ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 423 นั่นคือสิ่งที่พวกพี่คิด
ตอนที่ 423 นั่นคือสิ่งที่พวกพี่คิด
เซี่ยปิงหรุ่ยกับเซี่ยปิงชิงเห็นเซี่ยฉางอวี๋ จึงยิ้มแล้วกล่าวทักทาย “สวัสดีค่ะคุณอา ไม่ได้เจอกันนานแล้วจริง ๆ ด้วยค่ะ”
เซี่ยฉางอวี๋ยิ้มแล้วพยักหน้า จากนั้นจึงหันมองเซี่ยปิงชิงแล้วพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “ปิงชิง ฉันเห็นแฟนเธอแล้ว เขาดูดีมากจริง ๆ แนะนำให้อารู้จักบ้างสิ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ แววตาของเซี่ยปิงชิงก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“คุณอา คุณอาก็รู้สึกว่าเจี่ยงสือเหิงดูดีใช่ไหมล่ะคะ เขาเป็นคนดีมากจริง ๆ ค่ะ” เจี่ยงสือเหิงให้หล่อนทำได้ทุอย่าง ช่างดีเหลือเกิน หลังจากกลับมาถึงบ้าน คุณอาก็เป็นคนแรกที่ชื่นชมเจี่ยงสือเหิง หล่อนจึงรู้สึกดีใจ
“คุณอา เดี๋ยวหนูพาไปหาเขาค่ะ”
เซี่ยปิงชิงรีบพาเซี่ยฉางอวี๋ไปหาเจี่ยงสือเหิง “สือเหิง นี่คืออาหญิงของฉัน”
เจี่ยงสือเหิงได้ยินแบบนี้ จึงรีบยิ้มแล้วเอ่ยทักทายทันที “สวัสดีครับคุณอา”
เมื่อได้ยินเจี่ยงสือเหิงเรียกตัวเองว่าคุณอา สีหน้าของเซี่ยฉางอวี๋ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “อ้า…สวัสดีจ้ะ จากนี้ไปพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว หลานสาวของฉันคนนี้ทำอะไรก็ดีไปหมด แต่บางครั้งก็ทำตัวเย็นชาไปหน่อย ต่อไปคุณต้องอดทนกับหล่อนมาก ๆ นะ”
เจี่ยงสือเหิงส่ายหัวแล้วบอกกล่าว “ไม่เลยครับ ปิงชิงดีมาก ดีหมดทุกอย่างเลย”
ขณะพูดเขาก็หันมองไปทางเซี่ยปิงชิง แววตาอ่อนละมุนจนไม่สามารถมองข้ามได้
เซี่ยปิงชิงเห็นท่าทางของเขาจึงรู้สึกเขินอายนิดหน่อย รู้สึกว่าท่าทางที่เจี่ยงสือเหิงแสดงออกนั้นเป็นธรรมชาติมาก จนเธอเกือบจะเชื่อว่าพวกเขาเป็นคู่รักกันจริง ๆ
เซี่ยฉางอวี๋เห็นเจี่ยงสือเหิงเป็นแบบนี้แล้วจะยังไม่เข้าใจอะไรได้อีก ผู้ชายคนนี้ต้องชอบหลานสาวของหล่อนอย่างแน่นอน
อีกด้านหนึ่ง เซี่ยฉางเจี๋ยเห็นท่าทางแบบนั้นของน้องสาว จึงอดขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นเสียไม่ได้ “ฉางอวี๋ เธอมาทำไม”
“ฉันได้ยินว่าปิงชิงพาหล่อนกลับมาที่บ้าน ก็เลยอยากกลับมาดู แล้วที่บ้านก็คึกครื้นมากด้วย ฉันกลับมาร่วมสนุกด้วยมันไม่เหมาะเหรอ”
เซี่ยฉางเจี๋ยเห็นเซี่ยฉางอวี๋ต่อปากต่อคำ จึงพูดด้วยท่าทางเย็นชา “เธออย่าพูดจาไร้สาระ ขนาดคุณพ่อเองก็ยังไม่เห็นด้วยเรื่องปิงชิงกับเจี่ยงสือเหิง เพราะฉะนั้นไม่มีทางสานต่อกันได้หรอก”
“พี่ ทำไมพวกพี่ถึงไม่เห็นด้วยล่ะ”
เซี่ยฉางเจี๋ยไม่ได้สนใจน้องสาวตัวเองเลย แล้วมองไปที่เจี่ยงสือเหิงพลางพูดขึ้น “พวกเธอกลับไปนั่งที่กันก่อนเถอะ”
เจี่ยงสือเหิงไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่พยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ครับ ขอบคุณครับคุณอา”
เซี่ยปิงชิงเห็นว่าพ่อตัวเองยังมีท่าทางแบบนี้ จึงจ้องมองเขาด้วยความโกรธเคือง จากนั้นก็คว้าจับแขนเจี่ยงสือเหิงแล้วพูดขึ้น “ไปค่ะ พวกเราไปด้วยกัน”
เมื่อสาวน้อยเข้ามาใกล้ชิดตัวเอง ใบหูของเจี่ยงสือเหิงจึงเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นมาทันที แต่เขาก็ไม่ได้นำมือออก แล้วเดินตามเซี่ยปิงชิงไปที่โต๊ะของพวกเขา
