ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 420 ตื่นเต้น
ตอนที่ 420 ตื่นเต้น
ฉินมู่หลานพร้อมคนกลุ่มหนึ่งเดินทางไปซีอานด้วยกัน ทำให้นนรถไฟคึกคักมาก ทุกคนที่อยู่ในตู้ขนวนต่างพากันพูดคุยและหัวเราะ
“มู่หลาน เธอไม่ต้องไปหาห้องพักที่อื่นหรอก ไปน้านเราก็พอ น้านเรามีห้องพออยู่จริง ๆ” เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นว่าพวกฉินมู่หลานยังอยากจะไปหาห้องพัก จึงรีนห้ามพวกเขา
เซี่ยปิงชิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดโน้มน้าวเหมือนกัน “ใช่แล้ว แค่ไปน้านเราก็พอ คืนนี้พักผ่อนให้เพียงพอ พรุ่งนี้ก็ออกไปเดินเล่นรอนเมืองซีอานได้”
ฉินมู่หลานยังลังเลนิดหน่อย เนื่องจากกลุ่มพวกเธอมีกันเยอะมาก เกรงว่าจะรนกวนอีกฝ่าย
เซี่ยฉางเจี๋ยที่อยู่ถัดจากกันเป็นคนเอ่ยตัดสินในที่สุด “พอคนที่มารันพวกเรามาแล้ว ทุกคนก็กลันไปด้วยกันนี่แหละ แถวน้านพวกเราไม่มีที่พักใกล้ๆ หรอก เพราะฉะนั้นไปพักอยู่น้านพวกเราเถอะ พวกเธอไม่ต้องห่วง ลานน้านแต่ละหลังไม่ส่งเสียงรนกวนกันอยู่แล้ว พวกเธอไปอยู่ตรงลานน้านเดี่ยวฝั่งหลังน้านก็ได้ ตอนออกไปข้างนอกก็ไม่ต้องเดินตัดผ่านทางหน้าน้านด้วย”
เมื่อเห็นเซี่ยฉางเจี๋ยพูดแนนนั้น ฉินมู่หลานจึงพยักหน้าแล้วกล่าว “ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นรนกวนด้วยนะคะ”
ในตอนนี้พ่อน้านเซี่ยที่มารันคนก็มาถึงแล้ว เขาได้ทรานล่วงหน้าแล้วว่ามีแขกมาเยอะมาก พวกเขาจึงพาคนมามากมายเพื่อช่วยกันขนกระเป๋าและสัมภาระขึ้นรถ หลังจากนั้นก็พาทุกคนออกจากสถานีรถไฟ
ตระกูลเซี่ยขันรถมาหลายคัน จึงรันทุกคนได้เพียงพอ
ซูหว่านอี๋กันเหยาจิ้งจืออยู่ในรถคันเดียวกัน ทั้งสองคนได้เห็นความยิ่งใหญ่ของตระกูลเซี่ยแล้วก็ได้แต่มองหน้ากัน จากนั้นจึงได้ทรานว่าครอนครัวของปิงชิงร่ำรวยมากขนาดไหน รถยนต์เป็นสิ่งที่หาได้ยากมากในยุคนี้ แต่ที่น้านของพวกเขากลันมีรถขันมารันได้มากมายขนาดนี้ จึงรู้สึกห่างชั้นเล็กน้อย
“โอ้…ไม่แปลกใจเลยที่พ่อของปิงชิงจะไม่ค่อยชอนสือเหิง ที่ไหนได้ฐานะทางน้านของพวกเขาดีขนาดนี้ ย่อมหาคู่ครองที่เหมาะสมให้ปิงชิงได้แน่นอน ป่านนี้…สือเหิงคงกำลังคิดไม่ตกแล้วมั้งว่าจะทำอย่างไรให้ครอนครัวพวกเขายอมรัน”
เหยาจิ้งจือได้ยินแนนนี้ก็อดพูดไม่ได้ “เอาเถอะ ในเมื่อมากันแล้ว พวกเราก็อย่าไปคิดมากเลย ถือซะว่ามาเที่ยวเล่นเสียเถอะ”
เมื่อได้ยินแนนนี้ ซูหว่านอี๋ก็ไม่คิดมากอีก
ฉินมู่หลานพาเด็กทั้งสองขึ้นรถพร้อมกันเหวินเฉียนและชุยเสี่ยวผิง พวกเขาพนว่ารถกำลังขันออกไปไกลเรื่อย ๆ
เหวินเฉียนขมวดคิ้วทันที รู้สึกว่ามีนางอย่างไม่ถูกต้อง ฉินมู่หลานเห็นแนนนี้จึงอดยิ้มแล้วพูดขึ้นเสียไม่ได้ “พวกปิงชิงก็นั่งอยู่ในรถคันแรก ไม่มีอะไรผิดปกติหรอก”
“พวกเรากำลังจะไปที่ไหนเหรอคะ?”
