ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 407 รวมตัว(1)
ตอนที่ 407 รวมตัว(1)
คุณนายเซี่ยได้ยินสิ่งที่ฉินมู่หลานพูดชัดเจน เมื่อเห็นเธอจากไปแล้ว ในใจก็ลุกโชนไปด้วยโทสะทันที “ฉินมู่หลานหมายความว่ายังไง ที่แท้หล่อนกลับเข้าตระกูลก็เพื่อจะตรวจสอบเติ้งซูหลาน ไม่ได้อยากกลับเข้าตระกูลจริง ๆ อย่างนั้นใช่ไหม หล่อนนี่เหลือเกินจริง ๆ ฉางชิงใจดีกับหล่อนขนาดไหน ทำไมหล่อนถึงได้ทำตัวแบบนี้”
“แม่ ไม่ต้องพูดแล้ว”
เซี่ยฉางชิงห้ามปรามคุณนายเซี่ยทันที ต่อให้กำลังเจ็บปวดกับท่าทางของฉินมู่หลาน แต่เขาก็ไม่อยากได้ยินแม่พูดถึงลูกสาวตัวเองแบบนั้น
คุณนายเซี่ยเห็นลูกชายมีท่าทางเช่นนี้ จึงพูดอย่างไม่ได้ดั่งใจ “ฉางชิง ฉินมู่หลานก็พูดแบบนั้นแล้ว แกยังจะปกป้องหล่อนอีกเหรอ แล้วชื่อแซ่ของหล่อนก็ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่ไม่คิดอยากจะเปลี่ยน ที่แท้ก็ไม่เคยมองพวกเราเป็นคนในครอบครัวเลย หล่อนไม่ได้นับถือแกเป็นพ่อเสียด้วยซ้ำ”
“พอแล้ว แม่เฒ่า แค่นี้ฉางชิงก็เจ็บปวดมากพอแล้ว จะไปซ้ำเติมเขาอีกทำไม”
นายท่านเซี่ยจ้องมองคุณนายเซี่ย เพื่อขอให้นางหยุดพูด
คุณนายเซี่ยเห็นว่าสีหน้าของลูกชายคนเล็กดูไม่ค่อยดี จึงไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ก็ไปพูดกับหลานชายคนโตอีกครั้งอย่างเสียไม่ได้ “ตกลง ฉันไม่พูดแล้ว แต่ฉินมู่หลานพูดแบบนั้นกับอวี๋เซิงได้ยังไงกัน หล่อนอยากให้ครอบครัวของเรามีปัญหาหรือ”
เริ่นม่านนีเห็นว่าคุณนายเซี่ยกำลังคิดหลอกตัวเอง จึงพูดด้วยน้ำเยือกเย็นขึ้นมา “คุณย่าคะ มู่หลานผลิตยาพิเศษที่ทรงประสิทธิภาพได้ขนาดนั้น คงไม่ต้องตั้งข้อสงสัยเรื่องทักษะทางการแพทย์ของหล่อนหรอกค่ะ หล่อนบอกว่าอวี๋เซิงมีปัญหา ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ควรใส่ใจ หากว่าพวกเราละเลยและปล่อยให้อวี๋เซิงเป็นต่อไป มันจะไม่เป็นการทำร้ายอวี๋เซิงหรอกหรือคะ”
เดิมทีหล่อนไม่อยากพูดถึงเรื่องพวกนี้ แต่สุดท้ายมันก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับสามีตัวเอง และหล่อนก็อยากจะสืบดูว่าสาเหตุที่ทั้งสองไม่มีลูกกันมานานหลายปีเป็นปัญหาของใครกันแน่ หล่อนอยากจะลองตรวจดู เพื่อที่ต่อไปตระกูลเซี่ยจะได้ไม่กดดันตัวหล่อนอีก
หลังจากเริ่นม่านนีเอ่ยขึ้น อยู่ ๆ บรรยากาศโดยรอบก็เงียบลง
ในใจของคุณนายเซี่ยอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็รู้สึกว่าภรรยาของหลานชายคนโตพูดมีเหตุผล หากหลานชายคนโตมีความผิดปกติจริงแล้วพวกเขาเป็นฝ่ายละเลย มันคงสายเกินแก้จริง ๆ
ว่านจี้อวิ๋นที่อยู่ข้าง ๆ ก็อ้าปาก จากนั้นก็พูดขึ้น “พวกเราก็หยุดคุยเรื่องนี้กันก่อนเถอะ เดี๋ยวให้อวี๋เซิงกับม่านนีไปตรวจที่โรงพยาบาล ครั้งนี้ทั้งสองคนไปตรวจกันให้หมดเลย”
“ค่ะ”
เริ่นม่านนีเห็นด้วยในทันที แต่เซี่ยอวี๋เซิงกลับลังเลขึ้นมานิดหน่อย เพราะรู้สึกกลัว…กลัวว่าตัวเองจะมีปัญหาจริง ๆ “ต้องไปจริงเหรอ ผมว่าตัวเองไม่ได้มีปัญหาอะไรนะ”