เฝ้ามองแผ่นหลังของทั้งสองที่เดินจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของเซี่ยฉางอวี๋ก็จางหาย เงยหน้าขึ้นมองเซี่ยฉางเจี๋ยก่อนจะพูดว่า “พี่มองไม่ออกเหรอว่าพวกเขาสองคนรักใคร่กันดี ทำไมพี่ถึงไม่ยอมให้พวกเขาได้ลงเอยกันล่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยฉางเจี๋ยก็คิ้วขมวดขึ้นทันที “พวกเขาสองคนอายุต่างกันเกินไป”
เซี่ยฉางอวี๋หัวเราะเยาะขึ้นมา “อะไรคิดอายุต่างกันเกินไป ฉันว่าพวกพี่แค่อยากให้ปิงชิงแต่งกับเฟิงจื่อจวิ้นมากกว่า จะได้ผูกสัมพันธ์ไมตรีกับตระกูลเฟิง”
“เฟิงจือจวิ๋นไม่ดีเหรอ เขาอายุน้อยกว่าเจี่ยงสือเหิง ภูมิหลังของครอบครัวก็ดีกว่าของเจี่ยงสือเหิงด้วย อยู่กับครอบครัวเราที่ซีอาน เพราะฉะนั้นปิงชิงแต่งกับเฟิงจือจวิ๋นจึงเหมาะสมที่สุด”
“เหมาะสม เหมาะสม นั่นเป็นสิ่งที่พวกพี่คิดกันเอาเองว่าเหมาะสมต่างหากล่ะ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ปิงชิงต้องการ”
หลังจากพูดจบ เซี่ยฉางอวี๋ก็มองหน้าเซี่ยฉางเจี๋ยด้วยความขื่นขม แล้วพูดขึ้น “ตอนแรกพวกพี่ก็บอกว่าเพื่อประโยชน์ของตัวฉันเอง จึงให้ฉันแต่งกับกู้ซือป๋อ แต่ดูชีวิตของฉันตอนนี้สิ”
เมื่อพูดประโยคนี้จบ เซี่ยฉางอวี๋ก็เบือนหน้าหนีเซี่ยฉางเจี๋ย ไม่อยากจ้องมองอีกต่อไป ก่อนจะยิ้มขึ้นอีกครั้ง แล้วเดินไปหาเซี่ยปิงชิงกับคนอื่น ๆ
“ฉางอวี๋…”
เซี่ยฉางเจี๋ยเห็นน้องสาวเป็นแบบนี้ ในใจจึงเจ็บปวดนิดหน่อย แต่เขาก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน สีหน้าจึงเต็มไปด้วยความซับซ้อนยากจะอธิบาย
เซี่ยฉางอวี๋ไม่สนใจว่าพี่ชายของตนจะคิดอะไร หล่อนเดินมาถึงบริเวณด้านหลังโต๊ะของฉินมู่หลาน ก่อนจะเห็นชิงชิงกับเฉินเฉิน “ไอ้หยา…พวกเขาคือสองพี่น้องคู่แฝดมังกรหงส์ใช่ไหม ขอฉันดูหน่อยได้ไหมเอ่ย”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ จึงยิ้มแล้วบอกกล่าว “ได้อยู่แล้วค่ะ”
เซี่ยฉางอวี๋อุ้มชิงชิงที่อยู่ในอ้อมแขนของฉินมู่หลานอย่างระมัดระวัง จ้องมองดวงตากลมคู่น้อย ก็ได้แต่รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังละลาย
เซี่ยปิงชิงที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยแนะนำ “มู่หลาน นี่คืออาหญิงของฉันเอง”
“สวัสดีค่ะคุณอาหญิง”
ฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงชิงรุ่นเดียวกัน จึงเรียกหล่อนแบบนั้นเหมือนกัน
เซี่ยฉางอวี๋ได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มแล้วพูดขึ้น “เธอเป็นลูกบุญธรรมของสือเหิง ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณอาหญิงหรอก เมื่อกี้เจี่ยงสือเหิงก็เรียกฉันว่าคุณอาหญิงไปแล้วนะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดมองเจี่ยงสือเหิงครู่หนึ่งเสียไม่ได้ แล้วบอกกล่าวอย่างใจเย็น “ไม่เป็นไรค่ะคุณอาหญิง พวกเราแยกกันเรียกก็ได้ค่ะ”
เซี่ยฉางอวี๋ได่ยินแบบนี้ก็หัวเราะขึ้นมา แล้วเอ่ย “จริงสิ แยกเรียกของใครของมัน ไม่เป็นไรนะ”
หลังจากอุ้มเด็กทั้งสองแล้ว เซี่ยฉางอวี๋ก็คิดถึงจุดประสงค์ที่ตัวเองมาขึ้นได้ หล่อนจึงหันมองแล้วเอ่ยถามเจี่ยงสือเหิง “สือเหิง ได้ยินมาว่าเธอกับฉันอายุไล่เลี่ยกัน ขอถามหน่อยสิว่าเธอบำรุงผิวพรรณยังไงให้ไม่ดูแก่เลย?”
