ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 397 พาออกไปทั้งคู่(1)
ตอนที่ 397 พาออกไปทั้งคู่(1)
เซี่ยฉางชิงนึกไม่ถึงว่าลูกสาวคนโตจะพูดแบบนี้ แต่เขาได้ตัดสินใจแล้ว จึงพูดออกไปโดยไม่ต้องคิด “มู่หลาน พ่อต้องเลือกลูกอยู่แล้ว”
ทันทีที่พูดออกไป คุณนายเซี่ยก็หันมองฉินมู่หลานอย่างไม่เห็นด้วยพลางบอกกล่าว “มู่หลาน ถึงยังไงอวี่หรงก็เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของหลานนะ หลานจะทำแบบนี้ได้ยังไง ยิ่งไปกว่านั้นหล่อนไม่ได้รู้เห็นเรื่องนี้เสียด้วยซ้ำ หล่อนไม่ได้ทำอะไรให้หลานสักหน่อย ทำไมหลานถึงไม่ยอมรับหล่อนล่ะ”
นายท่านเซี่ยไม่ได้พูดอะไร แต่แววตาก็แฝงไปด้วยความหมายที่ไม่ต่างกัน เขาเห็นด้วยกับภรรยาของตัวเอง ว่าให้ไล่เติ้งซูหลานออกจากตระกูลเซี่ย แต่ก็อยากเก็บเซี่ยอวี่หรงผู้เป็นหลานสาวเอาไว้
เพราะเซี่ยอวี่หรงก็คบหาดูใจอยู่กับนายน้อยตระกูลซู ทั้งสองตกลงปลงใจกันแล้ว เช่นนั้นพวกเขาก็จะได้สานสัมพันธ์กับทางตระกูลซูด้วย
ทางด้านครอบครัวลูกชายคนโตไม่พูดอะไร นี่เป็นเรื่องครอบครัวของลูกชายคนรอง พวกเขาไม่อยากยุ่งด้วย นอกจากนี้พวกเขาก็เห็นชัดเจนแล้วว่าวันนี้ฉินมู่หลานเตรียมตัวมาพร้อม พวกเขาจึงอยากรับชมว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร
เมื่อเห็นท่าทางของนายท่านเซี่ยและคุณนายเซี่ย แววตาของฉินมู่หลานจึงฉายแววเย้ยหยัน ผู้อาวุโสตระกูลเซี่ยทั้งสองท่านนี้เป็นคนเห็นแก่ได้ในผลประโยชน์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร มองเห็นความสำคัญของเรื่องนี้เหนือสิ่งอื่น ครั้งนี้เป็นเพราะหากเซี่ยอวี่หรงแต่งงานก็จะได้ผลประโยชน์ จึงไม่อยากเสียคนไป
แต่ในโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาโดยไม่เสียอีกอย่าง ฉินมู่หลานไม่พูดอะไร กลับหันมองเซี่ยฉางชิง รอการตัดสินใจของเขา ถึงอย่างไรเรื่องในวันนี้มันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาอยู่แล้ว
เซี่ยฉางชิงยังคงพูดยืนกรานเหมือนเดิม “มู่หลาน พ่อเลือกลูกอยู่แล้ว ปล่อยให้อวี่หรงตามแม่กลับไปบ้านตระกูลเติ้งเถอะ”
เมื่อเห็นว่าคุณนายเซี่ยต้องการจะพูดอะไรอีก เซี่ยฉางชิงก็หันไปจ้องมองทันที ก่อนจะพูดขึ้น “แม่ครับ นี่เป็นเรื่องของผม ทุกคนต้องให้ผมตัดสินใจด้วยตัวเอง”
ถึงลูกชายคนเล็กจะพูดอย่างนั้น แต่คุณนายเซี่ยก็ยังรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องให้หลานสาวไปด้วย เพราะถึงอย่างไรหลานสาวก็เป็นลูกหลานตระกูลเซี่ยของพวกเขา แต่นายท่านเซี่ยมองเห็นความมุ่งมั่นเอาจริงผ่านทางแววตาของลูกชายคนเล็ก จึงรั้งหญิงชราเอาไว้ไม่ให้นางพูดอะไรอีก
เซี่ยอวี่หรงที่อยู่ข้าง ๆ แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดสิ้นหวัง
“พ่อ หนูเป็นลูกสาวที่โตมากับพ่อนะ แต่กลับไม่ดีเท่าฉินมู่หลานที่เพิ่งเจอกันงั้นเหรอ เหอะ…พ่อนี่เป็น ‘พ่อที่ดี’ จริง ๆ ทำไมถึงได้โหดร้ายแบบนี้”
เซี่ยฉางชิงยังไม่ทันได้ตอบกลับ ฉินมู่หลานก็หันไปมองทันที แล้วพูดขึ้น “ในเมื่อพ่อตัดสินใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่ต้องออกจากตระกูลเซี่ย แต่ที่พ่อตัดสินใจคือให้เติ้งซูหลานกับเซี่ยอวี่หรงกับไปอยู่ตระกูลเติ้งใช่ไหมคะ”
เซี่ยฉางชิงงุนงงนิดหน่อย เขาคิดว่าแก้ไขเรื่องทุกเรื่องเรียบร้อยแล้ว
แต่ฉินมู่หลานยังไม่จบ
“สิ่งที่เติ้งซูหลานทำเป็นเรื่องผิดกฎหมายนะคะ พ่อจะปล่อยไปอย่างนี้จริงเหรอ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยฉางชิงก็สะดุ้งเล็กน้อย
อันที่จริง…เขาคิดว่าเรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว เขากับเติ้งซูหลานหย่ากัน แม้แต่ลูกสาวคนเล็กก็ให้ออกจากตระกูลไปแล้ว แค่นี้ยังไม่พออีกหรือ
ซูหว่านอี๋เห็นว่าเซี่ยฉางชิงลังเลไม่ยอมพูดอะไร จึงก้าวตรงไป แล้วพูดขึ้น “เรื่องนี้มันยังไม่จบหรอก เรื่องที่เติ้งซูหลานคิดจะลักพาตัวมู่หลานก็เห็นกันชัดอยู่ ถึงแม้มู่หลานจะไม่เป็นอะไร แต่เติ้งซูหลานก็ทำไปแล้ว แบบนี้ถือว่าหล่อนทำผิดกฎหมาย”
เหยาจิ้งจือที่อยู่ข้าง ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ เติ้งซูหลานทำผิดกฎหมาย นอกจากนี้ลูกสาวของหล่อนก็ไม่ใช่คนดีเหมือนกัน ครั้งก่อนตอนที่หล่อนต้องการกำจัดมู่หลาน ก็ใช้ให้เริ่นม่านลี่มาวางยาพิษคุณยายของมู่หลาน แต่ความชั่วมันชนะความดีไม่ได้ สุดท้ายหล่อนจึงทำไม่สำเร็จ ทำให้เริ่นม่านลี่ต้องอยู่ในภาวะโคม่าแทน ที่เริ่นม่านลี่ด่วนจากไปก็เป็นเพราะหล่อนเหมือนกัน”
เริ่นม่านนีที่ยืนเงียบอยู่ก็เปิดปากถามขึ้นทันที “นี่เป็นเรื่องจริงเหรอคะ?”
เหยาจิ้งจือได้ยินแบบนี้จึงหันไปมอง แล้วพูดขึ้น “จริงอยู่แล้ว เรื่องที่เริ่นม่านลี่จะฟื้นได้ก็มีแค่เธอกับพ่อแม่ของเธอที่รู้ แต่เธอก็เอามาบอกตระกูลเซี่ยด้วย เรื่องนี้คงทำให้เซี่ยอวี่หรงตื่นตระหนก จึงตัดสินใจฆ่าเริ่นม่านลี่ก่อนที่หล่อนจะทันได้ฟื้นขึ้นมาไง”
“ไม่มีทาง…เห็นได้ชัดว่าเป็นอุบัติเหตุ แม่ฉันบังเอิญทำท่อช่วยหายใจของม่านลี่หลุดตอนที่ท่านหลับ ม่านลี่ก็เลยตาย”
เริ่นม่านนีเม้มปาก ตอนนี้หล่อนรู้สึกแล้วว่าการตายของเริ่นม่านลี่น้องสาวของหล่อนเป็นเรื่องบังเอิญเกินไป จะได้ฟื้นขึ้นมาในอีกวันแท้ ๆ แต่ก็มีเรื่องเกิดขึ้นในคืนก่อนหน้านั้น เพียงแต่ทุกอย่างดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุ พวกเขาจึงยอมปล่อยผ่านไป ไม่คิดว่าจะได้ยินเรื่องสมมติฐานแบบอื่น
หากเรื่องนี้เป็นความจริง ถ้าอย่างนั้นเติ้งซูหลานกับเซี่ยอวี่หรงสองแม่ลูกคู่นี้ก็เลวกันทั้งคู่ พวกหล่อนเข่นฆ่ามนุษย์คนหนึ่งได้โดยไม่แยแสเลย
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เริ่นม่านนีจึงหันไปมองเซี่ยอวี่หรง แววตาเต็มไปด้วยคำถาม
เซี่ยปิงชิงไม่คิดว่าจะได้ชมเรื่องใหญ่ จึงแสยะยิ้มแล้วเปิดปากพูดขึ้น “ฉันยังมียาที่ทำให้พูดความจริงเหลืออยู่เม็ดสุดท้ายนะ พวกเธออยากเอาให้เซี่ยอวี่หรงกินไหมล่ะ ถ้ากินเข้าไปแล้วก็จะเหมือนหลิวฝาน บอกได้ทุกเรื่องเลย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ทุกคนจึงหันมองเซี่ยปิงชิง
เซี่ยปิงชิงยกขวดยาใบเล็กในมือขึ้นพลางแสยะยิ้มบนใบหน้า
เซี่ยอวี่หรงเห็นแบบนี้ จึงรีบวิ่งเข้าไปหลบอยู่ข้างหลังเติ้งซูหลานผู้เป็นแม่ในทันที ท่าทางของหลิวฝานเมื่อสักครู่ยังเด่นชัดอยู่ในใจ หากหล่อนกินยานี้เข้าไปจริง ๆ เช่นนั้นก็คงพูดทุกอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นคงแก้ตัวยากแล้ว
เติ้งซูหลานย่อมต้องปกป้องลูกสาวของตัวเอง จึงพูดอย่างเย็นชา “ยาที่พวกเธอให้ต้องเป็นยาพิษเพื่อทำให้พวกเธอสมปรารถนา อวี่หรงของเราไม่ควรกินมันอยู่แล้ว พวกเธอแค่อยากจะใส่ความอวี่หรงใช่ไหมล่ะ อย่าคิดว่าพวกฉันไม่รู้ความคิดของพวกเธอนะ”
นายท่านเติ้งจ้องมองเซี่ยปิงชิงด้วยสายตาเกลียดชัง
“เธอก็แซ่เซี่ย ยังไงอวี่หรงก็เป็นน้องสาวเธอนะ ทำไมไม่ทำกับหล่อนดี ๆ หน่อย”
เซี่ยปิงชิงหันมองนายท่านเติ้งที่อยู่ข้าง ๆ ก่อนจะพูดขึ้น “ถึงฉันจะแซ่เซี่ย แต่ก็ไม่ได้สนิทกับอวี่หรงเลยสักนิด จะว่าไปฉันกับมู่หลานก็เป็นพี่น้องกันนะคะ ฉันก็ต้องช่วยหล่อนอยู่แล้ว”
“เธอ…”
นายท่านเติ้งรู้สึกว่าวันนี้โชคไม่ค่อยดีนัก ไม่ใช่เพียงแค่เกิดเรื่อง ลูกสาวกับหลานสาวยังโดนไล่ออกจากตระกูลเซี่ยอีก แล้วหลังจากนี้พวกหล่อนสองแม่ลูกจะทำอย่างไร
เซี่ยปิงชิงเมินนายท่านเติ้ง แล้วหันมองเซี่ยอวี่หรงที่ไปหลบอยู่ข้างหลังแทน แววตาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น อีกเพียงแค่ก้าวเดียวหล่อนก็จะทำให้เริ่นม่านลี่ฟื้นได้แล้ว แต่สุดท้ายกลับต้องมาเสียเริ่นม่านลี่ไป ในตอนนั้นหล่อนจึงอยู่แต่ในห้องเพื่อสกัดยา ยาตัวนี้ก็สกัดขึ้นในช่วงนั้นเหมือนกัน มันจึงถูกนำมาใช้ประโยชน์ได้ทันเวลา
เซี่ยอวี่หรงเห็นแววตาเป็นประกายของเซี่ยปิงชิง จึงรู้สึกเกลียดชังขึ้นในใจ แต่ตอนนี้หล่อนไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ในตอนนั้นเอง เริ่นม่านนีก็เปิดปากพูดขึ้น “คุณหนูรอง ไม่ทราบว่าขอยานั่นให้ฉันได้ไหมคะ” หล่อนรู้ว่าถ้าหากวันนี้บังคับให้เซี่ยอวี่หรงกินยานี้ไม่ได้ หล่อนก็จะหาโอกาสในภายหลัง
เซี่ยปิงชิงได้ยินแบบนี้ก็มีสายตาลังเล นอกจากคนใกล้ตัวที่สนิท หล่อนไม่เคยให้ยากับคนอื่นเลย เพราะหากมีเรื่องเกิดขึ้นแล้วโยงมาหาตัวเองจะทำอย่างไร แต่หล่อนก็ทราบว่าเริ่นม่านนีคิดจะทำอะไร จึงลังเลอยู่สักพัก
ฉินมู่หลานที่อยู่ข้าง ๆ ยังพูดขึ้น “ไม่จำเป็นแล้ว อีกไม่นานเซี่ยอวี่หรงก็จะได้ชดใช้ความผิดที่หล่อนก่อเอาไว้แล้ว”
“หมายความว่ายังไง?”
เริ่นม่านนีมองฉินมู่หลานอย่างนึกสงสัย