หลังจากเขาแต่งงานกับเริ่นม่านนี ก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างกลมเกลียว
เริ่นม่านนียืนกรานหนักแน่น “ไป คุณต้องไปค่ะ”
เมื่อเห็นภรรยาเป็นแบบนี้ เซี่ยอวี่เซิงก็รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ยอมไปด้วยกัน เขาต้องการพิสูจน์ว่าฉินมู่หลานตรวจผิด
และแล้ว
ความจริงอันโหดร้ายก็ปรากฎ เมื่อเซี่ยอวี๋เซิงเห็นผลการตรวจที่อยู่ในมือ คนทั้งคนก็รู้สึกย่ำแย่
“ทำไมถึง…ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้”
สีหน้าของเริ่นม่านนีก็ไม่ค่อยดีนัก กลายเป็นว่าสามีมีปัญหาจริง ๆ หล่อนยืนกรานแล้วว่าตนไปหาหมอมาทุกปี ทุกคนต่างบอกว่าหล่อนไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็ยังไม่มีโชคชะตาให้ตั้งครรภ์สักที ปรากฎว่ามันไม่ใช่เรื่องอับโชคอะไร แต่กลายเป็นสามีหล่อนที่ไร้น้ำยาเอง ซึ่งแน่นอนว่าหล่อนคนเดียวไม่สามารถทำให้ตัวเองตั้งครรภ์ได้
เริ่นม่านนีสูดหายใจลึก แล้วหันมองเซี่ยอวี๋เซิงก่อนจะพูดขึ้น “อวี๋เซิง เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว เราต้องยอมรับแล้วเผชิญหน้ากับมันอย่างกล้าหาญ คุณอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลย มู่หลานก็เคยบอกไม่ใช่เหรอว่าขอเพียงคุณดูแลตัวเองให้ดี อีกสักสองสามปีก็จะหาย เพราะฉะนั้นมันขึ้นอยู่กับเวลานะคะ”
เซี่ยอวี๋เซิงก็นึกถึงสิ่งที่ฉินมู่หลานเคยพูดก่อนหน้านี้เช่นกัน ในใจจึงค่อย ๆ สงบลง ขณะเดียวกันก็มีความมั่นใจขึ้นอีกครั้ง “ใช่ ฉินมู่หลานบอกว่าดูแลตัวเองให้ดีก็หาย ถ้าอย่างนั้นอาการของผมก็น่าจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร บางทีหมอคนอื่นอาจรักษาผมให้หายได้เร็วกว่านั้นได้”
หลังจากพูดจบ เซี่ยอวี๋เซิงก็ลุกขึ้นยืนทันที
“ม่านนี พวกเราลองไปถามหมอกัน คุณหมอคงช่วยวางแผนการรักษาได้แน่นอน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เริ่นม่านนีก็ลุกขึ้นยืนด้วย ตั้งหน้าตั้งตาเฝ้ารอเช่นกันว่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะมีวิธีที่ดีกว่านี้เพื่อลดระยะเวลาในการรักษาหรือไม่
หลังจากทั้งสองเข้าไปหาคุณหมอพร้อมผลการตรวจ หมอคนนั้นก็อ่านผลตรวจอย่างละเอียด จากนั้นก็มองเซี่ยอวี๋เซิงด้วยความสงสาร แล้วพูดขึ้น “นึกไม่ถึงว่าคุณอายุยังน้อย แต่น้ำเชื้อกลับใช้การไม่ได้แล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ใบหน้าของเซี่ยอวี๋เซิงก็แข็งทื่อ รู้สึกเหมือนเสียศักดิ์ศรีชายชาตรี แต่เขาก็พยายามฝืนยิ้ม แล้วเอ่ยถาม “หมอครับ แล้วจะรักษาปัญหานี้ได้ยังไง พวกเราแต่งงานมาหลายปีแล้วยังไม่มีลูกเลย ตอนนี้วางแผนอยากจะมีสักคน”
หมอคนนั้นส่ายหัวด้วยความเสียใจพลางกล่าวขึ้น “เรื่องนี้เราก็จนปัญญาครับ คุณทำให้ภรรยาของคุณตั้งครรภ์ไม่ได้แน่นอน พวกคุณสองคนถูกกำหนดมาให้ไม่มีลูก”
