ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 428 ไม่ต้องคิด(2)
ตอนที่ 428 ไม่ต้องคิด(2)
สมัยที่เขายังหนุ่มก็เคยเจอผู้อาวุโสเซี่ยมาครั้งหนึ่ง แต่นั่นคือเมื่อยี่สิบปีก่อน ในตอนนั้นตระกูลเซี่ยสูงส่งมาก เขายังเป็นเพียงเด็กฝึกงานหน้าใหม่ ไม่คิดว่าเมื่อได้กลับมาพบหน้ากัน ผู้อาวุโสเซี่ยจะแก่มากแล้ว และเขาเองก็เปลี่ยนจากวัยรุ่นเข้าสู่ชายวัยกลางคนแล้ว
เซี่ยเหยียนซุ่นรู้สึกอารมณ์ซับซ้อนนิดหน่อย ใครจะไปคิด ว่าเด็กหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเขาเคยได้เจอในตอนนั้นจะกลายเป็นคนที่เขาเคารพนับถือในตอนนี้
“รัฐมนตรีโม่ เชิญด้านในครับ”
เซี่ยเหยียนซุ่นเชิญโม่คุนเข้ามา แต่ถึงอย่างนั้นโม่คุนก็หันมองฉินมู่หลานแล้วพูดขึ้น “หมอฉินครับ รีบเข้ามาสิ พวกเราเข้าไปด้วยกัน”
ถึงแม้จะเคยได้ยินเรื่องที่หลานสาวทั้งสองเคยเล่าให้ฟังแล้วว่าความสัมพันธ์ของโม่คุนกับฉินมู่หลานก็ค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะดีขนาดนี้ เซี่ยเหยียนซุ่นจึงทราบได้โดยสัญชาตญาณว่ามีเบื้องหลังบางอย่างที่เขาไม่ทราบ แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไร แล้วเริ่มหันไปยิ้มทักทายฉินมู่หลานอีกครั้ง ในตอนนี้ สายตาที่เขามองฉินมู่หลานแตกต่างไปจากเดินนิดหน่อย หลานสาวของตระกูลรองนี้ไม่ธรรมดาเลย
หลังจากฉินมู่หลานและคนอื่นตามผู้อาวุโสเข้าไปข้างในก็รีบนั่งลงทันที
อาหารเย็นวันนี้ หรูหราเหมือนเมื่อวาน ฉินมู่หลานสำราญกับมื้ออาหารมาก โม่คุนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็กินเยอะมากเช่นกัน
เจี่ยงสือเหิงกับเซี่ยปิงชิงนั่งอยู่ด้วยกัน เขาไม่ได้กินเยอะขนาดนั้น แต่คอยนั่งแกะกุ้งและตักอาหารให้เซี่ยปิงชิง ดูแลสาวน้อยเป็นอย่างดี
เซิงลี่เห็นภาพนี้ จิตใจก็สั่นไหวนิดหน่อย
หล่อนเห็นว่าลูกสาวคนเล็กเข้ากับเจี่ยงสือเหิงได้ดีอยู่หลายครั้งแล้ว เจี่ยงสือเหิงก็ปฏิบัติกับลูกสาวคนเล็กประหนึ่งเป็นแก้วตาดวงใจ ไม่ใช่ว่าหล่อนมองไม่เห็นความรักนั้น แต่…เจี่ยงสือเหิงอายุมากไปหน่อย
ขณะที่เซิงลี่กำลังคิดถึงเรื่องนั้น ผู้อาวุโสก็เชิญให้โม่คุนกินอาหาร
โม่คุนยิ้มตอบ หลังจากนั้นก็กินไม่ไหวแล้วจึงวางตะเกียบลง
“ผู้อาวุโส พวกคุณตั้งใจต้อนรับมากเลยครับ ผมอิ่มมากเลย”
เมื่อเห็นว่าโม่คุนกินไม่ไหวแล้ว เซี่ยเหยียนซุ่นก็ไม่พยายามโน้มน้าวอีกต่อไป เซี่ยฉางเจี๋ยที่อยู่ข้าง ๆ ก็วางตะเกียบลงเหมือนกัน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้นิ่งสงบเท่าผู้อาวุโส เมื่อทนไม่ไหว จึงรีบเอ่ยถาม “รัฐมนตรีโม่ครับ วันนี้ตระกูลหยวนมีนัดกับคุณเหรอครับ”
โม่คุนได้ยินแบบนี้ก็หันไปมอง แล้วยกยิ้มไม่ได้พูดอะไร
