ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 417 พิเศษ(1)
ตอนที่ 417 พิเศษ(1)
เซี่ยฉางเจี๋ยได้ยินสิ่งที่ลูกสาวคนเล็กพูด สีหน้าก็ตกใจสุดขีด
“อะไรนะ…แกจะพาเจี่ยงสือเหิงกลับไปซีอานเหรอ?” ที่เขาเพิ่งพูดไปแบบนั้น เป็นเพราะทราบดีว่าพ่อคงไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน คิดไม่ถึงว่าลูกสาวคนเล็กจะมีความคิดเช่นนี้
เซี่ยปิงชิงพยักหน้าพลางบอกกล่าว “ใช่ หนูจะพาสือเหิงไปซีอานด้วย ให้คุณปู่เห็นด้วยตัวเองว่าคนที่หนูเลือกนั้นดีกว่าเฟิงจื่อจวิ้นคนที่เขาเลือกหลายขุม”
หลังจากพูดจบ เซี่ยปิงชิงก็หันไปถามเจี่ยงสือเหิง “คุณจะพอมีเวลาว่างไหมคะ พวกเราไปเที่ยวซีอานกัน”
หลังจากพูดก็ขยิบตาให้เขา เพื่อให้เขาตอบตกลงโดยเร็ว
เจี่ยงสือเหิงพยักหน้าแล้วบอกกล่าวตามตรง “ช่วงนี้ไม่มีโครงการอะไร เพราะฉะนั้นผมมีเวลาว่าง ไปซีอานกับพวกคุณได้อยู่แล้ว”
เมื่อเห็นเจี่ยงสือเหิงพยักหน้าตอบตกลง แววตาของเซี่ยปิงชิงก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นก็ดีมากแลย ไม่ต้องรอแล้ว พวกเราไปกันพรุ่งนี้เลย”
“ได้สิ”
แววตาของเจี่ยงสือเหิงเต็มไปด้วยความหลงใหล เซี่ยปิงชิงพูดอะไรก็เป็นอย่างนั้น
เซี่ยฉางเจี๋ยที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เซี่ยปิงชิง ทำไมแกถึงพูดอะไรง่าย ๆ แบบนั้น แกรีบร้อนพาไปเขาเจอคุณปู่ ไม่กลัวท่านโกรธเอาหรือ”
เซี่ยปิงชิงได้ยินแบบนี้ก็เหลือบมองพ่อตัวเองแล้วพูดขึ้น “พ่อบอกเองไม่ใช่เหรอว่าขอแค่คุณปู่เห็นด้วย พ่อก็จะไม่ว่าอะไรอีก ถ้าอย่างนั้นหนูก็ต้องให้คุณปู่ได้พบเจี่ยงสือเหิงด้วยตัวเองสิ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยฉษงเจี๋ยก็พูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง เขาเองก็พูดไม่ได้ว่าเมื่อสักครู่เพียงแค่ตอบตกลงไปส่งเดช
ในเมื่อพูดกับลูกสาวคนเล็กไม่ได้ เซี่ยฉางเจี๋ยจึงหันมองฉินมู่หลานแล้วพูดขึ้น “มู่หลาน พวกเราไม่ได้มาปักกิ่งเสียตั้งนาน ไม่ได้เจอคุณปู่ของเธอนานแล้ว พรุ่งนี้จึงว่าจะไปหาท่าน”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ขมวดคิ้ว เขาคิดอยากจะเปลี่ยนเรื่องอย่างนั้นหรือ แต่เซี่ยฉางเจี๋ยจะทำอะไร เธอก็ไม่ขัดอยู่แล้ว “ในเมื่อคุณอาตัดสินใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ก็เข้าไปเถอะค่ะ ส่วนใหญ่คุณปู่จะอยู่ที่บ้านตลอด”
“มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้พวกเราเข้าไปด้วยกันเถอะ”
ฉินมู่หลานยังไม่ทันได้ตอบตกลง เซี่ยปิงชิงก็พูดขึ้นเสียก่อน “มู่หลานก็มีธุระของตัวเองที่ต้องทำ จะมีเวลาไปที่นั่นกับพ่อได้ยังไง”
เซี่ยฉางเจี๋ยปรายตามองลูกสาวคนเล็กก่อนจะพูดขึ้น “แกไม่ใช่มู่หลาน จะมาตัดสินใจแทนทำไม”
หลังจากพูดจบก็หันมองฉินมู่หลานอีกครั้ง
ฉินมู่หลานเห็นแบบนี้ก็ยกยิ้มแล้วเอ่ย “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ฉันจะเข้าไปกับคุณอาคุณน้า หลังจากไปที่บ้านตระกูลเซี่ยแล้ว ฉันจะไปซีอานพร้อมกับพ่อบุญธรรมและพวกปิงชิงด้วย ฉันไม่เคยไปซีอานเลย อยากจะไปเดินเที่ยวดูสักหน่อย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยฉางเจี๋ยก็ดูแปลกใจ
“มู่หลาน เธอจะไปซีอานกับพวกเราจริงเหรอ?”
กระทั่งเจี่ยงสือเหิงก็อดหันไปมองเสียไม่ได้ แล้วเอ่ยถาม “มู่หลาน ถ้าลูกไม่มีเวลา พ่อไปกับปิงชิงแค่สองคนก็พอแล้ว ลูกอยู่ดูแลเด็กทั้งสองที่นี่เถอะ”
ฉินมู่หลานคิดถึงปัญหานี้เอาไว้แล้ว เธอจึงยิ้มแล้วเอ่ยตามตรง “ฉันจะพาเด็ก ๆ ทั้งสองคนไปด้วยค่ะ พวกเขาจะได้เดินทางเยอะ ๆ”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานพูดแบบนั้น ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือก็ลังเลที่จะให้ไปนิดหน่อย เด็กสองคนเพิ่งจะกลับมา แต่จะไปซีอานอีกแล้ว ตอนนี้ทั้งสองจึงรู้สึกเศร้าใจ
แต่แล้วฉินมู่หลานก็หันไปมองแล้วบอกพวกหล่อน “แม่คะ พวกแม่อยากจะไปเที่ยวด้วยกันไหมคะ ที่โรงงานก็มีพี่สะใภ้คอยดูแลอยู่แล้ว พวกแม่สองคนหยุดพักผ่อนกันสักสองสามวันคงไม่เป็นไร”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือก็หันมองฉินมู่หลาน แล้วเอ่ยถาม “ได้จริงเหรอ?”
“ได้แน่นอนอยู่แล้วค่ะ พวกแม่เองก็ยังไม่เคยไปซีอานเลยใช่ไหมคะ”
“ใช่ ไม่เคย”
ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือได้ยินมู่หลานบอกแบบนั้น จึงเริ่มรู้สึกอยากไปขึ้นมา
เซี่ยปิงหรุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ ก็กล่าวเช่นกัน “น้าซูน้าเหยา พวกน้าไปด้วยกันเถอะค่ะ หนูก็อยากให้พวกน้ากลับไปด้วยเหมือนกัน ทุกคนจะได้ไปเที่ยวซีอานด้วยกัน หนูจะเป็นเจ้าบ้านให้พวกน้าเอง ไปด้วยกันเยอะ ๆ ต้องสนุกมากแน่ค่ะ”
ซูหว่านอี๋ยังลังเลนิดหน่อยเมื่อนึกถึงสามีกับลูกชาย
“แต่ว่า…ไม่รู้ว่าเจี้ยนเซ่อกับเคอวั่งจะไปด้วยหรือเปล่า”
เหยาจิ้งจือที่อยู่ข้าง ๆ พูดขึ้น “หว่านอี๋ ที่บ้านคนตั้งเยอะแยะ เธอยังต้องห่วงเจี้ยนเซ่อกับเคอวั่งอีกเหรอ พวกเขาไม่เป็นไรหรอก ฉันเองก็ไม่ได้กังวลเรื่องเหวินปิงเลยสักนิด”
ซูหว่านอี๋ได้ยินแบบนี้ ก็อดยิ้มแล้วพูดขึ้นเสียไม่ได้ “ก็จริงนะ ถ้าอย่างนั้นไม่กังวลแล้ว พวกเราไปซีอานกับมู่หลานกันเถอะ”
เมื่อตัดสินใจตามนั้นแล้ว เซี่ยฉางเจี๋ยก็รู้สึกว่าพวกเขาสองสามีภรรยาถูกมองข้าม เขาบอกว่าพรุ่งนี้จะไปเยี่ยมตระกูลเซี่ยที่ปักกิ่ง ตอนนี้ฉินมู่หลานก็ได้ตอบตกลงแล้ว แต่หลังจากนั้นก็จะพาเด็กน้อยสองคนไปซีอานพร้อมกับคนอื่นด้วย เรื่องนี้มันช่างรวบรัดเหลือเกิน
ในตอนนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้น “พ่อคะแม่คะ ถ้าพวกพ่อกับแม่ยังไม่อยากกลับก็เดินเล่นรอบเมืองหลวงก่อนได้นะคะ พรุ่งนี้พวกเราค่อยกลับกัน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยฉางเจี๋ยก็แทบหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ทุกคนจะไปซีอานพรุ่งนี้กันใช่ไหม ก็ไม่รู้ว่าคนเยอะขนาดนี้จะซื้อตั๋วรถไฟกันพอหรือเปล่านะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินแบบนี้ จึงรีบพูด “จริงด้วย เดี๋ยวหนูจะไปซื้อตั๋วรถไฟทีหลัง ถึงตอนนั้นจะซื้อให้มู่หลานกับคนอื่นด้วยค่ะ” หลังจากพูดจบ หล่อนก็หันมองฉินมู่หลานแล้วบอกกล่าว “มู่หลาน พวกเธอจะไปกันทั้งหมดกี่คน บอกฉันมาได้เลย เดี๋ยวฉันไปซื้อตั๋วให้”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็หันมองเซี่ยฉางเจี๋ยอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้พูดอะไร เธอจึงอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เซี่ยปิงหรุ่ยเพื่อนร่วมชั้นคนนี้พูดตรงมาก แต่เธอก็ยังยิ้มตอบ “ได้ เดี๋ยวฉันจะบอกเธอทีหลังนะ”
เมื่อเห็นทั้งสองพูดคุยกันเรียบร้อยแล้ว เซี่ยฉางเจี๋ยก็แค่นหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นชา แล้วหันมองเซิงลี่ก่อนจะพูดขึ้น “พวกเรากลับกันก่อนเถอะ”
“ค่ะ”
เซิงลี่พยักหน้า อดไม่ได้ที่จะปรายตามมองลูกสาวคนโต จากนั้นก็ส่ายหัวก่อนจะพูดขึ้น “ปิงหรุ่ย ลูกจะกลับพร้อมพวกเราไหม?”
“แม่คะ พ่อกับแม่กลับกันก่อนเถอะค่ะ หนูต้องคุยกับมู่หลาน ในเมื่อพวกพ่อกับแม่รู้ทางแล้ว หนูขอยังไม่กลับไปด้วยนะคะ”
“เหอะ…ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ก็อย่ากลับมาล่ะ”
เซี่ยฉางเจี๋ยกล่าวด้วยความโกรธ สุดท้ายก็พาเซิงลี่กลับไปทันที
เมื่อเห็นพ่อแม่โกรธแบบนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็อดขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ตอนนี้พ่ออารมณ์ไม่ค่อยดี ฉันยังไม่ได้ยุ่งอะไรกับเขาเลย แต่กลับมาโกรธฉันเสียอย่างนั้น”
เซี่ยปิงชิงเหลือบตามองพี่สาวฝาแฝด พูดอะไรไม่ออกนอกจากประโยคเดียว “พี่ พี่เป็นพี่สาวแท้ ๆ ของฉัน”
“ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเธออยู่แล้ว คิดว่าไม่ใช่หรือยังไง”
“อุ๊บ…”
ฉินมู่หลานกลั้นไม่ไหว หลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง จากนั้นจึงหันมองเซี่ยปิงหรุ่ยแล้วพูดขึ้น “ปิงหรุ่ย พวกเราไปคุยตรงนั้นกันเถอะ ฉันจะได้บอกรายละเอียดว่าจะไปกันกี่คน”
“ได้สิ”
ซูหว่านอี๋เห็นแบบนี้ จึงรั้งฉินมู่หลานพลางบอกกล่าว “มู่หลาน แม่คิดดูแล้ว เดี๋ยวรอถามพวกพ่อก่อนดีกว่านะ ถ้าพวกเขาอยากไปด้วย ก็ให้พวกเขาไปลางานกับคุณเผย พวกเราก็จะได้ไปด้วยกัน”
เมื่อเห็นซูหว่านอี๋พูดแบบนั้น เหยาจิ้งจือก็พยักหน้าเช่นกัน แล้วพูดขึ้น “ใช่แล้วมู่หลาน เดี๋ยวพวกเราจะไปถามเขาให้ตอนนี้เลย”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าแล้วตอบรับ “ได้ค่ะ ไปบอกพ่อแล้วถามพวกเขาก่อนดีกว่า”