“อะไรนะ…”
เซี่ยอวี๋เซิงกล่าวพร้อมสีหน้าเหลือเชื่อก่อนจะพูดขึ้น “หมอ คุณเป็นหมอประสาอะไรถึงพูดแบบนี้หา”
หมอเองก็เข้าใจว่าผู้ชายย่อมยอมรับความจริงเรื่องนี้ได้ค่อนข้างยาก จึงพยายามอธิบายอีกครั้ง หลังจากนั้นก็กล่าวต่อ “ต่อให้พวกคุณจะมีลูกไม่ได้ แต่ถ้าอยากมีจริง ๆ ก็ไปรับอุปการะบุตรเอาก็ได้นะครับ”
ในตอนนั้นเอง เซี่ยอวี๋เซิงก็ได้เข้าใจแล้วว่าหมอคนนี้จนปัญญาในการรักษาอาการของเขาจริงๆ
“หมอครับ คุณเข้าใจผิดหรือเปล่า ปัญหาของผมไม่น่าจะร้ายแรงขนาดนั้นนะ ก่อนหน้านี้มีคนบอกผมว่าดูแลตัวเองไปอีกสักสองสามปีก็จะหาย ทำไมคุณถึงบอกว่าไม่มีทางรักษาล่ะครับ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หมอคนนั้นก็ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถาม “ใครบอกครับ น้ำเชื้อของคุณแทบไม่มีอสุจิเลย โดยทั่วไปแล้วไม่มีทางที่ภรรยาของคุณจะตั้งครรภ์ได้ คนก่อนหน้านั้นคงหลอกคุณแล้วล่ะครับ”
เมื่อเห็นหมอพูดด้วยท่าทางมั่นใจมาก เซี่ยอวี๋เซิงก็ตื่นตระหนก
“ไม่มีทาง มู่หลานไม่จำเป็นต้องโกหกผมหรอก”
ตอนแรกเริ่นม่านนีก็ตื่นตระหนกเช่นกัน แต่ไม่นานก็ดึงสติกลับมาได้ แล้วกระตุกแขนเสื้อของเซี่ยอวี๋เซิงก่อนจะพูดขึ้น “อวี๋เซิง พวกเรากลับกันก่อนเถอะค่ะ”
“ไม่นะ ผม…”
เซี่ยอวี๋เซิงไม่อยากกลับไปอยู่แล้ว เขาต้องการถามเรื่องของตัวเองอีกครั้ง แต่เขายังพูดไม่ทันจบ ก็โดนเริ่นม่านนีลากตัวออกไปก่อน
หลังจากทั้งสองออกไปข้างนอกแล้ว เซี่ยอวี๋เซิงก็พูดขึ้นอย่างหงุดหงิด “ม่านนี คุณทำอะไรน่ะ หมอคนนั้นคงคิดผิดแล้ว ผมยังอยากถามเขาอีกนะ”
“คุณดูไม่ออกเหรอคะว่าหมอคนนี้รักษาอาการของคุณไม่ได้”
“เขา…”
เซี่ยอวี๋เซิงอยากจะปฏิเสธ แต่แล้วในใจก็ตระหนักขึ้นได้ ตอนนี้เขาทราบแล้วว่าหมอคนคนนั้นไม่สามารถรักษาอาการของเขาได้ “แล้วจะทำยังไง หรือว่าทั้งหมดที่ผมทำได้ก็คือทำใจ?”
เซี่ยอวี๋เซิงทิ้งตัวนั่งลงด้วยสีหน้าสิ้นหวัง ใบหน้าราวกับกำลังจะร้องไห้
เริ่นม่านนีเห็นสามีเป็นแบบนี้ จึงอดพูดไม่ได้ “มู่หลานบอกว่าคุณจะต้องหายดี ถ้าอย่างนั้นอาการของคุณจะต้องหายได้แน่นอน อย่าเพิ่งเศร้าไปเลยค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยอวี๋เซิงก็รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย
“จริงด้วย มู่หลานบอกว่าหล่อนรักษาผมได้”
เมื่อคิดเช่นนี้ เขาก็เริ่มคิดว่าหมอที่เจอวันนี้ค่อนข้างมีปัญหา “หมอคนนี้ใช้ไม่ได้เลย พวกเราเปลี่ยนไปตรวจโรงพยาบาลอื่นกันเถอะ”
เมื่อเห็นสีหน้าของเซี่ยอวี๋เซิงดูไม่ค่อยมั่นใจ เริ่นม่านนีก็ไม่พูดอะไรมาก แล้วไปตรวจที่โรงพยาบาลอื่น ทว่าทั้งคู่ไปมาหมดทุกโรงพยาบาลในเมืองหลวงแล้ว ทุกที่ต่างบอกว่ารักษาอาการของเซี่ยอวี๋เซิงไม่ได้ คนเดียวที่บอกว่าพอจะมีหวังคือหมอที่อยู่ในโรงพยาบาลแพทย์แผนจีน เพียงแต่หมอคนนั้นดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก