ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 406 เลือกชัดเจน(2)
ตอนที่ 406 เลือกชัดเจน(2)
แต่ถึงอย่างนั้นเซี่ยอวี๋เซิงกลับไม่ค่อยเชื่อ “คุณอาครับ ผมมั่นใจว่าไม่ได้มีปัญหา ผม…”
ตอนแรกเขาจะบอกว่าตัวเองไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องบนเตียง ฉินมู่หลานคงตรวจผิด เพียงแต่มันไม่ง่ายเลยที่จะพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าทุกคน
แต่คุณนายเซี่ยก็พูดขึ้นด้วยสีหน้ารำคาญ “ฉางชิง แกกำลังพูดเรื่องอะไร อวี๋เซิงจะไปมีปัญหาได้ยังไง มู่หลานคงตรวจผิดไปเองนั่นแหละ”
“ใช่แล้วฉางชิง มู่หลานคงตรวจผิดแหละ”
ว่านจี้อวิ๋นก็รู้สึกว่าลูกชายตัวเองไม่ได้มีปัญหาตรงไหน จึงพูดจาตำหนิฉินมู่หลานอย่างเปิดเผยในเรื่องที่บอกว่าลูกชายหล่อนมีปัญหา
ฉินมู่หลานเห็นเซี่ยอวี๋เซิงกับพวกคุณนายเซี่ยต่างดูไม่ค่อยเชื่อ จึงไม่พูดพร่ำทำเพลงอีกต่อไป
“ถ้าทุกคนคิดว่าฉันตรวจผิด อย่างนั้นฉันก็คงตรวจผิดนั่นแหละค่ะ” ฉินมู่หลานเห็นว่าเด็ก ๆ สองคนกินข้าวใกล้เสร็จแล้ว เมื่อเห็นท่าทางของเซี่ยอวี๋เซิงกับคนอื่น ๆ ดูไม่ค่อยเชื่อถือ จึงไม่อยากอยู่ต่อไป ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “พวกเรากินอิ่มแล้ว ขอตัวกลับก่อนนะคะ”
เซี่ยฉางชิงเห็นฉินมู่หลานกำลังจะไป จึงลุกขึ้นแล้วรีบร้องบอก “มู่หลาน ยังอยู่ได้ไม่นานเท่าไหร่เลย ลูกกับพวกเด็ก ๆ อยู่ต่ออีกสักหน่อยแถอะ”
ทว่านอกจากเซี่ยฉางชิงแล้ว คนอื่นกลับไม่พูดอะไร เริ่นม่านนียังใช้เวลาสรุปข้อสงสัยอยู่ ขณะหลายคนต่างคัดค้านคำพูดของฉินมู่หลาน ทำให้รู้สึกได้จากสามัญสำนึกว่าเธอกำลังพูดโกหก จึงไม่รั้งให้คนอยู่ต่อเช่นกัน
ขณะที่ฉินมู่หลานกำลังจะพาลูกทั้งสองคนกลับไป เธอก็เจอคุณนายเติ้งตรงหน้าประตูบ้านพอดี
ตอนแรกคุณนายเติ้งหวังมาสร้างปัญหาที่บ้านตระกูลเซี่ย แต่ไม่คิดว่าจะได้เจอฉินมู่หลาน เมื่อได้เจออีกครั้ง สายตาของคุณนายเติ้งก็ดูจงเกลียดจงชังชัดเจน “ฉินมู่หลาน ที่แท้แกก็อยู่ที่นี่เอง ไม่ต้องพยายามอะไรหรอกนะ ฉันจะทึ้งหัวแกเอง”
เซี่ยฉางชิงยืนอยู่ข้างฉินมู่หลาน เมื่อเห็นคุณนายเติ้งตรงปรี่เข้ามาหาเธอ จึงรีบดึงฉินมู่หลานเข้าไปหลบข้างหลังทันที ก่อนพูดอย่างไม่ปรานี “คุณนายเติ้ง ถ้าคุณยังทำแบบนี้อีก พวกเราจะไม่สุภาพแล้วนะ”
คุณนายเติ้งเห็นเซี่ยฉางชิงพูดแบบนี้ ก็แค่นหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะพูดขึ้น “ฉันก็อยากจะเห็นว่าเธอจะหยาบคายได้แค่ไหน วันนี้ฉันจะสู้ให้จบกันไปข้าง”
นางคิดไม่ถึงว่าเซี่ยฉางชิงจะใจร้ายได้ขนาดนี้ เขาหย่ากับลูกสาวภายในช่วงเวลาสั้นๆ แถมตอนนี้ก็ไม่ต้องการเซี่ยอวี่หรงอีกแล้ว ผู้ชายคนนี้ช่างมีจิตใจอำมหิตนัก
คุณนายเซี่ยที่นั่งอยู่ด้วยสีหน้ายับยู่น่าเกลียดได้ยินเสียงดังออกมาจากข้างนอก จึงลุกขึ้นเดินออกมาทันที เมื่อเห็นว่าเป็นคุณนายเติ้ง นางก็โมโหขึ้นมาเช่นกัน “คุณนายเติ้ง เธอกล้าดียังไงมาอยู่ตรงหน้าบ้านเรา ตระกูลของเราไม่ได้ข้องเกี่ยวกับตระกูลของพวกเธออีกแล้ว เธอรีบออกไปซะ”
เดิมทีนางก็ไม่สบายใจเพราะสิ่งที่ฉินมู่หลานพูดกับหลานชายคนโตอยู่แล้ว เมื่อเห็นคุณนายเติ้งในตอนนี้ จิตใจจึงรู้สึกย่ำแย่ลงกว่าเดิม
คุณนายเติ้งคาดไม่ถึงว่าไม่ได้เจอหน้ากันเพียงไม่กี่วัน ตระกูลเซี่ยกลับกล้าทำกับนางแบบนี้
แต่ตอนนี้นางกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากถึงขีดสุด สมาชิกในครอบครัวต่างตำหนิที่นางร่วมมือกับเติ้งซูหลานเพื่อกำจัดฉินมู่หลาน นางจึงทนอยู่บ้านแทบไม่ไหว อีกทั้งลูกสาวก็โดนตัดสินโทษประหารชีวิตอีก ทำให้นางรู้สึกไร้ผู้ร่วมทางเดินเคียงข้างและโกรธตระกูลเซี่ยมาก ครั้นไม่คิดว่าการมาครั้งนี้จะได้พบฉินมู่หลาน จึงรู้สึกคลุ้มคลั่งอยากสู้สักตั้ง
“เหอะ…ตระกูลเซี่ยของพวกเธอนี่โหดร้ายจัง กล้าดียังไงมาไล่ให้ฉันออกไป ฉันจะบอกอะไรพวกเธอให้นะ ฉัน…”
เพียงแต่คุณนายเติ้งยังพูดไม่ทันจบ ก็โดนคุณนายเซี่ยขัดขึ้นเสียก่อนแล้ว “คุณนายเติ้ง ถ้าเธอยังไม่ไป ก็อย่าโทษว่าพวกฉันหยาบคายนะ”
“เธอ…”
แต่คุณนายเซี่ยเอาจริง นางยังไม่หายโกรธเรื่องที่หลานชายคนโตจะไม่สามารถมีลูกได้ ตอนนี้เมื่อมาเห็นท่าทางอวดดีของคุณนายเติ้งอีก สีหน้าจึงดูไม่ค่อยดี แล้วสั่งให้คนพาตัวคุณนายเติ้งออกไป
“กรี๊ด…ตระกูลเซี่ยของพวกเธอต้องไม่ตายดีแน่”
คุณนายเติ้งกรีดร้อง แล้วโดนลากตัวออกไป
ฉินมู่หลานไม่คิดว่าคุณนายเซี่ยจะเอาจริงแบบนี้ ขณะเดียวกันก็ตระหนักได้ว่าเรื่องที่เซี่ยอวี๋เซิงไม่สามารถมีบุตรได้นั้นมีผลกระทบต่ออารมณ์ของคุณนายเซี่ยอย่างมาก ต่อให้พวกเขาจะไม่เชื่อเธอ แต่ในใจพวกเขาก็คงเป็นกังวล
คิดได้แบบนี้ ฉินมู่หลานก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ที่จริงแล้วฉันช่วยรักษาปัญหาของพี่ชายให้ได้จริง ๆ นะคะ ขอแค่ดูแลตัวเองให้ดี แล้ว…”
เพียงแต่ฉินมู่หลานยังไม่ทันพูดจบ คุณนายเซี่ยก็ขัดขึ้นเสียก่อน
“เธอจะไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังไม่ไปอีก พวกเราบอกแล้วไงว่าอวี๋เซิงไม่มีปัญหาอะไร”
เมื่อเห็นคุณนายเซี่ยพูดแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ขี้เกียจจะพูดพล่ามอะไรอีก ก่อนจะบอกกล่าวตามตรง “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนค่ะ”
