ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 425 กระตือรือร้น(1)
ตอนที่ 425 กระตือรือร้น(1)
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็หันไปมอง ก่อนจะแปลกใจเมื่อได้เห็นคนตรงหน้า
“รัฐมนตรีโม่ คุณมาทำอะไรที่นี่คะ?” ผู้ที่อยู่ตรงหน้าคือโม่คุน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข เธอได้มีอากาสรู้จักกับเขาเพราะเรื่องผลิตยาให้กับกองทัพ เพียงแต่เธอไม่คิดว่าจะได้เจอเขาที่เมืองซีอาน
โม่คุนได้ยินแบบนี้ ก็ก้าวเดินมาข้างหน้าพร้อมรอยยิ้ม “หมอฉิน เป็นคุณจริง ๆ ด้วย ผมก็คิดว่าผมตาฝาดไป” หลังจากพูดจบเขาก็บอกจุดประสงค์ที่ตัวเองมาที่นี่ “ผมมาคุยธุระบางอย่างกับตระกูลหยวน ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่”
ในตอนนี้ มีอีกหลายคนยืนอยู่ข้างหลังเฟิงจื่อจวิ้น ชายสองสามคนในหมู่พวกเขาต่างมีท่าทางสง่างามมาก ซึ่งพวกเขาคือเฟิงชางเหล่ยหัวหน้าตระกูลเฟิงคนปัจจุบันผู้พ่อของเฟิงจื่อจวิ้นและหัวหน้าตระกูลหยวน ครั้นทั้งสองเห็นว่ารัฐมตรีโม่รู้จักฉินมู่หลาน จึงพากันมองมาด้วยความสงสัย
“ที่แท้รัฐมนตรีโม่กำลังยุ่งอยู่นี่เอง ถ้าอย่างนั้นคงกำลังรบกวนคุณอยู่ใช่ไหมคะ”
โม่คุนรีบส่ายหัวพลางกล่าว “เปล่าครับ จะรบกวนได้ยังไงกัน ผมอยากจะคุยธุระบางอย่างกับคุณมากเลยครับ”
ขณะที่พูดเขาก็หันมองไปยังกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังฉินมู่หลาน แล้วยิ้มขึ้นอีกครั้ง “ผอ.เจี่ยง ที่แท้คุณก็อยู่ที่นี่ด้วย ดีใจที่ได้พบครับ”
เจี่ยงสือเหิงก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมรอยยิ้ม แล้วทักทายโม่คุนเช่นกัน เพียงแต่เขาไม่ได้รู้จักกับโม่คุนมาก่อน ทั้งสองจึงคุยกันไม่กี่ประโยคและไม่ได้คุยอะไรกันต่อ วันนี้เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองได้เจอหน้ากัน จึงไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะรู้จักเขาด้วย
จากนั้นโม่คุนจึงหันมองฉินมู่หลานอีกครั้ง แล้วเอ่ยขึ้น “หมอฉินครับ คนพวกนี้คือครอบครัวของคุณทั้งหมดเลยเหรอครับ?”
ได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานจึงพยักหน้า จากนั้นก็เริ่มเอ่ยแนะนำ “นี่คือพ่อบุญธรรมของฉัน เจี่ยงสือเหิงค่ะ ส่วนนั่นก็…”
เธอเอ่ยวนไปจนกระทั่งแนะนำตัวครบทุกคนแล้ว ขณะที่กำลังจะแนะนำเซี่ยปิงชิงกับเซี่ยปิงหรุ่ย ก็บอกกล่าวตามตรง “สองคนนี้คือเซี่ยปิงชิงกับเซี่ยปิงหรุ่ยจากตระกูลเซี่ยแห่งซีอาน เป็นลูกพี่ลูกน้องหญิงของฉันค่ะ ”
“ลูกพี่ลูกน้องหญิงหรือ?”
โม่คุนทราบเรื่องตระกูลเซี่ยที่ซีอานดี เพียงแต่หลังจากได้ยินฉินมู่หลานแนะนำตัว สีหน้าก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ “จากที่บอกก็คือ คุณก็เป็นคนตระกูลเซี่ยอย่างนั้นเหรอ?”