เซี่ยฉางเจี๋ยเห็นแบบนี้ ไม่ว่าในใจจะรู้สึกเป็นกังวลมากแค่ไหนก็ไม่ถามอะไรอีก
เซี่ยเหยียนซุ่นเหลือบมองลูกชาย รู้สึกว่าลูกชายจะควบคุมตัวเองไม่ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ เขาจึงยิ้มแล้วมองโม่คุนก่อนจะพูดขึ้น “ทำให้รัฐมนตรีโม่ยิ้มได้แล้ว วันนี้แค่อยากจะเชิญมากินข้าวเท่านั้น เอาไว้มีโอกาสครั้งหน้าเรามาคุยกันนะครับ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ โม่คุนก็กล่าวลาพร้อมรอยยิ้ม “ผู้อาวุโส ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
“ได้ เดี๋ยวผมให้คนไปส่งคุณตรงที่พัก”
โม่คุนก็ไม่ปฏิเสธ เพราะบ้านตระกูลเซี่ยต้องขึ้นเขามาตั้งเกือบครึ่งทาง หากไม่มีใครไปส่ง เขาคงไม่สามารถเดินกลับเองได้
ในตอนนี้ ฉินมู่หลานก็ลุกขึ้นยืนเหมือนกัน แล้วบอกกล่าว “รัฐมนตรีโม่คะ เดี๋ยวฉันไปส่งค่ะ”
“ครับ”
เซี่ยฉางเจี๋ยก็จะไปส่งเหมือนกัน แต่เซี่ยเหยียนซุ่นกลับรั้งเอาไว้ก่อน “แกไม่ต้องหรอก ให้มู่หลานไปส่งก็พอแล้ว”
เมื่อเห็นพ่อพูดแบบนั้น เซี่ยหยางเซิงก็ทำได้เพียงนั่งลง
“ฉางเจี๋ย แกรีบร้อนเกินไปแล้ว”
“พ่อ พวกเราจะไม่รีบร้อนได้อย่างไร ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าตระกูลหยวนจะร่วมงานกับทางกองทัพ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าตอนนี้พวกเราต้องสานสัมพันธ์กับตระกูลเฟิงเอาไว้ ไม่คิดเลยว่าตระกูลหยวนจะดำเนินการเร็วขนาดนี้ นัดพบกับโม่คุนแล้ว หากตกลงร่วมมือกันได้สำเร็จ ทางฝั่งตระกูลของเราก็จะลำบากมากขึ้น”
เจี่ยงสือเหิงกับคนอื่นยังไม่ได้กลับไป ดังนั้นเซี่ยเหยียนซุ่นจึงมองลูกชายตัวเองด้วยความไม่พอใจ
เซี่ยฉางเจี๋ยก็รู้สึกว่าตัวเองพูดมากเกินไปแล้ว จึงรีบหยุดหัวข้อการสนทนาทันที โชคดีที่เขากับพ่ออยู่ห่างจากคนอื่น ๆ พอสมควร คงไม่มีใครได้ยินสิ้งที่เขาเพิ่งพูดไป
เจี่ยงสือเหิงกับเซี่ยปิงชิงได้ยินบทสนทนาของพวกเขาไม่ค่อยยชัดเจนนัก เพียงแต่เมื่อมองจากสีหน้า จะเห็นได้ว่าเซี่ยฉางเจี๋ยดูตื่นเต้นนิดหน่อย เจี่ยงสือเหิงจึงหันมองแล้วเอ่ยถามเซี่ยปิงชิง “ปิงชิง คุณต้องไปดูหน่อยไหม”
เซี่ยปิงชิงส่ายหัว แล้วกล่าว “ฉันไม่ไปหรอก เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่ได้มีอะไรมาก เห็นได้ชัดว่าคุณปู่กับคุณพ่อเชิญคุณโม่มาเพราะมีจุดประสงค์ เพียงแต่เชิญมาก็เปล่าประโยชน์ ดูจากท่าทางของรัฐมนตรีโม่แล้ว เขาไม่ยอมตอบคำถามคุณพ่อเลย ”
เจี่ยงสือเหิงก็เห็นเหมือนกัน แต่เขาถามมากก็คงไม่ดี ตอนนี้เมื่อเห็นเซี่ยปิงชิงกำลังจะกลับ เขาก็เดินไปส่งสาวน้อยกลับ
ซูหว่านอี๋ เหยาจิ้งจือและคนอื่น ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ ก็จะกลับไปที่ลานบ้านด้านหลังเช่นกัน หลังจากกล่าวลาผู้อาวุโสและเซิงลี่แล้ว ทุกคนก็กลับไป
ฉินมู่หลานไปส่งโม่คุนที่รถ หลังจากนั้นก็หันหลังกลับ แต่เธอไม่ได้ตรงกลับไปที่ลานบ้านด้านหลังในทันที ตรงไปที่ลานหน้าบ้านแทน
ผู้อาวุโสเห็นฉินมู่หลานเดินมา ก็รีบยกยิ้มแล้วเอ่ยถาม “มู่หลาน รัฐมนตรีโม่กลับแล้วเหรอ”
“ใช่ค่ะ กลับไปแล้วค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ผู้อาวุโสก็พยักหน้า ขณะที่กำลังจะพูดอะไรสักอย่าง เซี่ยฉางเจี๋ยก็เปิดปากถามขึ้นก่อน “มู่หลาน เธอรู้จักรัฐมนตรีโม่ได้ยังไงเหรอ?”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็มองเซี่ยฉางเจี๋ยพร้อมรอยยิ้ม แล้วบอกกล่าว “ทำไมคุณอาเซี่ยถึงสนใจรัฐมนตรีโม่ขนาดนั้นคะ หรือกลัวว่ารัฐมนตรีโม่จะตกลงร่วมมือกับตระกูลหยวน”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานพูดแบบนั้น เซี่ยฉางเจี๋ยก็มองฉินมู่หลานด้วยความแปลกใจ พลางเอ่ยถาม “มู่หลาน เธอรู้เรื่องอะไรมาเหรอ?”
“ใช่ค่ะ หนูทราบมานิดหน่อย ว่าพวกคุณอาไม่ค่อยถูกกับตระกูลหยวน แล้วก็ทราบด้วยว่าหากตระกูลหยวนตกลงร่วมมือกับรัฐมนตรีโม่เรื่องยาตัวใหม่ได้สำเร็จ ก็จะทำให้พวกคุณอาตอนนี้ตกที่นั่งลำบากกัน”
เซี่ยฉางเจี๋ยได้ยินแบบนี้ก็ดูสับสนนิดหน่อย ปรากฎว่าฉินมู่หลานทราบทุกเรื่องจริง ๆ
แต่ผู้อาวุโสกลับมุ่งความสนใจไปที่อย่างอื่น “มู่หลาน เธอบอกว่าตระกูลหยวนกำลังจะใช้ยาตัวใหม่เพื่อร่วมงานกับรัฐมนตรีโม่ แล้วหลานรู้ไหมว่ายาตัวใหม่ของตระกูลหยวนเป็นยาชนิดไหน”
“รู้ค่ะ เป็นยาที่ใช้รักษาโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง”
ในตอนนี้ แม้แต่เซี่ยฉางเจี๋ยก็ยังร็สึกตะลึง “มู่หลาน เธอรู้ได้ยังไง?” พวกเขาไม่เคยได้ยินข่าวลือมาก่อนเลย จึงไม่ทราบว่าตระกูลหยวนกำลังพัฒนายาชนิดใหม่ขึ้นมา ไม่คิดว่าฉินมู่หลานจะทราบเรื่องนี้
“อะไรนะ…”
เซี่ยฉางเจี๋ยหันมองด้วยความเหลือเชื่อ แล้วเอ่ยถาม “หรือว่าเธอสามารถทำให้ตระกูลหยวนร่วมมือกับกองทัพไม่ได้?”
ฉินมู่หลานไม่ได้สนใจเซี่ยฉางเจี๋ยเลย แต่กลับหันมองตรงไปที่เซี่ยนเหยียนซุ่นแทน
เซี่ยเหยียนซุ่นทราบว่าครั้งนี้ต้องแสดงจุดยืน เขาจึงไม่อ้อมค้อม แล้วกล่าวตามตรง “ปู่กำลังคิดว่า ถ้าเธอสามารถทำให้ตระกูลหยวนไม่สามารถร่วมงานกับโม่คุนได้ เธออยากได้อะไรก็ได้หมดเลย”
“อะไรก็ได้จริง ๆ เหรอคะ?”
“แน่นอน”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะขอให้พ่อบุญธรรมของฉันกับปิงชิงได้ลงเอยกัน”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เสนอเงื่อนไขมาแบบนี้ก็เข้าทางมู่หลานแล้วล่ะค่ะ
ไหหม่า(海馬)