หลังจากพูดจบก็พาเด็กทั้งสองออกจากบ้านตระกูลเซี่ยโดยไม่หันกลับมามองอีก
เซี่ยฉางชิงจึงอดไล่ตามไปเสียไม่ได้
“มู่หลาน พวกคุณย่าก็แค่กังวลเรื่องของอวี๋เซิง ลูกอย่าใส่ใจเลยนะ”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็บอกกล่าวตามตรง “ฉันไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้วค่ะ เซี่ยอวี๋เซิงมีปัญหาแบบนี้ คงทำให้พวกเขาทำใจยอมรับลำบาก”
เซี่ยฉางชิง “…”
ถึงแม้จะเป็นกรณีอย่างนี้ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะรับมือในสิ่งที่ลูกสาวพูดอย่างไรเช่นกัน สุดท้ายจึงได้แต่พูดว่า “ครั้งหน้าก็พาเด็ก ๆ มาอีกนะ”
แต่ฉินมู่หลานกลับพูดอย่างอิดออด “เอาไว้ค่อยพูดกันนะคะ ฉันเห็นว่าคุณปู่กับคุณย่าไม่ค่อยยินดีต้อนรับฉันสักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นไม่ต้องพยายามมีความสุขกับฉันหรอกค่ะ ถ้าไม่อยากให้ฉันมา ฉันก็จะไม่มาแล้ว เพราะฉันเองก็ขี้เกียจมาที่นี่เหมือนกัน”
“มู่หลาน…”
เซี่ยฉางชิงไม่คิดว่าลูกสาวจะพูดแบบนี้ เขาสัมผัสความรู้สึกที่ออกมาได้ว่าลูกสาวไม่อยากมาบ้านตระกูลเซี่ยจริง ๆ
ทั้งนายท่านเซี่ยและคนอื่นต่างก็ได้ยินคำพูดนี้ ตอนนี้ทุกคนจึงขมวดคิ้วแล้วหันมองฉินมู่หลาน
ฉินมู่หลานก็หันไปมองเหมือนกัน แล้วพูดขึ้น “ที่ฉันกลับมาตระกูลเซี่ยก็เพื่อจะกลับมาสืบหาความจริงและทวงคืนความยุติธรรมให้กับแม่แท้ ๆ ของฉัน ตอนนี้เติ้งซูหลานโดนโทษอย่างสาสมแล้ว ดังนั้นเรื่องทุกอย่างก็เป็นอันจบ ถ้าทุกคนไม่อยากเจอฉันก็ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงซะฉันก็ไม่ได้อยากมาอยู่แล้ว”
พูดประโยคนี้จบ ฉินมู่หลานก็หันไปหาเซี่ยฉางชิง แล้วก้มหน้าให้ ก่อนจะพูดขึ้น “วันนี้ฉันขอกลับก่อนนะคะ”
ฉินมู่หลานไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งที่ตัวเองพูด สาเหตุที่ซูหว่านอวี๋ตาย ครึ่งหนึ่งก็มาจากฝีมือของเติ้งซูหลาน ส่วนอีกครึ่งก็มาจากเซี่ยฉางชิง หากเขาไม่ล่อลวงหล่อน ไม่ได้เป็นคนทิ้งหล่อนไป ซูหว่านอวี๋ก็คงไม่ต้องตาย เพราะฉะนั้นเซี่ยฉางชิงก็มีส่วนต้องรับผิดชอบเหมือนกัน
เรื่องที่ซูหว่านอี๋ยังเกลียดเซี่ยฉางชิงจนถึงตอนนี้ก็ไม่ได้ไร้เหตุผล
ตอนนี้ฉินมู่หลานล้างแค้นให้แม่แท้ ๆ ได้แล้ว และตระกูลเซี่ยก็เหมือนจะไม่อยากมองหรือหายใจใกล้เธอเสียด้วยซ้ำ แล้วเธอจะเอาอกเอาใจพวกเขาต่อไปเพื่ออะไร
เซี่ยฉางชิงเฝ้ามองร่างที่เดินจากไปของฉินมู่หลาน สติล่องลอยออกไปเป็นเวลานาน