“ค่ะ ฉันเองก็เป็นคนตระกูลเซี่ยเหวือนกัน”
โม่คุนได้ยินแบบนี้ แววตาจึงดูประหลาดใจอย่างกะทันหัน “ที่แท้คุณก็เป็นคนตระกูลเซี่ยนี่เอง ไม่แปลกใจเลยที่เก่งกาจได้ขนาดนี้”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ใบหน้าของหยวนเหยียนหลินที่นั่งอยู่ข้างหลังก็ดูไม่ค่อยดีนิดหน่อย เขาหันมองเฟิงชางเหล่ยแล้วกดเสียงพูด “ผู้หญิงคนนั้นที่กำลังคุยกับรัฐมนตรีโม่มาจากตระกูลเซี่ยเหรอ ทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย และดูเหมือนหล่อนจะแซ่ฉินนะ”
เฟิงชางเหล่ยก็คิ้วขมวดเช่นกัน ก่อนจะส่ายหัวแล้วบอกกล่าว “ฉันเองก็ไม่เคยเห็น แต่หากมาจากตระกูลเซี่ย เช่นนั้นก็ไม่ผิดแน่ ไม่เห็นหรือว่าสองพี่น้องตระกูลเซี่ยก็มาด้วยกัน”
ในตอนนี้ เฟิงจื่อจวิ้นก็กระซิบบอกเสียงเบา “เรื่องนี้ผมทราบมานิดหน่อย”
ทั้งสองได้ยินแบบนี้ จึงหันมองเฟิงจื่อจวิ้นกันหมด
เหิงจื่อจวิ้นกระซิบเล่าเรื่องของฉินมู่หลาน หลังจากนั้นจึงพูดต่อ “ถึงหล่อนจะมาจากตระกูลเซี่ย แต่ก็เป็นแค่ลูกสาวคนหนึ่งของตระกูลรองเท่านั้น ไม่รู้ว่าไปรู้จักกับท่านรัฐมนตรีโม่ได้ยังไง”
“ที่แท้ก็มาจากปักกิ่งนี่เอง บางทีอาจจะแค่บังเอิญรู้จักรัฐมนตรีโม่ เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็มาจากปักกิ่งกันหมด”
ในตอนนี้โม่คุนได้หันมองฉินมู่หลานแล้วเอ่ยถาม “หมอฉิน พวกคุณก็มากินข้าวเหรอ งั้นพวกเรากินด้วยกันไหมครับ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดหันมองคนอื่นอีกหลายคนเสียไม่ได้
ไม่รอให้เฟิงจื่อจวิ้นพูด เฟิงชางเหล่ยก็บอกกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย ทุกคนมากินด้วยกันจะได้มีชีวิตชีวาขึ้น”
หลังจากพูดจบ เขาก็สั่งให้คนเปลี่ยนโต๊ะเป็นโต๊ะกลมขนาดใหญ่ทันที นอกจากนี้ยังเชื้อเชิญให้ฉินมู่หลานกับคนอื่นนั่งลงด้วยอย่างกระตือรือร้น
หลังจากทุกคนนั่งลงแล้ว เฟิงชางเหล่ยก็อดมองเซี่ยปิงชิงเสียไม่ได้ ก่อนจะพูดพร้อมรอยยิ้ม “ปิงชิง เธอรีบแนะนำพวกเราสิ พวกเรายังไม่รู้จักหมอฉินกับคนอื่น ๆ เลย”
ตั้งแต่ได้เยินว่ารัฐมนตรีโม่เรียกว่าหมอฉิน เขาก็เรียกว่าหมอฉินตามเหมือนกัน
เซี่ยปิงชิงได้ยินแบบนี้ก็ไม่ปฏิเสธ แล้วเริ่มแนะนำตัวทันที เมื่อถึงเวลาที่แนะนำเจี่ยงสือเหิง หล่อนก็พูดขึ้นว่า “คนนี้คือคู่ครองของฉันค่ะ”
เฟิงชางเหล่ยได้ยินแบบนี้ สีหน้าจึงดูไม่ค่อยดีนัก แต่เขาค่อนข้างโตผ่านประสบการณ์มาเยอะ จึงไม่พูดอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว แต่เฟิงจื่อจวิ้นกลับอดไม่ไหวแล้วเอ่ยด้วยความโกรธ “ปิงชิง เธอจริงจังเหรอ เธอ…”
เพียงแต่เขายังพูดไม่ทันจบ ก็โดยสีหน้าเคร่งขรึมของเฟิงชางเหล่ยขัดจังหวะเสียก่อน “จื่อจวิ้น…”
เฟิงจื่อจวิ้นเห็นสีหน้าพ่อดูไม่ค่อยดีนัก จึงไม่พูดอะไรอีก
หยวนเหยียนหลินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หันมองเจี่ยงสือเหิง ก่อนจะหันมองเฟิงจื่อจวิ้นอีกครั้ง ต้องขอบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือนิสัย เจี่ยงสือเหิงล้วนดีกว่าหมด เพียงแต่ตระกูลเซี่ยต้องการทำอะไรกัน พวกเขาไม่กลัวตระกูลเฟิงขุ่นเคืองอย่างนั้นเหรอ แต่เขาก็ดีใจเมื่อเห็นว่ามีเรื่องแบบนี้ หากทางฝั่งตระกูลเซี่ยลำบากขึ้น ตระกูลหยวนของพวกเขาก็มีแต่จะได้ประโยชน์
อีกคนที่ประหลาดใจคือโม่คุน
แม้เขาจะไม่ได้รู้จักเจี่ยงสือเหิงเป็นการส่วนตัว แต่เขาก็ทราบเรื่องเจี่ยงสือเหิงดี หัวหน้าตระกูลเจี่ยงคนปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเป็นผู้มีความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ทางสถาบันวิจัยขาดไม่ได้อีกด้วย เบื้องบนให้ความสำคัญมาก เพียงแต่…จากที่เขาทราบมา เจี่ยงสือเหิงอายุไม่น้อยแล้ว เซี่ยปิงชิงที่อยู่ข้าง ๆ ดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่สาวน้อยอยู่เลย อายุของทั้งสองจึงต้องต่างกันมากแน่นอน
แต่เมื่อมองสำรวจใบหน้าของเจี่ยงสือเหิงอีกครั้ง โม่คุนจึงได้เข้าใจ
ถ้าไม่พูดถึงอายุของเจี่ยงสือเหิง หน้าตาที่ดูอ่อนเยาว์แบบนี้ใครจะไปเดาได้ว่าอายุเท่าใด เขากับเจี่ยงสือเหิงอายุพอ ๆ กัน แต่เมื่อเทียบกับเจี่ยงสือเหิงแล้ว เขากลับดูอายุห่างจากเจี่ยงสือเหิงเกือบสองชั่วอายุ
เมื่อคิดได้แบบนี้ โม่คุนก็อดถอนหายใจไม่ได้ ทำไมคนเราถึงได้มีความลำเอียงมากมายขนาดนี้นะ
เซี่ยปิงชิงเมินคำถามของเฟิงจื่อจวิ้น จากนั้นก็แนะนำคนอื่น ๆ ที่เหลือต่อ
เฟิงจื่อจวิ้นเห็นเซี่ยปิงชิงเป็นแบบนี้ ก็ได้แต่รู้สึกเหมือนมีไฟสุมอยู่ในใจ อยากจะทำอะไรสักอย่างแต่รัฐมนตรีโม่ก็ยังอยู่ตรงนั้น จึงทำได้เพียงข่มสีหน้าบูดบึ้ง
เจี่ยงสือเหิงเหลือบมองเฟิงจื่อจวิ้น จากนั้นก็หันมองเซี่ยปิงชิงพร้อมรอยยิ้ม ทุกสายตาและหัวใจของเขาล้วนเป็นหล่อน สาวน้อยคนนี้คิดอยากจะแนะนำเขาตลอด เขาไม่ทราบเลย ตอนนี้ดูเหมือนว่า พวกเขาทั้งสองจะได้ลงเอยกันจริง ๆ ใช่ไหม
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ แววตาของเจี่ยงสือเหิงจึงมืดมนลง
เขาทราบว่าสาวน้อยอาจจะยังไม่ได้รู้สึกพิเศษกับเขา แต่ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว เขาจึงไม่อยากปล่อยไป
ฉินมู่หลานค่อนข้างมีความสุข เพราะเซี่ยปิงชิงเป็นคนที่น่าสนใจ จะต้อง ตอนแรกเธออยากจะพูดคุยกับเซี่ยปิงชิงสักหน่อย แต่โม่คุนหันมองมาแล้วพูดกับเธอเสียก่อน “หมอฉินครับ คุณมาที่นี่ครั้งนี้เพราะจะมาเยี่ยมผู้อาวุโสที่ซีอานใช่ไหม คุณจะอยู่นานแค่ไหนครับ?”
“ฉันมาที่นี่เพื่อจะมาหาตระกูลเซี่ยพร้อมกับพ่อบุญธรรมค่ะ เพราะพ่อบุญธรรมกับปิงชิงก็คบหากันมานานแล้ว ก็ควรจะมาเจอพ่อแม่ของปิงชิง”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เฟิงจื่อจวิ้นก็รู้สึกโกรธขึ้นมาอีกครั้ง ลูกสาวบุญธรรมของเจี่ยงสือเหิงคนนี้ช่างน่ารำคาญนัก น่ารำคาญพอ ๆ กับเจี่ยงสือเหิงเลย แต่โม่คุนนั่งอยู่ข้าง ๆ ฉินมู่หลาน และดูเหมือนว่าพวกเขาจะสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก เขาจึงไม่กล้าพูดอะไร
เฟิงชางเหล่ยก็อารมณ์ไม่ค่อยดีเช่นกัน เพียงแต่เขาเก็บสีหน้าเอาไว้ ก่อนจะถามกลับด้วยความอยากรู้อยากเห็น “สหายเจี่ยงเป็นพ่อบุญธรรมของหมอฉินเหรอ แต่สหายเจี่ยงยังดูเด็กมากเลยนะครับเนี่ย”
“อันที่จริงผมก็ไม่เด็กแล้วครับ สี่สิบแล้ว”
“อะไรนะ…”
ตอนนี้เฟิงชางเหล่ยกับหยวนเหยียนหลินรู้สึกแปลกใจมาก พวกเขาไม่คิดว่าเจี่ยงสือเหิงจะอายุมากขนาดนี้แล้ว “ถ…ถ้าอย่างนั้นจะไม่ห่างจากปิงชิงมากไปหน่อยเหรอ”
ไม่ต้องรอให้เจี่ยงสือเหิงเอ่ยตอบอะไร เซี่ยปิงชิงก็เปิดปากขึ้นก่อนแล้ว “อายุไม่ใช่ปัญหาค่ะ ฉันกับสือเหิงใจตรงกัน ก็ตกลงปลงใจด้วยกันได้เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว”