ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 426 กระตือรือร้น(2)
ตอนที่ 426 กระตือรือร้น(2)
เมื่อเห็นว่าเซี่ยปิงชิงคอยพูดถึงเจี่ยงสือเหิงอยู่ตลอด เฟิงชางเหล่ยจึงทราบว่าลูกชายตัวเองคงอกหักเสียแล้ว เขาก็รู้สึกเสียใจกับลูกชายเหมือนกัน แต่ตอนนี้คงไม่ใช่เวลาที่เหมาะจะพูดเรื่องแบบนี้ เขาจึงระงับความโกรธ ก่อนจะยิ้มแล้วพูดขึ้น “ใช่ไหมล่ะ ถ้าอย่างนั้นต้องขอแสดงความยินดีกับพวกเธอด้วยจริง ๆ”
“ขอบคุณค่ะคุณอาเฟิง”
เซี่ยปิงชิงขอบคุณตามมารยาท
เซี่ยปิงหรุ่ยรู้สึกชื่นชมน้องสาวตัวเองนิดหน่อยที่กล้าพูดออกมาต่อหน้าพ่อของเฟิงจื่อจวิ้นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง สมกับเป็นหล่อนจริง ๆ แต่เธอก็เห็นว่าน้องสาวมีใจที่หนักแน่น นี่เป็นเพราะหล่อนอยากอยู่เคียงคู่เจี่ยงสือเหิงจริง ๆ จึงได้แต่หวังว่าต่อไปน้องสาวจะสมหวัง
ในตอนนี้ อาหารก็เริ่มถูกนำวางเสิร์ฟเรื่อย ๆ เฟิงชางเหล่ยเริ่มเปิดบทสนทนาเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วเชื้อเชิญให้ทุกคนทานอาหารกันอย่างอบอุ่น และเขาก็มุ่งเป้าหมายไปที่การเอาอกเอาใจรัฐมนตรีโม่ “รัฐมนตรีโม่ พวกนี้ล้วนเป็นอาหารจานพิเศษของทางซีอาน คุณต้องได้ลิ้มรสความอร่อยแน่นอน”
“ครับ ขอบคุณสหายเฟิงนะครับ”
โม่คุนยกยิ้มแล้วเอ่ยขอบคุณ จากนั้นก็บอกให้ฉินมู่หลานกินอาหารเยอะ ๆ “หมอฉิน คุณเพิ่งมาซีอานครั้งแรกใช่ไหมครับ รีบลองทานอาหารพวกนี้เร็วเข้า”
“ได้ค่ะ”
ฉินมู่หลานยิ้มแล้วพยักหน้า ก่อนจะลงมือกินทันที
เฟิงชางเหล่ยเห็นท่าทางของโม่คุนที่ปฏิบัติกับฉินมู่หลานแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้นนิดหน่อย สัญชาตญาณของเขารู้สึกได้ทันทีว่าฉินมู่หลานต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน มิฉะนั้นโม่คุนคงไม่มีท่าทีเช่นนี้ แต่เขาคิดแล้วคิดอีกก็ยังคิดไม่ตกว่าลูกสาวของตระกูลเซี่ยตระกูลรองเพียงคนเดียวจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน ถึงทำให้โม่คุนปฏิบัติแบบนี้ด้วย
หยวนเหยียนหลินที่อยู่อีกด้านก็มองฉินมู่หลานด้วยความสงสัยเช่นกัน ขณะเดียวกันก็แอบเป็นกังวล วันนี้พวกเขามากินข้าวกับโม่คุนเพื่อปรึกษาหารือเรื่องงาน แต่ยังไม่ทันได้พูดถึงเรื่องงานก็ได้มาเจอพวกฉินมู่หลานเสียก่อน และท่าทางของโม่คุนที่ปฏิบัติต่อฉินมู่หลานยังเป็นขนาดนี้อีก นอกจากนี้ฉินมู่หลานยังมาจากตระกูลเซี่ย ทำให้พวกเขากังวลใจเรื่องนี้มาก
ฉินมู่หลานไม่ทราบว่าทั้งสองกำลังกังวลใจไปหมด เธอกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ขณะรับประทานก็เอ่ยชมไปด้วย “รสชาติดีมากค่ะ”
รัฐมนตรีโม่พยักหน้าแล้วกล่าวขึ้น “ใช่ครับ อร่อยมากจริง ๆ”
เจี่ยงสือเหิงก็รู้สึกว่ารสชาติอาหารค่อนข้างดีเช่นกัน เพียงแต่ตัวเขาเองไม่ได้กินมากขนาดนั้น กลับสนใจเซี่ยปิงชิงที่อยู่ข้าง ๆ ตลอด ตอนนี้เมื่อเซี่ยปิงชิงรู้สึกสนิทใจมากขึ้นแล้ว จึงยอมรับอาหาร ขณะเดียวกันก็ตักอาหารกลับมาให้เจี่ยงสือเหิงด้วย
เจี่ยงสือเหิงเห็นเซี่ยปิงชิงเป็นแบบนี้ มุมปากก็กระตุกยิ้มขึ้น เขาสัมผัสได้ ว่าสาวน้อยกับเขากำลังสนิทสนมกันมากยิ่งขึ้น เริ่มเคยชินกับการอยู่ใกล้เขาแล้ว
เฟิงจื่อจวิ้นสนใจพวกเขาทั้งสองคนมาก เมื่อได้เห็นความสัมพันธ์ของพวกเขา ก็กัดฟันดังกรอดจนแทบหัก
อาหารมื้อนี้จบลงด้วยความคิดอันหลากหลายของผู้คนมากมาย
โม่คุนเห็นว่าฉินมู่หลานกินเสร็จแล้ว จึงอดถามไม่ได้ “หมอฉิน พวกคุณจะไปที่ไหนต่อหรือครับ?”