เจี่ยงสือเหิงไม่คิดว่าเซี่ยฉางอวี๋จะถามเรื่องนี้ เขาจึงพูดบอกกล่าวตรง “ผมไม่ได้บำรุงอะไรมากนักครับ จริง ๆ แล้วเมื่อก่อนผิวของผมแย่กว่าตอนี้มาก เป็นเพราะมู่หลานคอยหายามาบำรุงร่างกายให้ผม จึงค่อย ๆ ฟื้นตัว อีกทั้งหน้าตาก็ดูอ่อนเยาว์ลงด่วย หลังจากนั้นหล่อนก็คิดค้นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้ผมโดยเฉพาะด้วย เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมผิวของผมจึงดูดีขึ้น”
“ที่แท้ก็เป็นผลงานของมู่หลานนี่เอง”
เซี่ยฉางอวี๋หันมองฉินมู่หลานแล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าตื่นตาตื่นใจ “มู่หลาน เธอไม่เพียงแต่ผลิตยารักษาโรคเท่านั้น แต่ยังทำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้ด้วย เธอเก่งเกินไปแล้ว”
“อาหญิง มู่หลานเก่งมากจริง ๆ ค่ะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยที่อยู๋ข้าง ๆ เข้าใจเรื่องนี้ดีที่สุด หล่อนยังเล่าอีกว่ามู่หลานทั้งพัฒนายาและผลิตเครื่องสำอางอีกด้วย หลังจากนั้นก็พูดต่อ “เครื่องสำอางของมู่หลานมีชื่อแบรนด์ว่า ‘มู่เสวี่ย’ วางขายทั้งในและต่างประเทศ ขายดีมากเลยค่ะ”
ตอนแรกเซี่ยฉางอวี๋ไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก คิดเพียงแค่ว่าเจี่ยงสือเหิงอาจจะมีกรรมพันธุ์ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่หลังจากได้ยินเรื่องของมู่หลานแล้ว ตอนนี้จึงได้เข้าใจว่ามู่หลานเก่งมากขนาดไหน
ไม่นานหล่อนก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา หันมองฉินมู่หลานพลางเอ่ยถาม “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นเธอช่วยทำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของอาด้วยได้ไหม แล้วก็ช่วยตรวจร่างกายอาหน่อยได้ไหม แล้วก็แนะนำเรื่องที่อาควรให้ความสำคัญ” หลังจากพูดจบ หล่อนก็ยังเอ่ยสัญญาด้วย “เธอไม่ต้องห่วง อาจะไม่ปล่อยให้ผลงานของเธอสูญเปล่าแน่นอน อาจะตอบแทนเธออย่างงามเลย”
ฉินมู่หลานพูดด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมเต็มใจ “ได้อยู่แล้วค่ะ”
เซี่ยฉางอวี๋ให้ความร่วมมือดีมาก ยื่นมือออกไปให้ทันที
ฉินมู่หลานตรวจชีพจรให้เซี่ยฉางอวี๋อย่างละเอียด คิ้วขมวดขึ้นนิดหน่อย ไม่คิดว่าสภาพร่างกายของเซี่ยฉางอวี๋จะย่ำแย่ขนาดนี้
แปลก จากรูปร่างหน้าตาภายนอกของหล่อนแล้วมองไม่ออกเลย
เซี่ยฉางอวี๋เห็นสีหน้าของฉินมู่หลาน หลังจากรู้ตัวจึงรีบถอนมือกลับไป เมื่อสักครู่หล่อนเพียงแค่อยากดูดีขึ้นเท่านั้น จึงลืมเรื่องสภาพร่างกายของตัวเองไปเสียสนิท
เซี่ยปิงชิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็เห็นท่าทางของฉินมู่หลานเหมือนกัน จึงอดถามไม่ได้ “ทำไมเหรอมู่หลาน ชีพจรของอาหญิงมีอะไรผิดปกติอย่างนั้นเหรอ?”
“ปิงชิง อาเองก็รู้วิชาแพทย์ อาจะไม่รู้ร่างกายตัวเองได้ยังไง ร่างกายของอาปกติดี”
ฉินมู่หลานได้ยินคำพูดของเซี่ยฉางอวี๋ จึงอดมองหล่อนไม่ได้ ขณะที่กำลังจะพูดอะไรสักอย่าง หัวหน้าตระกูลเซี่ยเหยียนซุ่นที่อยู่ทางด้านหน้าก็พูดขึ้น “ทุกคนรีบนั่งลง ตอนนี้ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่แล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเราเริ่มเปิดงานกันเลย”