ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 421 เริ่มโกรธแล้ว
ตอนที่ 421 เริ่มโกรธแล้ว
เซี่ยปิงชิงเห็นว่าเฟิงจื่อจวิ้นก็อยู่ที่นี่ จึงอดถามไม่ได้ “เฟิงจื่อจวิ้น นายมาทำอะไรที่บ้านฉัน”
“ฉันได้ยินว่าเธอจะกลับมาวันนี้ ก็เลยมาหาเธอโดยเฉพาะ แวะมาเยี่ยมผูเอาวุโสทั้งสองด้วย”
เฟิงจื่อจวิ้นมองดูเซี่ยปิงชิงที่ไม่ได้เจอกันนานแล้วก็รู้สึกคิดถึงมาก ทั้งสองเป็นเพื่อนเล่นกันมาตลอด รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก จึงถือได้ว่าเป็นคู่หมั้นที่โตมาด้วยกัน หลังจากโตขึ้น เขาก็พบว่าความรู้สึกที่มีให้เซี่ยปิงชิงไม่เหมือนเดิม จึงเป็นเหตุผลให้ริเริ่มความคิดที่จะแต่งงาน น่าเสียดายที่ปิงชิงดูจะเย็นชากับตนมากทีเดียว
ตั้งแต่ได้เห็นเฟิงจื่อจวิ้น เจี่ยงสือเหิงก็จ้องมองเขาอยู่ตลอด
ตัวสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลา แม้แต่ตัวเขาเองก็ต้องยอมรับว่าเฟิงจื่อจวิ้นดูดีมาก ใบหน้าแสนอ่อนเยาว์ทำให้เขาดูไร้เดียงสา เป็นเด็กที่มีสง่าราศีและหล่อเหลามาก
เมื่อเห็นแบบนี้ ในใจเจี่ยงสือเหิงจึงรู้สึกอึดอัด มีหนุ่มน้อยรูปงามคนหนึ่งกำลังไล่ตามปิงชิง ก็ไม่แปลกที่พ่อของปิงชิงจะไม่เห็นด้วย เพราะเขาไม่ได้ดูดีเท่าเฟิงจื่อจวิ้นเลย
ฉินมู่หลานสังเกตเห็นเฟิงจื่อจวิ้นอยู่แล้ว ก็ยอมรับว่าเฟิงจื่อจวิ้นมีรูปร่างหน้าตาค่อนข้างดี แต่เธอก็ยังรู้สึกว่าพ่อบุญธรรมของเธอดีที่สุด เพราะในเรื่องรูปร่างสูงหล่อ พ่อบุญธรรมก็ไม่ได้เสียเปรียบตรงไหน
เซี่ยปิงชิงก็เห็นเฟิงจื่อจวิ้นเดินเข้ามาหาตัวเอง จึงพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก “ตอนนี้นายก็ได้เจอแล้วนี่ ถ้าอย่างนั้นก็กลับไปได้แล้ว”
“ปิงชิง เธอเพิ่งกลับมาแล้วทำไมถึงจะไล่ฉันไปแล้วล่ะ พวกเราไม่ได้เจอกันตั้งนาน ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอเยอะมากเลยนะ”
เมื่อเห็นสีหน้าเจ็บปวดของเฟิงจื่อจวิ้น เซิงลี่ก็อดขมวดคิ้วจ้องมองลูกสาวคนเล็กเสียไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ปิงชิง ทำไมแกถึงพูดอะไรอย่างนั้น ไล่แขกกลับได้ยังไง แล้วจือจวิ๋นก็ไม่ค่อยได้มา เราควรต้อนรับเขาให้ดีสิ”
เอาอีกแล้ว…
ตั้งแต่เล็กจนโตก็เป็นแบบนี้ตลอด
สมัยเป็นเด็ก เฟิงจื่อจวิ้นเอาแต่ร้องไห้งอแง พ่อแม่จึงรู้สึกว่าตัวหล่อนทำไม่ถูก เมื่อโตขึ้น เฟิงจื่อจวิ้นก็เอาแต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด พ่อแม่ก็ยังว่าตัวหล่อนเองทำผิด เฟิงจื่อจวิ้นคนนี้ไม่ใช่เพียงขี้เหนียวเท่านั้น แต่ยังทำตัวไร้ค่าอีกต่างหาก หล่อนเห็นแล้วรู้สึกอารมณ์เสีย
เซี่ยปิงชิงไม่ได้สนใจพ่อแม่ตัวเอง มองตรงไปที่เซี่ยเหยียนซุ่นก่อนจะพูดขึ้น “คุณปู่คะ หนูเคยเขียนจดหมายบอกที่บ้านว่าหนูมีแฟนแล้ว วันนี้หนูก็เลยพาเขามาที่บ้านให้พวกคุณปู่ได้เจอค่ะ” หลังจากพูดจบ หล่อนก็ดึงเจี่ยงสือเหิงเข้ามา แล้วแนะนำให้คุณปู่ตัวเองรู้จัก “คุณปู่ นี่คือเจี่ยงสือเหิงแฟนหนูเองค่ะ”
เซี่ยเหยียนซุ่นหยุดชะงักเมื่อได้ยินคำพูดของหลานสาว คิ้วขมวดขึ้นมาทันที ก่อนจะมาสำรวจเจี่ยงสือเหิง
อีกฝ่ายท่าทางสงบเสงี่ยม รูปลักษณ์ก็ดูไม่ธรรมดา เมื่อเห็นสิ่งพวกนี้ จึงรู้สึกว่าคน ๆ นี้ก็ดูดีไม่น้อย แต่เขากับตระกูลเฟิงตั้งใจหมั้นหมายกันมานานแล้ว จึงอยากให้หลานสาวคนเล็กกับเฟิงจื่อจวิ้นลงเอยกัน แต่หลานสาวคนเล็กกลับพาแฟนของหล่อนกลับมาที่บ้านด้วย
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ในใจของเซี่ยเหยียนซุ่นจึงว้าวุ่นนิดหน่อย
เพียงแต่เจี่ยงสือเหิงกับฉินมู่หลานต่างก็อยู๋ที่นี่ด้วย เขาจึงไม่พูดอะไรมากนัก ทำเพียงแค่พยักหน้าเบา ๆ ให้เจี่ยงสือเหิง
เจี่ยงสือเหิงก็ดูออกว่าชายชราไม่ชอบเขา เขายิ้มแล้วกล่าวทักทาย หลังจากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก
เฟิงจื่อจวิ้นที่อยู่ข้าง ๆ มองเซี่ยปิงชิงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“อะไรนะ…เธอมีแฟนแล้ว มีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซี่ยปิงชิงก็เหลือบมองเฟิงจื่อจวิ้นก่อนจะบอกกล่าว “ฉันมีแฟนตั้งแต่ตอนไหนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย”
“ทำไมจะไม่เกี่ยวกับฉัน ครอบครัวเราสองคนตกลงเรื่องการแต่งงานเอาไว้ไม่ใช่เหรอ?”
เซี่ยปิงชิงได้ยินสิ่งนี้ จึงหันไปมองเขาอย่างหน้าไม่อาย
“ใครตกลงเรื่องแต่งงานกับนายกัน ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นครอบครัวของพวกฉันกับครอบครัวของพวกนายก็ยังไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย นายอย่ามาพูดจาไร้สาระ ตอนนี้ฉันมีแฟนแล้ว เรื่องระหว่างเราสองคนมันเป็นไปไม่ได้หรอก”
เฟิงจื่อจวิ้นได้ยินแบบนี้สีหน้าก็เจ็บปวด
“ปิงชิง เธอ…ทำไมเธอถึงใจร้ายขนาดนี้ พวกเราสองคนโตมาด้วยกัน มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาตลอด และครอบครัวพวกเราก็มีความตั้งใจแบบนี้ แต่ตอนนี้เธอกลับมีแฟนแล้ว”
มองดูแววตาของเฟิงจื่อจวิ้น มันสื่อราวกับเซี่ยปิงชิงไปทำอะไรให้เขาเสียใจ
แต่เซี่ยปิงชิงกลับรู้สึกหงุดหงิดไปหมด
“เฟิงจื่อจวิ้น นายอย่ามาพูดไร้สาระ โตมาด้วยกันอะไร พี่สาวฉันก็โตมาด้วยกันพร้อมกับพวกเราแท้ ๆ ทำไมถึงไม่พูดให้ชัดล่ะ ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้พวกเราสองคนก็ไม่ได้คิดเชิงชู้สาวอะไรแบบนั้นเลยนี่นา ทำไมนายถึงกล้าพูดราวกับว่าเราสองคนมีความสัมพันธ์กันอย่างนั้นแหละ”
