ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 405 เลือกชัดเจน(1)
ตอนที่ 405 เลือกชัดเจน(1)
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายเซี่ย ทุกคนก็ไปที่ห้องกินอาหารด้วยกัน
ฉินมู่หลานนั่งลงและหยิบช้อนข้าวคันเล็กขึ้นมาส่งให้เด็กทั้งสอง ปล่อยให้พวกเขาตักกินกันเอง
คุณนายเซี่ยเห็นแบบนี้ ในที่สุดก็เปิดปากพูดด้วย “ไม่ต้องป้อนเด็ก ๆ เองหรอกเหรอ ให้ย่าช่วยป้อนพวกเขาให้ไหม”
ฝาแฝดคู่นี้น่ารักมากจริง ๆ ถึงนางจะวางท่าเย็นชาต่อหน้าฉินมู่หลาน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กทั้งสองคนแล้ว นางก็ยังแสดงท่าทางอ่อนโยนมาก
ว่านจี้อวิ๋นที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นเหมือนกัน “ใช่แล้ว ให้คุณป้าช่วยป้อนเถอะ”
หล่อนอิจฉาฝาแฝดมังกรหงส์คู่นี้มานานแล้ว น่าเสียดายที่ลูกชายกับลูกสะใภ้แต่งงานกันมาหลายปีแล้วแต่ก็ยังไม่มีลูกสักที จึงทำได้เพียงอิจฉาหลานของคนอื่นเท่านั้น
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มพลางส่ายหน้า แล้วพูดขึ้น “ไม่ต้องหรอกค่ะ พวกเด็ก ๆ กินกันเองได้”
ชิงชิงกับเฉินเฉินหยิบช้อนคันเล็กขึ้นมาแล้วเริ่มตักอาหารกินเหมือนเป็นการยืนยันคำพูดของฉินมู่หลาน ถึงแม้จะตักข้าวขึ้นมาพูนช้อน แต่เด็กทั้งสองก็ยัดเข้าไปในปากได้ ก่อนตักข้าวเข้าปากอย่างไม่หยุดหย่อน
เมื่อเห็นเด็กทั้งสองกินข้าวด้วยตัวเอง คนอื่น ๆ ต่างก็ทานทนแทบไม่ไหว โดยเฉพาะเริ่นม่านนีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พลันรู้สึกอิจฉาอย่างมาก “ชิงชิงกับเฉินเฉินน่ารักเกินไปแล้ว”
ขณะพูดก็ก้มมองหน้าท้องที่แบนราบของตัวเอง “ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ฉันจะมีลูกน่ารัก ๆ แบบนี้บ้าง”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยอวี๋เซิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็รีบพูดขึ้น “ม่านนี ไม่ต้องกังวลไป เราต้องมีลูกกันเองได้แน่นอน”
ว่านจี้อวิ๋นปรายตามองลูกชายและลูกสะใภ้ของตัวเองด้วยสีหน้าดูไม่ค่อยดีอย่างมาก เพราะพวกเขาแต่งงานมาหลายปีแล้วก็ยังไม่มีลูก หล่อนจึงวิตกกังวล เพราะเริ่นม่านนีเคยไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลมาแล้วไม่พบปัญหาอะไร แต่ก็ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะตั้งครรภ์เลย
เซี่ยฉางชิงก็อดพูดไม่ได้ “มู่หลาน ลูกรู้เรื่องการแพทย์ไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ลองจ่ายยาให้ม่านนีกินฟื้นฟูร่างกายหน่อยล่ะ”
เริ่นม่านนีอยากจะปฏิเสธ เพราะการหาหมอกินยาไม่ใช่เรื่องเล่น แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่ฉินมู่หลานเคยทำ แล้วนึกถึงยาพวกนั้นที่เธอเคยพัฒนา หล่อนจึงไม่เอ่ยปากปฏิเสธ ทำเพียงแค่ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนมู่หลานหน่อยแล้ว”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ไม่ปฏิเสธ “ถ้าพี่สะใภ้วางใจฉัน อย่างนั้นเดี๋ยวฉันขอตรวจชีพจรให้ก่อนค่ะ”
เริ่นม่านนียอมตอบตกลงและไม่พูดอะไรมาก นั่งลงถัดจากฉินมู่หลาน
ฉินมู่หลานตรวจชีพจรให้เริ่นม่านนีอย่างละเอียดก่อนจะพูดขึ้น “สุขภาพร่างกายไม่มีปัญหาอะไรค่ะ แค่ปล่อยไปตามธรรมชาติก็พอ อดทนไปอีกหน่อย ฉันจะสั่งยาจีนให้ พอได้กินก็จะดีขึ้นค่ะ”
เมื่อนึกไปถึงว่าเริ่นม่านนีกับเซี่ยอวี๋เซิงแต่งงานมาหลายปีแล้วแต่ยังไม่มีลูก ฉินมู่หลานจึงพูดขึ้นอีก “ให้ฉันตรวจให้พี่หน่อยเถอะค่ะ”
เซี่ยอวี๋เซิงปฏิเสธทันควันโดยไม่ต้องคิด
“ไม่ต้องหรอกมั้ง สุขภาพของฉันไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย” เซี่ยอวี๋เซิงรู้สึกว่าสมรรถภาพร่างกายของตัวเองค่อนข้างดี หากผู้ชายต้องให้หมอตรวจเรื่องนี้ เขาก็คงรู้สึกอาย
ว่านจี้อวิ๋นที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดเหมือนกัน “ใช่แล้วมู่หลาน ไม่ต้องตรวจอวี๋เซิงหรอก เขาแข็งแรงมากอยู่แล้ว”
“การตั้งครรภ์เป็นเรื่องของทั้งชายและหญิงค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของคุณนายเซี่ยก็มืดมนลงทันที “มู่หลาน พูดแบบนี้หมายความว่าไง หรือว่าเธอมีข้อกังขาในตัวอวี๋เซิง”
สีหน้าของเซี่ยอวี๋เซิงก็ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะจะมีชายหนุ่มคนไหนทานทนต่อการโดนดูถูกได้
เริ่นม่านนีมองหน้าคุณนายเซี่ยกับเซี่ยอวี๋เซิง ดวงตาฉายแววเหยียดหยัน สองคนนี้เห็นว่าตัวเธอเองได้รับการตรวจได้ไม่มีปัญหาอะไร แต่พอจะให้ฉินมู่หลานลองตรวจชีพจรให้เซี่ยอวี๋เซิงกลับไม่ได้ เพราะฉะนั้นปัญหาเรื่องที่ไม่มีลูกจึงลงมาที่หล่อนทั้งหมด
เมื่อพยายามสงบสติอารมณ์ลงแล้ว เริ่นม่านนีก็ยิ้มแล้วพูดขึ้น “อวี๋เซิง มู่หลานยังไม่ได้พูดอะไรเลย หล่อนบอกว่าจะสั่งยาจีนบำรุงร่างกายให้ฉันด้วย บางทีอาจจะอยากสั่งยาบรุงร่างกายให้คุณเหมือนกัน จะสั่งยาก็ต้องจับชีพจรก่อน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สุดท้ายเซี่ยอวี๋เซิงก็ยอมยื่นมือออกไปให้ฉินมู่หลานตรวจชีพจรตัวเอง
ตอนที่เซี่ยอวี๋เซิงปฏิเสธ ฉินมู่หลานเริ่มหมดความอดทนนิดหน่อย แต่ในตอนนี้เซี่ยอวี๋เซิงยื่นมือออกมาแล้ว สุดท้ายก็ยังตรวจชีพจรให้เขา
เพียงแต่จับไปได้สักพัก ใบหน้าของฉินมู่หลานก็มีแต่ความสงสัย
เห็นสีหน้าของฉินมู่หลานแล้ว ในใจของเซี่ยอวี๋เซิงก็เต้นรัว แม้ว่าลูกพี่ลูกน้องคนนี้จะอายุยังน้อย ฝีมือการรักษาจึงอาจยังไม่ดีมากนัก แต่แล้วเขาก็นึกไปถึงพวกยาพิเศษอีกหลายชนิดเช่นกัน ภายในใจจึงสับสนว้าวุ่น อยู่ ๆ ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา หรือว่าร่างกายของเขาจะผิดปกติจริง
เมื่อเห็นท่าทางของฉินมู่หลานเป็นแบบนี้ สมาชิกตระกูลเซี่ยคนอื่น ๆ ก็รู้สึกกังวลขึ้นมา
โดยเฉพาะว่านจี้อวิ๋นที่ทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงจ้องมองแล้วรีบเอ่ยถามฉินมู่หลานทันที “มู่หลาน หลานกำลังจะบอกอะไร สุขภาพของอวี๋เซิงไม่ได้มีปัญหาใช่ไหม”
ในตอนนี้ ฉินมู่หลานได้ดึงมือกลับ หันมองว่านจี้อวิ๋นแล้วบอกกล่าว “สุขภาพร่างกายไม่ได้มีปัญหาอะไรค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ว่านจี้อวิ๋นจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขณะที่กำลังจะถามว่าทำไมฉินมู่หลานถึงทำตัวแปลกแบบนั้น ฉินมู่หลานก็เอ่ยขึ้นต่อ “เพียงแต่ว่าอาจจะมีลูกได้ยาก แต่โดยรวมแล้วอย่างอื่นไม่มีปัญหาค่ะ”
“เคร้ง…”
ตอนแรกเซี่ยอวี๋เซิงที่โล่งใจไปแล้ว แต่เมื่อฉินมู่หลานถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดถึงส่วนที่เป็นปัญหาออกมาเสียงดัง ตะเกียบในมือของเขาก็ร่วงหล่นลงไป “เธอ..เธอตรวจผิดหรือเปล่า”
ฉินมู่หลานส่ายหัวด้วยความเสียใจ ก่อนจะบอกกล่าว “ฉันก็นึกอยากให้ตัวเองตรวจผิดเหมือนกันค่ะ”
เธอรู้สึกแปลกใจมาก เพราะคิดไม่ถึงว่าเซี่ยอวี๋เซิงจะมีปัญหานี้
เมื่อเห็นฉินมู่หลานพูดแบบนี้ เริ่นม่านนีก็รีบตอบกลับ
“เพราะฉะนั้น…ที่พวกเราไม่มีลูกกันสักคน ไม่ใช่ปัญหาของฉัน แต่เป็นปัญหาของอวี๋เซิงงั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ”
ฉินมู่หลานพยักหน้ายืนกราน สิ่งนี้ถือเป็นการแก้ต่างให้เริ่นม่านนีได้ เพราะหญิงสาวหลายคนที่ไม่ตั้งท้องต่างถูกสงสัยเรื่องภาวะมีบุตรยากอยู่ตลอด น้อยคนจะสงสัยผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ไม่ยุติธรรมเลย การตั้งครรภ์เป้นเรื่องของทั้งชายและหญิง จะสงสัยผู้หญิงเพียงคนเดียวได้อย่างไรกัน
“ที่ผ่านมาพี่ไปตรวจร่างกายแค่คนเดียว พี่ชายไม่ได้ไปด้วยใช่ไหมคะ”
เริ่นม่านนีพยักหน้า แล้วบอกกล่าว “ใช่แล้ว ฉันตรวจสุขภาพอยู่คนเดียวตลอด”
หลังจากพูดจบ สีหน้าของเริ่นม่านนีก็เต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อนยากจะอธิบาย
คุณนายเซี่ยนิ่งงันไปจนกระทั่งตวาดขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉียบคม “ไม่มีทาง อวี๋เซิงของเราไม่มีปัญหาอะไรหรอก เธออย่ามาใส่ร้ายอวี๋เซิง เธอเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยได้ไม่นานเอง แล้วเธอจะดูออกได้ยังไง”
ว่านจี้อวิ๋นกับเซี่ยฉางหมิงก็ต้องเข้าข้างลูกชายตัวเองอยู่แล้ว ทั้งสองจึงไม่อยากเชื่อสิ่งที่ยินแล้วพูดขึ้น “ใช่แล้วมู่หลาน เธอตรวจผิดหรือเปล่า อวี๋เซิงของเราไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
ในทางกลับกัน เซี่ยฉางชิงกลับหันมองฉินมู่หลานแล้วเอ่ยถามด้วยความกังวล “แล้วอาการของอวี๋เซิงยังรักษาได้ไหม?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็พยักหน้าอย่างหนักแน่นแล้วบอกกล่าว “รักษาได้ แต่ต้องใช้เวลาค่ะ ประมาณสองสามปีจึงจะฟื้นตัว”
เซี่ยฉางชิงได้ยินแบบนี้ ก็มองตรงไปที่เซี่ยอวี๋เซิงแล้วพูดขึ้น “อวี๋เซิง มีปัญหาก็ต้องรักษา มู่หลานบอกว่าสามารถรักษาให้กลับมาเหมือนเดิมได้ เพราะฉะนั้นตั้งแต่นี้ไปพี่กินยาบำรุงก็พอแล้ว”