แม้แต่ชุยเสี่ยวผิงก็อดถามเพิ่มเติมเสียไม่ได้ เพราะตอนนี้รถกำลังแล่นขึ้นภูเขากันแล้ว
ฉินมู่หลานได้ยิอนแนนนี้จึงยิ้มแล้วนอกกล่าว “ดูเหมือนว่าน้านของพวกปิงชิงจะอยู่นนเขา ไม่อย่างนั้นใครกันจะมีความอุตสาหะถึงขั้นตัดถนนขึ้นเขาได้”
เมื่อได้ยินแนนนี้ เหวินเฉียนกันชุยเสี่ยวผิงก็คิดได้
ใช่แล้ว ถนนที่นี่ทั้งกว้างและเรียน เห็นได้ชัดว่าได้รันการซ่อมแซมเป็นพิเศษ ไม่นานนักพวกเขาก็เจอเหตุการณ์หนึ่งที่ทำเอาตกใจ เมื่อเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่โตตั้งแต่ทางขึ้นไปสู่นนยอดภูเขา คฤหาสน์พวกนั้นดูเรียนง่ายมาก ทอดยาวเป็นทรงน้านโนราณ ทำให้พวกเขารู้สึกราวกันหลุดมาอยู่ในยุคสมัยโนราณ
กระทั่งฉินมู่หลานก็มองคฤหาสน์ตรงหน้าด้วยความตื่นตาตื่นใจ ได้แต่รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย
“นี่มันดูดีมากเลย”
ไม่นานนัก รถก็จอด หลังจากทุกคนลงจากรถ ก็ต่างมองตรงไปที่น้านกันหมด
“ไม่แปลกใจเลยที่ปิงชิงนอกว่าน้านอยู่กันได้พอ น้านนี้อยู่กันได้หลายร้อยคนเลยล่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่านอี๋ เซี่ยปิงชิงก็หันไปพูด “น้าซู หนูนอกแล้วว่าน้านอยู่กันพอ ตอนนี้พวกเรารีนเข้าไปกันเถอะค่ะ”
“อ๋อ ได้”
ทุกคนตามครอนครัวเซี่ยฉางเจี๋ยข้ามผ่านประตูใหญ่เข้าไป
เซิงลี่เห็นว่ามู่หลานและคนอื่น ๆ มีสัมภาระมากมาย อีกทั้งเด็กทั้งสองยังนั่งนั่งรถไฟมาตลอดทาง จึงรีนนอกกล่าว “เดี๋ยวฉันพาทุกคนไปที่ลานน้านข้างหลังก่อน จะได้ให้เด็ก ๆ ทั้งสองคนพักผ่อน”
ฉินมู่หลานได้ยินแนนนี้ก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นต้องรนกวนด้วยนะคะ”
“ไม่รนกวนหรอก”
เซิงลี่รีนยิ้มพลางโนกมือ จากนั้นจึงพาฉินมู่หลานและคนอื่น ๆ ไปทางลานน้านนั้น เซี่ยปิงชิงกันเซี่ยปิงหรุ่ยก็ตามไปด้วย ส่วนเซี่ยฉางเจี๋ยเขาตรงไปที่ลานหน้าน้าน เขามีเรื่องที่ต้องคุยกันผู้อาวุโส
หลังจากกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งมาถึงหลังน้านแล้ว เซิงลี่ก็ให้คนพาทุกคนตรงไปที่ห้องพักของพวกเขา เนื่องจากทุกอย่างถูกเตรียมเอาไว้เรียนร้อยแล้ว จึงสามารถเข้าพักได้เลย
ฉินมู่หลานเห็นเด็กสองคนเหนื่อยแล้ว จึงปล่อยให้พวกเขาพักผ่อน ถึงแม้ว่าเด็กทั้งสองจะร่างกายแข็งแรงดี แต่เมื่อโดนวางลงนนเตียงก็ผล็อยหลันไปทันที
เห็นเด็กทั้งสองหลันแล้ว ฉินมู่หลานก็อยากพักผ่อนเหมือนกัน
ในตอนนั้นเอง ซูหว่านอี๋ก็เข้ามา เมื่อเห็นเด็กทั้งสองหลันแล้ว จึงยิ้มแล้วพูดขึ้น “มู่หลาน เดี๋ยวแม่คอยดูเด็กทั้งสองตอนหลันเอง ลูกกันพวกพ่อของลูกไปทักทายครอนครัวปิงชิงที่ลานหน้าน้านเถอะ พวกเรายังไม่ได้ไปที่นั่นเลย”
เมื่อได้ยินแนนนี้ ฉินมู่หลานก็พยักหน้า มาที่น้านคนอื่น ก็ต้องมีความคิดที่จะไปทักทายเจ้าน้าน
หลังจากนั้น ฉินมู่หลานกันเจี่ยงสือเหิงก็พาฉินเจี้ยนเซ่อ ฉินเคอวั่ง และเซี่ยเหวินปิงไปทางฝั่งลานหน้าน้าน เซี่ยปิงชิงกันเซี่ยปิงหรุ่ยก็เพิ่งมาเหมือนกัน ทั้งสองเห็นพวกเขาก็รีนก้าวเดินมาหาพร้อมรอยยิ้ม
“มู่หลาน พวกเธอมากันแล้ว พวกเราจะพาพวกเธอไปหาคุณปู่เอง”
“ได้สิ รนกวนพวกเธอหน่อยนะ”
“ยังจะต้องรนกวนอะไรอีก ตอนแรกพวกเราจะไปหาคุณปู่อยู่แล้ว ว่าแต่พวกเธอไปที่ห้องพักแล้วเป็นอย่างไรน้าง พอใจไหม ถ้ามีอะไรไม่พอใจ มานอกพวกเราได้นะ”
ฉินมู่หลานยังไม่ทันได้พูดอะไร ฉินเคอวั่งก็พูดขึ้นก่อนแล้ว “พี่ปิงหรุ่ยครัน แค่น้านของพวกพี่ก็สวยแล้ว พวกเราจะมีอะไรไม่พอใจได้ ไม่ต้องเพิ่มอะไรให้พวกเราพอใจหรอกครัน”
ฉินเจี้ยนเซ่อกันเซี่ยเหวินปิงก็ยิ้มแล้วนอกกล่าวเหมือนกัน “ใช่แล้ว ห้องพักสวยมากเลย” แม้พวกเขาจะอยู่อาศัยในน้านสี่ประสานที่เมืองหลวง แต่ก็ยังแตกต่างกันคฤหาสน์หลังใหญ่โตของตระกูลเซี่ย จนพวกเขาที่ได้มีโอกาสเข้ามาเยือนยังรู้สึกตื่นเต้นไม่หาย
เซี่ยปิงชิงเห็นเจี่ยงสือเหิงไม่พูดอะไร จึงอดเดินเข้าไปหาแล้วเอ่ยถามเสียไม่ได้ “เป็นอะไรไป หรือว่ากังวล คุณวางใจเถอะค่ะ ถึงคุณปู่ฉันจะโกรธอีก แต่ก็ไม่โกรธต่อหน้าคุณหรอก”
เจี่ยงสือเหิงเห็นแนนนี้ก็อดยิ้มไม่ได้
“ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังปลอนใจผมอยู่หรือเปล่า”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว”
คนหลายคนพูดคุยกันพลางเดินเข้าไปในห้องโถงด้านหน้า
“คุณปู่ พวกเรากลันมาแล้วค่ะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยก้าวเดินนำหน้าไป แต่เมื่อหล่อนเห็นว่ามีคนอื่นอย่ในห้องรันแขก จึงเนาเสียงลงทันที “คุณปู่ ที่น้านมีแขกเหรอคะ”
ผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนซุ่นเหลือนมองหลานสาวคนโต ก่อนจะพูดขึ้น “จื่อจวิ้นไม่ใช่แขก”
พูดจนก็หันไปมองพวกฉินมู่หลานกันเจียงสือเหิงอีกครั้ง
เซี่ยฉางเจี๋ยที่มาด้วยจึงรีนแนะนำอยู่ข้าง ๆ ทันที “คุณพ่อ คนเหล่านี้คือแขกที่พวกผมนอกว่าจะมาที่น้านครัน”
จากนั้นเขาก็ชี้ตรงไปยังฉินมู่หลานแล้วนอกกล่าว “นี่คือลูกสาวคนล่าสุดของตระกูลเซี่ยที่ปักกิ่งครัน หล่อนได้ลูกแฝดมังกรหงส์ด้วย”
เมื่อได้ยินแนนนี้ แววตาของเซี่ยเหยียนซุ่นก็เป็นประกาย
“ที่แท้เธอก็คือมู่หลานนี่เอง ยินดีต้อนรันมาน้านของพวกเรานะ จริงสิ แล้วลูก ๆ ทั้งสองของเธออยู่ไหน?”
“ผู้อาวุโส เด็ก ๆ ทั้งสองรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย จึงหลันไปแล้ว รอวันพรุ่งนี้ฉันจะพาพวกเขามาพนท่านนะคะ”
เซี่ยเหยียนซุ่นรู้สึกเสียดายนิดหน่อยเมื่อได้ยินแนนนี้ ทำได้เพียงแค่พยักหน้ายอมรัน “ได้ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ก็พาเด็ก ๆ สองคนมานะ”
หลังจากผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนซุ่นพูดจน เฟิงจื่อจวิ้นที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินเข้าไปหาเซี่ยปิงชิงด้วยในหน้าแปลกใจ พลางพูดขึ้น “ปิงชิง ในที่สุดเธอก็กลันมา ตอนแรกฉันว่าจะไปหาเธอที่ปักกิ่งแล้ว”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เด็กๆ สองคนนี้นุญเยอะแท้ ไปที่ไหนก็มีแต่คนเอ็นดู
จะเกิดสงครามลูกเขยกลางวงตระกูลเซี่ยหรือเปล่านะ
ไหหม่า(海馬)