ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 404 ชะตากรรมของเติ้งซูหลานและเซี่ยอวี่หรง(2)
- Home
- ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก
- ตอนที่ 404 ชะตากรรมของเติ้งซูหลานและเซี่ยอวี่หรง(2)
ตอนที่ 404 ชะตากรรมของเติ้งซูหลานและเซี่ยอวี่หรง(2)
“เป็นเซี่ยอวี่หรงกับเติ้งซูหลานจริงด้วย ทำไมพวกหล่อนสองแม่ลูกถึงจิตใจโหดร้ายขนาดนี้ เพราะไม่อยากให้ม่านลี่เปิดโปงตนเอง เซี่ยอวี่หรงจึงสร้างสถานการณ์ให้เป็นอุบัติเหตุ ทำให้ม่านลี่เสียชีวิต”
“ใช่แล้ว ลูกสาวที่น่ารักของฉัน ทำไมลูกถึงต้องด่วนจากไปแบบนี้” คุณนายเริ่นโทษตัวเองที่ไม่ระวังมาโดยตลอด ตอนนี้เมื่อทราบว่าเป็นฝีมือของเติ้งซูหลานกับเซี่ยอวี่หรง หล่อนจึงรู้สึกโกรธทั้งสองคนจนแทบเจียนตาย
เริ่นม่านนีเห็นว่าแม่กำลังสบถด่าทอคน จึงอดพูดไม่ได้ “แม่คะ ที่นี่สถานีตำรวจนะ แม่อย่าเพิ่งด่าทอเลย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ คุณนายเริ่นจึงหยุดปาก แต่ในใจก็ยังรู้สึกโกรธมาก “ไม่ได้ ฉันอยากจะพบเซี่ยอวี่หรง”
เซี่ยอวี่หรงไม่คิดว่าคนแรกที่จะมาเยี่ยมตนจะเป็นคนตระกูลเริ่น
เมื่อเห็นเริ่นม่านนีกับพ่อแม่ของหล่อน เซี่ยอวี่หรงก็เดาจุดประสงค์ในการมาของพวกเขาได้ทันที หล่อนก้มหน้าก้มตาแล้วพูดด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม “พวกคุณมาทำอะไรกัน ฉันยอมรับโทษหมดแล้ว พวกคุณยังต้องการอะไรอีก?”
เมื่อเห็นท่าทางของเซี่ยอวี่หรงเป็นแบบนี้ คุณนายเริ่นก็รู้สึกเดือดดาลขึ้นมาทันที
“ทำไมถึงยังถามอีกว่าพวกเราต้องการอะไร เห็นได้ชัดว่าเธอทำชั่วขนาดไหน ใช้การดูตัวมาเป็นเครื่องมือล่อลวงม่านลี่ ให้หล่อนทำในสิ่งที่เธอต้องการ เธออยากจะกำจัดฉินมู่หลาน เลยให้ม่านลี่วางยาคุณนายเหยา แต่นั่นกลับทำให้ม่านลี่โดนพิษเสียเอง ทำไมเธอถึงโหดร้ายขนาดนี้”
“นั่นก็เป็นสิ่งที่เริ่นม่านลี่ต้องการเหมือนกัน ถ้าหล่อนไม่ต้องการ ก็คงไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอก” เซี่ยอวี่หรงโต้
เมื่อเห็นเซี่ยอวี่หรงดูเมินเฉยไม่สนใจ คุณนายเริ่นก็โกรธจนตัวสั่น “เธอ..เธอนี่มันมากเกินไปแล้ว”
เริ่นม่านนีที่อยู่ข้าง ๆ คว้าตัวแม่เอาไว้ แล้วบอกกล่าว “แม่คะ ตอนนี้พูดอะไรกับหล่อนก็ไม่มีประโยชน์แล้วค่ะ ยังไงหล่อนก็ไม่พ้นผิดอยู่แล้ว หล่อนต้องได้รับโทษในสิ่งที่ก่อเอาไว้”
เมื่อได้ยินแบบนี้ คุณนายเริ่นก็ค่อย ๆ สงบลง ก่อนจะเหลือบมองเซี่ยอวี่หรงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วพูดขึ้น “เธอก็เหมือนกับแม่เธอนั่นแหละ เป็นสวะสังคมกันทั้งคู่ หลังจากนี้ก็อยู่ในคุกไปเถอะ อย่าได้ออกมาทำร้ายผู้คนอีก”
เซี่ยอวี่หรงได้ยินแบบนี้ ก็เงยหน้าขึ้นจ้องมองคุณนายเริ่นด้วยแววตาแข็งกร้าว ตอนนี้หล่อนเกลียดที่จะได้ยินคำพูดแบบนี้เป็นที่สุด
คุณนายเริ่นตกใจมากเมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของเซี่ยอวี่หรง ในใจรู้สึกหวาดหวั่น จากนั้นก็ถูกเริ่นม่านนีดึงออกไป
“แม่คะ พวกเรากลับกันก่อนเถอะค่ะ”
“ได้”
หลังจากเริ่นม่านนีและอีกหลายคนกลับไป สถานที่นี้ก็กลับมาเงียบอีกครั้ง
หลังจากนั้นข่าวของเติ้งซูหลานกับเซี่ยอวี่หรงก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง ทุกคนต่างทราบว่าเติ้งซูหลานโดนตัดสินประหารชีวิต ส่วนเซี่ยอวี่หรงโดนจำคุกสองปี เพราะเติ้งซูหลานขอรับผิดเรื่องลงมือฆ่าเริ่นม่านลี่เอาไว้เพียงคนเดียว
อีกทั้งเหตุการณ์ที่เริ่นม่านลี่ตกอยู่ในอาการโคม่าก็ล้วนเป็นฝีมือของเติ้งซูหลานทั้งสิ้น เซี่ยอวี่หรงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลย โทษจึงไม่รุนแรงมาก
หลังจากฉินมู่หลานทราบข่าวเรื่องนี้ ก็อดส่ายหัวไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้น “ยังจะปล่อยให้เซี่ยอวี่หรงรอดอีก”
“ใช่ ตัดสินโทษให้เซี่ยอวี่หรงน้อยมาก”
เซี่ยปิงชิงก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน
แต่เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ฉินมู่หลานจึงไม่ได้รู้สึกอะไร
หลังจากเติ้งซูหลานกับเซี่ยอวี่หรงโดนจับเข้าคุกแล้ว ในที่สุดเซี่ยฉางชิงก็ได้รับใบหย่า
เมื่อเห็นใบหย่าตั้งวางเด่นชัดอยู่ตรงหน้า สีหน้าของเซี่ยฉางชิงก็ดูซับซ้อนยากจะอธิบาย แต่คุณนายเซี่ยก็อดจะพูดไม่ได้ “ดีเหลือเกิน สุดท้ายก็ได้หย่ากัน”
เซี่ยฉางชิงได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้า แล้วจึงพูดว่า “แม่ อีกสองวันผมจะชวนมู่หลานมากินข้าวที่บ้าน แล้วบอกให้หล่อนพาลูก ๆ มาด้วย”
ครั้นคุณนายเซี่ยได้ยินว่าฉินมู่หลานจะมากินข้าวที่นี่ นางก็มีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
“แกจะเชิญหล่อนมาทำอะไร หล่อนมาจริงฉันก็ไม่อยากจะมองหน้า เพราะฉะนั้นไม่ต้องชวนหล่อนมาหรอก”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของเซี่ยฉางชิงก็หม่นหมองลง
“แม่ ยังไงมู่หลานก็เป็นลูกสาวผม เป็นหลานสาวของแม่ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ให้หล่อนมา แล้วแม่ก็ชอบเด็ก ๆ ทั้งสองคนมากด้วยไม่ใช่เหรอ พวกเขามาบ้าน พวกเราจะได้มีความสุขกันไง”
“ผมตัดสินใจแล้ว…”
เขายังอยากพูดอะไรเพิ่มเติม แต่ก็โดนชายชราขัดจังหวะเข้าเสียก่อน
“ฉัน…”
คุณนายเซี่ยต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง ก็โดนนายท่านเซี่ยขัดขึ้นทันที “ได้ พวกเราเข้าใจแล้ว ถึงตอนนั้นก็เตรียมตัวให้ดีแล้วกัน”
เซี่ยฉางชิงได้ยินแบบนี้ก็ไม่พูดอะไรอีก
ฉินมู่หลานได้ยินว่าเซี่ยฉางชิงเชิญตนไปที่บ้านตระกูลเซี่ยแล้วก็ไม่ปฏิเสธ พยักหน้าตอบทันที “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว ถึงตอนนั้นจะพาลูก ๆ สองคนไปด้วยค่ะ”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานตอบตกลง เซี่ยฉางชิงก็ดีใจมาก นอกจากนี้ยังพูดถึงเรื่องของเติ้งซูหลานด้วย “มู่หลาน ลูกได้ข่าวเรื่องการตัดสินโทษของเติ้งซูหลานกับเซี่ยอวี่หรงแล้วหรือยัง”
“อื้ม ฉันได้ข่าวแล้วค่ะ”
ฉินมู่หลานพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา แล้วพูดขึ้น “คำตัดสินโทษของเติ้งซูหลานค่อนข้างสมเหตุสมผล แต่คำตัดสินของเซี่ยอวี่หรงเหมือนจะค่อนข้างเบาไปหน่อย”
เซี่ยฉางชิงได้ยินแบบนี้ก็พลันไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี เซี่ยอวี่หรงนับว่าเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเขาคนหนึ่งที่เขายังมีความรู้สึกหลงเหลืออยู่บ้าง แม้จะทราบว่าการกระทำของเซี่ยอวี่หรงไม่ถูกต้อง แต่ถึงอย่างนั้น…หล่อนก็ยังเป็นลูกสาวแท้ ๆ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากเห็นเซี่ยอวี่หรงต้องตกอยู่ในสภาพย่ำแย่
ฉินมู่หลานตระหนักได้ว่าสิ่งที่ตัวเองพูดไปไม่ค่อยน่าฟังมากนัก จึงยิ้มแล้วพูดขึ้น “พ่อคงไม่ชอบที่ฉันพูดตรง ๆ สินะคะ แต่ตอนนั้นเซี่ยอวี่หรงคิดจะทำร้ายฉันจริงๆ เพราะฉะนั้นฉันถึงได้พูดออกไปแบบนั้น”
เซี่ยฉางชิงได้ยินแบบนี้ก็รีบส่ายหัวทันที ก่อนจะพูดขึ้น “พ่อไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นหรอก”
“ก็ดีค่ะ”
จนกระทั่งถึงวันนัดหมาย ฉินมู่หลานก็พาเด็ก ๆ ทั้งสองคนไปที่บ้านตระกูลเซี่ย
นายท่านเซี่ยกับคุณนายเซี่ยเจอหน้าฉินมู่หลานแล้วก็ทำท่าเมินเฉย ไม่ค่อยประทับใจหลานสาวคนโตคนนี้สักเท่าใด เพราะหากไม่ใช่เธอ ตระกูลของพวกเขาคงไม่ดูเป็นพวกซื่อบื้อโง่เขลา เพียงแต่พวกเขาชอบชิงชิงกับเฉินเฉินมาก จึงปฏิบัติต่อเด็ก ๆ ทั้งสองดีมาก
ฉินมู่หลานก็ไม่ได้สนใจกับท่าทางที่สองผู้เฒ่ามีต่อเธอเหมือนกัน เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่พูดกับตัวเอง เธอก็ไม่พยายามยัดเยียด
ในทางกลับกัน เริ่นม่านนีกลับมีท่าทางกระตือรือร้นต่อฉินมู่หลานมาก
“มู่หลาน เธอมาแล้ว ล่าสุดอยู่บ้านทำอะไรเหรอ?”
“ก็ไม่ได้ทำอะไรค่ะ แค่ใช้เวลาอยู่กับพวกเด็ก ๆ สองคนที่บ้าน”
อย่าใช้มือตีคนที่ยิ้มให้
เริ่นม่านนียิ้มแล้วพูดกับเธอ ฉินมู่หลานก็ยิ้มตอบกลับไป จากนั้นทั้งสองก็เริ่มพูดคุยกันอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ว่านจี้อวิ๋นเห็นว่าลูกสะใภ้กำลังพูดคุยกับฉินมู่หลาน จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ตอนนี้หล่อนรู้สึกกลัวฉินมู่หลานนิดหน่อย สาวน้อยคนนี้ไม่ยอมคน หากอีกฝ่ายผูกใจเจ็บขึ้นมาเมื่อใด คงทำให้ชีวิตหล่อนลำบากอย่างแน่นอน
เมื่อคิดได้ดังนั้น ว่านจี้อวิ๋นจึงค่อย ๆ เข้ามาร่วมวงด้วย “จริงสิ ได้ยินว่าคุณนายเติ้งก็โดนตำรวจจับไปเหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าโดนขังแค่ไม่กี่วันก็ถูกปล่อยตัวแล้ว”
เรื่องนี้ฉินมู่หลานก็ได้ยินแล้ว แต่ก็ไม่มีปัญญาเอาผิด ในตอนนั้นหลิวฝานหาคนมาลักพาตัวเธอไม่ได้ และเติ้งซูหลานก็เป็นฝ่ายเข้ามารับช่วงต่อ เพราะฉะนั้นคุณนายเติ้งจึงไร้มลทิน
หลังจากหลายคนพูดคุยกันได้สักพัก คุณนายเซี่ยก็พูดขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “กินข้าวได้แล้ว”