เฟิงจื่อจวิ้นได้ยินแบบนี้ ก็ได้แต่รู้สึกเจ็บปวด จากนั้นก็หันมองเจี่ยงสือเหิงด้วยความลำบากใจ ก่อนจะเดินจากไปด้วยความโกรธ
“จื่อจวิ้น…”
เซิงลี่เห็นว่าเฟิงจื่อจวิ้นกำลังจะไปจึงตะโกนเรียก เพียงแต่เฟิงจื่อจวิ้นไม่ยอมหยุด แล้วเดินหันหลังจากไปทันที
เมื่อเห็นว่าเฟิงจื่อจวิ้นไปแล้ว สีหน้าของเซิงลี่ก็ดูไม่ค่อยดีเล็กน้อย ชายชราที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็สีหน้าดูไม่ค่อยดีเช่นกัน เขาแอบปรายตามองหลานสาวคนเล็กด้วยแววตามืดมน
เซี่ยปิงชิงรู้สึกว่าคนในครอบครัวไม่ค่อยมีเหตุผล “ทำไมทุกคนถึงมองหนูแบบนั้น ถ้าคิดว่าเฟิงจื่อจวิ้นเป็นคนดีจริง ก็ให้เขาแต่งกับคนอื่นในตระกูลไปสิ ยังไงซะหนูก็มีแฟนแล้ว แต่งกับเฟิงจื่อจวิ้นไม่ได้หรอก”
เมื่อได้ยินคำพูดของลูกสาวคนเล็ก เซี่ยฉางเจี๋ยก็มองหล่อนด้วยความโมโห เพียงแต่ผู้อาวุโสยังอยู่ด้วย เขาจึงไม่พูดอะไร
ผู้อาวุโสเซี่ยไม่ได้สนใจหลานสาวคนเล็กของเขา แต่กลับมองไปที่ฉินมู่หลานและคนอื่นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มก่อนจะพูดขึ้น “มู่หลาน พวกหลานเดินทางมาคงเหนื่อยมากใช่ไหม กลับไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ เดี๋ยวถึงเวลากินมื้อเย็นพวกเราจะต้อนรับอย่างดีเลย”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มแล้วพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้น “ค่ะ ขอบคุณค่ะผู้อาวุโส”
เจี่ยงสือเหิงกับฉินเจี้ยนเซ่อก็ขอบคุณชายชราเช่นกัน หลังจากนั้นก็กลับไปทางลานบ้านข้างหลังพร้อมฉินมู่หลาน
หลังจากนั้นชายชราก็หันไปมองเซี่ยปิงหรุ่ยกับเซี่ยปิงชิงแล้วพูดขึ้น “พวกแกก็กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
สองพี่น้องรู้สึกเหนื่อยมากจริง ๆ จึงพยักหน้าแล้วจากไป
หลังจากทุกคนออกไปแล้ว เซี่ยฉางเจี๋ยก็มองชายชราแล้วพูดด้วยความลำบากใจ “คุณพ่อครับ ดูเหมือนว่าปิงชิงจะแต่งเฟิงจื่อจวิ้นไม่ได้”
สีหน้าของเซี่ยเหยียนซุ่นดูไม่ค่อยดีนัก เขาจ้องมองลูกชายตัวเองอย่างโกรธ ๆ ก่อนจะพูดขึ้น “แล้วทำไมพวกแกถึงปล่อยให้ปิงชิงออกจากบ้านไปได้ตั้งแต่แรก”
เมื่อได้ยินแบบนี้ รอยยิ้มของเซี่ยฉางเจี๋ยก็ดูจืดเจื่อน
“คุณพ่อ คุณพ่อก็รู้นิสัยของปิงชิงดี ถ้าพวกเราประมาท หล่อนก็อาศัยจังหวะหนีไปได้ พวกเราห้ามไม่ได้เลย ตอนแรกเราไม่ได้ใส่ใจ ไม่คิดว่าหล่อนจะหนีออกจากบ้านไป สุดท้ายก็ได้เจอแฟนแล้วพากลับมาจนได้”
เซิงลี่พยักหน้าตาม
“ใช่แล้ว ปิงชิงก็โง่เกินไป แล้วแฟนของหล่อนก็อายุมากกว่าหล่อนตั้งหลายปี”
เมื่อพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เซี่ยฉางเจี๋ยก็รู้สึกโกรธ “ใช่แล้ว ห่างกันตั้งสิบเจ็ดปี ไม่รู้ว่าปิงชิงกำลังคิดอะไรอยู่”
“อะไรนะ…มากกว่าสิบเจ็ดปีหรือ?”
ชายชราได้ยินแบบนี้ก็อดหันไปมองเสียไม่ได้ “ฉันเห็นว่าเจี่ยงสือเหิงยังดูหนุ่มอยู่เลย ทำไมถึงอายุเยอะกว่าปิงชิงขนาดนั้น”
“คุณพ่อ เป็นเรื่องจริงครับ เจี่ยงสือเหิงคนนั้นก็แค่ดูหนุ่มเท่านั้น แต่ความจริงแล้วเขาอายุมากกว่าปิงชิงถึงสิบเจ็ดปี เขาอายุเยอะขนาดนั้นจนจะเป็นพ่อปิงชิงได้แล้ว”
ในตอนนี้ผู้อาวุโสก็ทราบแล้วว่าเป็นเรื่องจริง ดังนั้นสีหน้าของเขาจึงมืดมนลงทันที “ปิงชิงนี่อะไรกัน ทำไมถึงหาแฟนแบบนี้ ดูไปแล้วก็ไม่เห็นจะดีเท่าเฟิงจื่อจวิ้นเลย”
“ใช่ค่ะ”
เซิงลี่พยักหน้าเห็นด้วย
และชายชราก็ได้แสดงทัศนคติถึงท่าทางที่หลานสาวคนเล็กมีต่อเจี่ยงสือเหิง จึงอดถามไม่ได้ “เจ้าเจี่ยงสือเหิงนั้นทำงานอะไร?”
เซี่ยฉางเจี๋ยเล่าเรื่องของเจี่ยงสือเหิงให้ฟังอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็พูดต่อ “จากรูปลักษณ์ภายนอกและหน้าที่การงานของเจี่ยงสือเหิงถือว่าดีมาก ติดแค่อายุมากเกินไป ผมก็เลยไม่เห็นด้วยครับ”
“ฉันก็ไม่เห็นด้วยค่ะ”
เซิงลี่เองก็แสดงทัศนคติเพิ่มเติม
ชายชราไม่พูดอะไรมาก แต่กลับถามเรื่องฉินมู่หลาน
เซี่ยฉางเจี๋ยเล่าเรื่องตระกูลเซี่ยให้ฟังอีกครั้ง หลังจากนั้นก็พูดต่อ “พวกตระกูลรองในปักกิ่งประมาทมาก ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน หากไม่ใช่เพราะมู่หลานความสามารถเป็นเลิศ หล่อนคงตายไปนานแล้ว”
ชายชราฟังจบแล้วก็ไม่พอใจกับการกระทำของพวกตระกูลรองที่ปักกิ่งเช่นกัน แต่เขาแปลกใจกับอีกเรื่องหนึ่งมากกว่า
“ที่แท้มู่หลานก็คือหมอฉินคนที่พัฒนายาพิเศษพวกนั้นนี่เอง” ตอนแรกเขาไม่คิดว่ามู่หลานคือหมอฉินคนนั้น “เด็กคนนี้นับว่าเป็นเชื้อสายของตระกูลเซี่ยเราจริง ๆ ไม่เพียงแต่ได้ลูกแฝดมังกรหงส์ แต่ทักษะการแพทย์ยังยอดเนยี่ยมมากอีกด้วย”
เซี่ยฉางเจี๋ยพยักหน้าเห็นด้วยแล้วพูดขึ้น “ใครว่าไม่ใช่ล่ะครับ มู่หลานคนนี้ มองเพียงแวบเดียวก็ทราบแล้วว่าเป็นเชื้อสายตระกูลเซี่ยของเรา”
หลังจากพูดจบ เขาก็อดมองเซิงลี่เสียไม่ได้ “ตอนเย็นควรจะเลี้ยงต้อนรับพวกมู่หลานให้ดี คุณไปเตรียมตัวให้พร้อมเถอะ”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปดูแลห้องครัว”
เซิงลี่พยักหน้า หลังจากนั้นก็เดินออกจากโถงด้านหน้า
หลังจากเซิงลี่ก็ไปแล้ว สีหน้าของเซี่ยฉางเจี๋ยก็เปลี่ยนไปทันที เขามองชายชราด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยก่อนจะพูดขึ้น “ปิงชิงไม่อยากแต่งกับตระกูลเฟิง ถ้าอย่างนั้นเราจะทำอย่างไรดีครับ”