล็กตัดสินใจแล้ว ต่อให้พูดไปก็เปล่าประโยชน์
เซี่ยฉางชิงไม่อยากฟังเติ้งซูหลานตำหนิในเรื่องนี้ เขาจึงบอกกล่าวตามตรง “เติ้งซูหลาน เราหย่ากันเถอะ”
“อะไรนะ…คุณอยากจะหย่ากับฉันจริง ๆ เหรอ คุณฝันไปเถอะ”
เติ้งซูหลานปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิด หากหล่อนต้องการหย่า หล่อนคงหย่าไปนานแล้วตั้งแต่ตอนที่เห็นว่าเซี่ยฉางชิงยังคิดถึงแต่ซูหว่านอวี๋ แต่ในเมื่อหล่อนอดทนมาหลายปีขนาดนี้แล้ว หากจะให้หย่ากับเซี่ยฉางชิงตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้
ถึงเซี่ยอวี่หรงจะทราบว่าแม่กับคุณยายแอบคุยเรื่องบางอย่างกัน แต็ก็คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องลักพาตัวฉินมู่หลาน เพียงแต่ว่าหากเรื่องนี้เกิดขึ้นคงดีไม่น้อย แต่ตอนนี้ไม่เพียงแค่ล้มเหลวเท่านั้น แต่ยังทำให้ฉินมู่หลานคุมเกมแทนได้ด้วย ตอนนี้หล่อนจึงรู้สึกปวดหัวจนแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ
ตอนนี้เมื่อได้ยินว่าพ่อกับแม่กำลังจะหย่ากัน จึงหลุดพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว “ไม่ได้ พวกพ่อกับแม่จะหย่ากันไม่ได้”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยฉางชิงก็หันมองเซี่ยอวี่หรง อันที่จริงเขาสงสัยมาตลอด ว่าลูกสาวคนเล็กจะพอทราบเรื่องนี้อยู่บ้างแล้วหรือไม่ ตอนนี้เมื่อได้ยินแบบนี้ เขาจึงครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่ง หลังจากนั้นจึงพูดขึ้น “แกก็ควรออกจากตระกูลเซี่ยไปพร้อมกับแม่ของแกเหมือนกัน”
“พ่อ นี่…”
เซี่ยอวี่หรงคิดไม่ถึงว่าตัวเองเพิ่งออกปากเพียงนิดเดียว แต่พ่อกลับจะไล่หล่อนออกไปด้วย ทำไมถึงเป็นอย่างนี้
นายท่านเติ้งเห็นท่าทางจริงจังของเซี่ยฉางชิง สีหน้าของเขาก็หม่นหมองลงทันที “เซี่ยฉางชิง เธออย่าลืมสิว่าตอนนี้อวี่หรงกำลังคบหาดูใจกับนายน้อยตระกูลซูอยู่ ทั้งสองเข้ากันได้ดี อีกไม่นานก็น่าจะตกลงปลงใจกันได้แล้ว เธออยากจะให้อวี่หรงออกจากตระกูลเซี่ยจริงเหรอ”
เซี่ยฉางชิงยังไม่ทันได้พูดอะไร คุณนายเซี่ยก็กล่าวขึ้นเสียก่อน “ฉางชิง ให้เติ้งซูหลานไปเถอะ ยังไงอวี่หรงก็เป็นลูกหลานของตระกูลเซี่ยของพวกเรา หล่อนไม่ได้รู้เห็นเรื่องนี้ด้วยเลย เพราะฉะนั้นอย่าไล่หล่อนไปเลยนะ”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ จึงเปิดปากพูดทันที “บ้านนี้ถ้ามีหล่อนก็ไม่ต้องมีฉัน” หลังจากพูดจบ เธอจึงหันมองเซี่ยฉางชิงแล้วเอ่ยถาม “พ่อก็แค่เลือกเอา ว่าจะมีอวี่หรง หรือจะมีฉัน”