“พวกเราจะกลับกันแล้วค่ะ”
หลังจากพูดจบ ฉินมู่หลานก็หันมองเฟิงชางเหล่ย และหันมองหยวนเหยียนหลินอีกครั้ง จากนั้นก็หันมองโม่คุนแล้วเอ่ยถาม “รัฐมนตรีโม่ ถ้าหากว่าไม่รังเกียจ เชิญไปนั่งที่บ้านได้นะคะ”
“ตกลงครับ”
โม่คุนยิ้มแล้วพยักหน้าตอบตกลง
เมื่อเห็นโม่คุนยอมรับคำเชื้อเชิญของฉินมู่หลาน หยวนเหยียนหลินก็ทนไม่ไหว แล้วเอ่ยตามตรง “รัฐมนตรีโม่ พวกเรายังตกลงเรื่องงานกันไม่เรียบร้อยเลยนะครับ”
โม่คุนยิ้มแล้วเอ่ยตอย “อันที่จริงผมพูดจบไปหมดแล้วนะครับ หากพวกคุณสนใจอยากร่วมงานกับองค์กรของพวกเรา ถ้าอย่างนั้นก็ส่งยาตัวใหม่มาให้ผมลองพิจารณาก่อน เมื่อได้เห็นผลลัพธ์แล้ว ผมจะให้คำตอบคุณภายหลังครับ”
หลังจากได้ฟังแบบนี้ หยวนเหยียนหลินก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจนิดหน่อย
ตอนแรกเขาคิดว่าจะตกลงเจรจาร่วมงานกันได้ภายในวันนี้ คิดไม่ถึงว่าโม่คุนจะปฏิเสธข้อตกลง แลวต้องรอให้พวกเขาได้เห็นผลลัพธ์ในการทดสอบก่อน อย่างที่ทราบกันว่านอกจากตระกูลหยวนของพวกเขาแล้วก็ยังมีอีกหลายตระกูลที่กำลังทำการติดต่อร่วมงานกับทางโม่คุน ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจว่าการเจรจาตกลงร่วมมือในครั้งนี้มีสิ่งผิดพลาดตรงไหน
เขาไม่ใจในยาตัวใหม่ของพวกเขามาก ดังนั้นจึงพยักหน้าแล้วบอกกล่าวตามตรง “ได้ครับ พรุ่งนี้ผมจะเอาของไปส่งให้ท่านครับ”
“ตกลง”
โม่คุนยิ้มแล้วพยักหน้า จากนั้นก็หันมองฉินมู่หลานแล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “หมอฉินครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมไปกับพวกคุณเลยครับ”
“ค่ะ”
ฉินมู่หลานยิ้มแล้วพยักหน้า หลังจากนั้นคนกลุ่มหนึ่งก็พาโม่คุนกลับไปที่บ้านตระกูลเซี่ย
บ
“ปิงหรุ่ย ปิงเซี่ย พวกเราไม่ไปลานหน้าบ้านนะ พวกเธอกลับไปกันก่อนเลย”
โม่คุนมาด้วย ฉินมู่หลานจึงคิดจะตรงไปที่ลานบ้านบริเวณด้านหลังทันที เพื่อความเป็นส่วนตัว
เซี่ยปิงหรุ่ยกับเซี่ยปิงชิงห็พยักหน้าแล้วตอบรับ “ได้สิ”
หลังจากเซี่ยปิงหรุ่ยกับเซี่ยปิงชิงไปแล้ว ฉินมู่หลานก็พาโม่คุนไปบริเวณลานบ้านด้านหลัง ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งเจอเห็นว่ามีแขกมา จึงรีบเข้าครัวทันที โชคดีที่นี่มีทุกอย่าง ทั้งสองจึงรีบชงชา แล้วปอกผลไม้
ฉินเจี้ยนเซ่อกับเซี่ยเหวินปิงพูดไม่ค่อยเก่งนัก หลังจากพูดคุยอยู่ไม่ก็คำ ก็กลับเข้าห้องแล้ว สุดท้ายจึงเหลือเพียงฉินมู่หลาน ฉินเคอวั่งและเจี่ยงสือเหิงอยู่ที่ห้องรับแขก
หลังจากโม่คุนจิบชาแล้ว ก็อดถามฉินมู่หลานเสียไม่ได้ “หมอฉินครับ เมื่อสักครู่ผมยังไม่ได้ถามคุณเลย ช่วงนี้คุณคิดผลิตยาตัวใหม่บ้างไหมครับ ถ้าหากเป็นแบบนั้น คุณต้องส่งมาให้เราลองเป็นที่แรกเลยนะครับ ยาที่คุณผลิตก่อนหน้านี้มีประโยชน์มากจริง ๆ”
เมิ่อพูดถึงยาที่ฉินมู่หลานเป็นผู้พัฒนา โม่คุนก็รู้สึกยกย่องมาก ผลลัพธ์ของตัวยาช่างน่าทึ่งจริง ๆ และยังมียาบางชนิดที่สามารถช่วยชีวิตคนได้ด้วย
ทางด้านฉินมู่หลานก็กำลังเร่งพัฒนายาอยู่จำนวนไม่น้อย เพียงแต่เธอคิดว่ายากพวกนี้เหมาะจะใช้ในฐานทัพมากกว่า นอกเหนือจากพวกนี้จึงยังไม่ได้คิดค้นยาตัวอื่นออกมาเลย ตอนนี้เมื่อได้ยินโม่คุนถามแบบนี้ เธอจึงเอ่ยถามกลับ “วันนี้ที่เจรจราร่วมมือกับตระกูลหยวน ก็เป็นยาที่ใช้สำหรับกองทัพด้วยใช่ไหมคะ?”
โมคุนก็ไม่ได้ปิดบัง เขาหยักหน้าแล้วบอกกล่าวตามตรง “ครับ ตระกูลหยวนพัฒนายาตัวใหม่ ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับพวกโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง แต่ผมยังไม่ทราบผลที่แน่ชัด จึงต้องรอผมกลับไปทดสอบก่อน จึงจะสามารถให้คำตอบกับตระกูลหยวนได้ครับ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ แววตาของโม่คุนก็เปล่งประกาย “จริงเหรอครับ นี่เป็นยาตัวใหม่ที่คุณผลิตออกมาเหรอครับ?”
“ถูกต้องค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นขอผมลองดูยาพวกนั้นได้ไหมครับ?”
ฉินมู่หลานส่ายหัวแล้วพูดขึ้น “ตอนนี้ฉันยังไม่มีของติดตัวค่ะ แต่หากคุณสนใจ ฉันก็สามารถสกัดให้คุณได้ลองดูในอีกสองสามวันได้ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลยครับ”
อีกด้านหนึ่ง หลังจากเซี่ยปิงหรุ่ยกับเซี่ยปิงชิงกลับไป ก็พบว่าผู้อาวุโสกำลังหัวเสีย
เซี่ยเหยียนซุ่นเห็นทั้งสองเพิ่งกลับมา ก็อดถามไม่ได้ “ทำไมพวกแกสองคนกลับมากันแค่นี้ล่ะ วันนี้พวกแกพาพวกมู่หลานออกไปข้างนอกไม่ใช่เหรอ?”
เซี่ยปิงหรุ่ยเล่าเรื่องวันนี้ให้ฟัง หลังจากนั้นจึงบอกกล่าวว่า “ทางฝั่งมู่หลานมีแขก จึงให้เรากลับมาก่อนค่ะ”
“พวกแกบอกว่า…ผู้ชายคนนั้นกำลังกินข้าวกับพวกเฟิงจื่อจวิ้น เฟิงชางเหล่ยกับหยวนเหยียนหลินก็อยู่ที่นั่นด้วยอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ ดูเหมือนว่าคุณอาเฟิงกับคุณอาหยวนกำลังตกลงเจรจาร่วมงานกับคุณโม่ แต่ว่ายังตกลงกันไม่ได้ค่ะ”
ตอนแรกเซี่ยเหยียนซุ่นไม่ได้สนใจนัก เพียงแต่เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายแซ่โม่ จึงอดขมวดคิ้วไม่ได้ ก่อนจะถามอย่างกระตือรือร้อน “คนๆ นั้นชื่อโม่คุนหรือเปล่า?”
“เรื่องนี้ไม่รู้ค่ะ พวกเรารู้แค่ว่าเขาแซ่โม่”
ถึงแม้ว่าหลานสาวทั้งสองจะไม่ทราบชื่อ แต่เซี่ยเหยียนซุ่นมั่นใจว่าตัวเองคาดเดาถูกแน่นอน เขาจึงหันมองเซี่ยปิงชิงด้วยแววตาเป็นประกาย ก่อนจะพูดขึ้น “ปิงชิง ตอนนี้แกรีบไปบอกพวกมู่หลานให้มากินข้าวด้วยกันเย็นนี้ ยังไงก็เชิญคุณโม่คนนั้นมาด้วยนะ”