ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 401 ความเชื่อมั่น(1)
ตอนที่ 401 ความเชื่อมั่น(1)
ซูจิ้งเหยานั่งอยู่ไกลๆ ข้างประตู ตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของแม่ตัวเอง ก็อดพูดไม่ได้ “ผมบอกแม่ตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่อยากไปดูตัว แต่สุดท้ายแม่ก็ยังให้ผมไป ตอนนี้จบแล้ว น่าอายมาก ไม่รู้ว่าคนอื่นจะพูดถึงผมยังไงบ้าง”
คุณนายซูได้ยินแบบนี้ ก็ได้แต่รู้สึกผิด
“เป็นเพราะแม่ไม่ดีเอง แม่ไม่คิดว่าเซี่ยอวี่หรงจะเป็นคนแบบนี้”
อย่างที่ทราบว่าตระกูลเซี่ยไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลซูของพวกเขาเลย เซี่ยฉางชิงก็หน้าที่การงานดี ต่อไปจะต้องได้เลื่อนตำแหน่งอย่างแน่นอน และถึงแม้ตอนนี้ตระกูลเติ้งจะไม่ได้รุ่งเรืองเท่าสมัยก่อน แต่สภาพความเป็นอยู่ก็ยังดีกว่าหลายตระกูล เพราะฉะนั้นในความเห็นของหล่อน เซี่ยอวี่หรงจึงถือเป็นคู่ครองที่ดีมาก
แต่หล่อนไม่คิดว่าเติ้งซูหลานจะทำเรื่องแบบนี้ แม้แต่เซี่ยอวี่หรงก็ยังมีส่วนเกี่ยวข้องในข้อหาหนึ่งด้วย เรื่องที่สองแม่ลูกคู่นี้โดนตำรวจจับตัวไปจึงกลายเป็นหัวข้อสนทนาใหญ่หลังมื้ออาหารของทุกคนไปเสียแล้ว ทำให้ตระกูลซูของพวกเขาได้รับผลกระทบเช่นกัน
ในตอนนี้ นายท่านซูก็พูดขึ้นว่า “เอาล่ะ ถึงจะพูดอะไรไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ถ้าออกไปชี้แจงได้โดยเร็วจะเป็นการดีกว่า เดี๋ยวคนอื่นจะเข้าใจตระกูลซูของเราผิด”
“ได้ค่ะ”
คุณนายซูหยักหน้าเห็นด้วย
เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น คำชี้แจงของตระกูลซูก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง
“เหอะ…ได้ยินหรือยัง ตระกูลซูบอกว่าซูจิ้งเหยากับเซี่ยอวี่หรงไม่ได้ชอบพอกันเลย ทั้งสองเพิ่งเคยไปกินข้าวด้วยกันเอง”
“ได้ยินแล้ว ตระกูลซูนี่ชี้แจงเร็วดี แต่เรื่องนี้ก็หลอกได้แค่คนโง่เท่านั้นแหละ ใครจะไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ทั้งสองตระกูลกำลังหันหน้าเข้าหากัน ตอนนี้พอมีเรื่องเติ้งซูหลานกับเซี่ยอวี่หรงก็รีบออกมาปฏิเสธความสัมพันธ์ทันที”
“ชู่ว…พูดแบบนี้ไม่ได้นะ เดี๋ยวเรื่องไปถึงหูตระกูลซู”
เรื่องพวกนี้ก็ไปถึงหูตระกูลเซี่ยแล้วเช่นกัน
หลังจากคุณนายเซี่ยได้ยินเรื่องนี้ ก็รู้สึกโกรธจนแทบคลั่ง
“ตระกูลซูนี่เหลือเกินจริง อวี่หรงเพิ่งโดนจับไปเอง คดีก็ยังไม่ได้สืบสวนตัดสินเลย แต่ตระกูลซูกลับชิงตัดความสัมพันธ์ก่อน นี่คงเป็นเพราะไม่อยากแต่งกับตระกูลของเราสินะ”
สีหน้าของนายท่านเซี่ยก็ดูไม่ดีเช่นกัน ไม่เพียงแค่โกรธตระกูลซูเท่านั้น แต่ยังโกรธฉินมู่หลานด้วย
“พูดถึง มู่หลานก็ทำเกินไปแล้ว ส่งอวี่หรงเข้าคุกไป ตั้งแต่หล่อนเข้ามาที่บ้านของเรา ที่บ้านก็มีแต่ปัญหาไม่สงบเลย”
คุณนายเซี่ยได้ยินแบบนั้น จึงรีบหันมองชายชราทันที ก่อนจะพูดขึ้น “คุณหยุดพูดได้แล้ว เดี๋ยวฉางชิงได้ยินเข้าจะเป็นเรื่องเอา”
“มีอะไรไม่ดี หรือว่ผมพูดผิดตรงไหน มู่หลานหล่อน…”
นายท่านเซี่ยยังพูดไม่ทันจบ คุณนายเซี่ยก็รีบคว้าแขนของเขาเอาไว้ทันที
“คุณทำอะ…”
นายท่านเซี่ยขมวดคิ้วแล้วหันมองหญิงชรา นึกอยากจะถาม แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของเซี่ยฉางชิงเดินเข้ามา “พ่อ เมื่อกี้พ่อพูดอะไร”
เมื่อได้ยินแบบนี้ นายท่านเซี่ยก็รีบหุบปากแล้วไม่พูดอะไรอีก
ถึงแม้ว่าเขาจะพูดให้เข้าหู แต่ก็กลัวว่าลูกชายคนเล็กอาจไม่ได้ยินแบบเดียวกัน หากลูกชายคนเล็กได้ยินแล้วจะเป็นอย่างไร เขาจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก ตอนนี้หน้าที่การงานของลูกชายคนเล็กกำลังเฟื่องฟู เขาคาดเดาได้ ว่าต่อไปตระกูลเซี่ยจะต้องพึ่งพาลูกชายคนเล็ก เขาจึงกระแอมไปเบา ๆ แล้วเอ่ย “ไม่มีอะไร พ่อแค่บอกว่าอยากให้มู่หลานพาลูกทั้งสองคนมาด้วยครั้งหน้า พวกเราไม่ได้เห็นหน้าเด็ก ๆ มานานแล้ว”
เซี่ยฉางชิงได้ยินแบบนี้ ก็ส่งเสียงหัวเราะแล้วบอกกล่าว “ดี ต่อไปผมจะได้บอกมู่หลาน”
เมื่อเห็นว่าลูกชายคนเล็กกำลังจะออกไป คุณนายเซี่ยจึงรีบเอ่ยถาม “ฉางชิง แกกำลังจะออกไปข้างนอกเหรอ?”
“ใช่ ผมจะไปหาเติ้งซูหลาน คุยเรื่องหย่ากับหล่อนให้เรียบร้อย ถ้าหล่อนไม่ยินยอม ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมจะได้ยื่นเรื่องฟ้องหย่าเลย” หลังจากพูดประโยคนี้จบ เซี่ยฉางชิงก็ออกไปทันที
เมื่อเห็นแผ่นหลังของลูกชายคนเล็กเดินจากไป นายท่านเซี่ยก็ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “ถึงเติ้งซูหลานก่ออาชญากรรมแล้วฉางชิงจะหย่ากับหล่อน แต่ไม่รู้ว่าต่อไปจะกระทบกับหน้าที่การงานหรือเปล่า”
“นี่…เรื่องนี้จะตำหนิฉางชิงก็ไม่ได้นะ ใครใช้ให้เติ้งซูหลานฆ่าคนกันล่ะ ถ้ารู้แต่แรกว่าเติ้งซูหลานจ้างวานฆ่าคน เซี่ยฉางชิงคงหย่ากับหล่อนไปนานแล้ว”
ผู้เฒ่าทั้งสองยังคงกังวลอยู่ แต่เซี่ยฉางชิงไม่ได้คิดอะไรมาก ออกไปข้างนอกทันที
อีกด้านหนึ่ง หลังจากฉินมู่หลานตื่นนอนแต่เช้า ก็เล่นกับลูกทั้งสองคน หลังจากนั้นก็พาไปพวกเขาที่ห้องอาหารด้วย เมื่อเห็นว่าแม่และแม่สามีอยู่ที่นั่น จึงอดถามไม่ได้ “แม่คะ ทำไมวันนี้พวกแม่ถึงไม่ไปโรงงาน”
ซูหว่านอี๋ได้ยินแบบนี้ก็หันมองฉินมู่หลาน ก่อนจะพูดขึ้น “ลูกเพิ่งกลับมา เมื่อวานก็มีเรื่อง พวกเราก็ต้องอยู่ที่บ้านกับลูกสิ แต่พ่อกับน้องชายของลูกออกไปกันแล้ว ตารางงานค่อนข้างแน่น ก็เลยต้องรีบไปทำ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานจึงพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “อย่างนี้นี่เอง พวกแม่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงหนูหรอกค่ะ รีบไปทำงานเถอะ” หลังจากพูดจบ เธอก็ถามเพิ่มอีก “พ่อบุญธรรมกับปิงชิงล่ะคะ ทั้งสองกินข้าวเช้าหรือยัง?”
เมื่อพูดถึงเจี่ยงสือเหิงกับเซี่ยปิงชิง ซูหว่านอี๋ก็พูดด้วยความสงสัยนิดหน่อย “แปลกใจเหมือนกัน สือเหิงกับปิงชิงยังไม่ตื่นขึ้นมาเลย ตอนเช้ายังไม่เห็นทั้งคู่เลย”
“ใช่แล้ว ปกติเช้าขนาดนี้สือเหิงต้องตื่นแล้วนะ วันนี้ยังไม่ตื่นเลย แต่ก็ดีที่วันนี้เป็นวันหยุด ไม่อย่างนั้นเขาคงสายแล้ว”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้แววตาก็เป็นประกาย
“พ่อบุญธรรมกับปิงชิงคงยังไม่ตื่นค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือก็หันไปมอง แววตาเต็มไปด้วยความตกใจ “อะไรนะ…สือเหิงกับปิงชิงนอนด้วยกันเหรอ?”
ฉินมู่หลานเห็นสายตาของพวกเขาดูตกใจ จึงรีบโบกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว “ไม่ใช่ค่ะ เปล่าหรอก”
แต่ทั้งสองไม่เชื่อกันเลย “มู่หลาน ลูกรู้อยู่แล้ว ทำไมต้องโกหกพวกรา”
“ไม่ใช่อย่างที่พวกแม่คิดจริง ๆค่ะ เมื่อคืนปิงชิงเมาหนักมาก พ่อบุญธรรมเป็นห่วง ก็เลยอยู่เฝ้าที่นั่น”
“อ๋อ…”
ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือพูดอย่างเข้าใจความหมาย หลังจากนั้นก็ไม่พูดอีก
ฉินมู๋หลานเห็นทั้งสองเป็นแบบนี้ ก็คิดว่ามันตลกนิดหน่อย “แม่ อย่าทำแบบนี้สิคะ”
อีกด้านหนึ่ง เจี่ยงสือเหิงคอยดูแลเซี่ยปิงชิงมาตลอดหนึ่งคืนเต็ม จริง ๆ แล้วเซี่ยปิงชิงนอนหลับสนิทมากหลังจากที่เมา ไม่มีปัญหาอะไรเลย เพียงแต่ฉินมู่หลานคาดเดาเอาไว้ถูกต้องจริง ๆ สักพักเซี่ยปิงชิงก็อาเจียนออกมา โชคดีที่หล่อนเลือกอาเจียนให้ลงพื้น จึงไม่โดนตัวเองเลย
เจี่ยงสือเหิงเห็นสีหน้าของเซี่ยปิงชิงดูไม่ค่อยสบาย จึงอดถอนหายใจไม่ได้ ก่อนจะเอ่ย “ครั้งหน้าก็อย่าดื่มเยอะ ถึงจะรสชาติดี แต่ฤทธิ์แรงมาก ดูสิว่าตอนนี้คุณไม่สบายมากแค่ไหน”
แต่ตอนนี้เซี่ยปิงชิงยังเมาอยู่ ไมรู้ว่าเจี่ยงสือเหิงกำลังพูดอะไร หลังจากเธออาเจียนแล้ว ก็ทิ้งตัวนอนลงต่อ
มองดูความวุ่นวายสักพัก และเซี่ยปิงชิงก็เหมือนจะหลับตาสนิท เจี่ยงสือเหิงจึงหัวเราะพลางส่ายหัว หลังจากนั้นก็ยอมรับชะตากรรมแล้วเริ่มทำความสะอาด แต่เขากลัวว่าเซี่ยปิงชิงจะอาจเจียนอีก จึงเตรียมถังใบใหญ่เอาไว้รองรับ เพื่อให้เซี่ยปิงชิงใช้อาเจียนได้ในครั้งต่อไป
เมื่อตกดึกเที่ยงคืน เซี่ยปิงชิงก็อาเจียนอีกครั้ง เจี่ยงสือเหิงก็ช่วยทำความสะอาดต่อไป สุดท้ายเขาก็ฝืนสังขารไม่ไหว ฟุบกับขอบเตียงแล้วหลับไป
กระทั่งวันรุ่งขึ้น เมื่อเซี่ยปิงชิงตื่นขึ้นมาก็ได้เห็นเจี่ยงสือเหิงนอนฟุบอยู่ตรงปลายเตียง หลับสนิทพร้อมกับใบหน้าแสนเหนื่อยล้า