ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 441 รับทราบแล้ว(2)
ตอนที่ 441 รับทราบแล้ว(2)
เหวินเฉียนดำเนินการเร็วมาก ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็เสร็จเรียบร้อย ได้ความว่าฉินจื้อเจียยินดีให้ความช่วยเหลือ พรุ่งนี้จึงจะออกเดินทางไปพร้อมกับโหยวหย่ง ผู้ที่จะไปกับพวกเขาด้วยคือเหวินเฉียน เพราะถึงอย่างไรโหยวหย่งกับฉินจื้อเจียก็ล้วนเป็นผู้ชาย หากเหมาชุนเถาไปด้วย หล่อนก็จะเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวท่ามกลางชายหนุ่มร่างโตทั้งสอง จึงอาจไม่สะดวกใจนิดหน่อย สุดท้ายฉินมู่หลานจึงตัดสินใจให้เหวินเฉียนไปด้วย
หลังจากฉินมู่หลานจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็รีบไปบอกคนในบ้านว่าจะไปมหาวิทยาลัย
“แม่ หนูจะไปมหาวิทยาลัย บอกเหมาชุนเถาให้หล่อนกลับไปพร้อมกับพวกโหยวหย่งในวันพรุ่งนี้”
ซูหว่านอี๋ทราบเรื่องของเหมาชุนเถาแล้ว ด้วยความหัวอกผู้หญิงด้วยกันจึงเห็นใจเหมาชุนเถาเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังลุ้นให้หล่อนชนะเพื่อที่จะนำตัวลูกชายมาอยู่ด้วย จึงรีบโบกมือแล้วเอ่ย “ได้ ลูกรีบไปเถอะ เอาไว้เหมาชุนเถากับลูกชายกลับมาปักกิ่งด้วยกันแล้ว ลูกก็เชิญทุกคนมากินข้าวที่บ้านนะ”
“ค่ะ”
ฉินมู่หลานยิ้มแล้วพยักหน้า หลังจากนั้นก็ตรงไปที่หอพักมหาวิทยาลัย
เมื่อเหมาชุนเถาทราบว่าพรุ่งนี้จะต้องไปแล้ว จึงถามด้วยสีหน้าแปลกใจ “จริงเหรอมู่หลาน ทำไมหาคนได้เร็วจัง”
“จริงน่ะสิ ซื้อตั๋วรถไฟเรียบร้อยแล้วด้วย ถึงเวลาเธอก็ออกเดินทางพร้อมกันได้เลย”
“ได้ ขอบคุณเธอมากจริง ๆ นะมู่หลาน”
ฉินมู่หลานยิ้มพลางส่ายหัวแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องขอบคุณหรอก ขอให้เธอพาตัวลูกชายมาที่ปักกิ่งได้สำเร็จนะ”
“อื้ม แน่นอน”
เมื่อเห็นสีหน้าของเหมาชุนเถาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ฉินมู่หลานก็อดตบบ่าหล่อนไม่ได้ “สู้ ๆ นะชุนเถา”
หลังจากนั้นก็บอกเวลานัดพบที่สถานีรถไฟในวันพรุ่งนี้ “พรุ่งนี้ตอนเช้าไปที่สถานีรถไฟได้เลย ถึงเวลาเดี๋ยวจะพาเธอไปให้รู้จักพวกโหยวหย่ง ฉันเองก็จะไปด้วย”
“ได้ ลำบากเธอแล้วล่ะ”
“ไม่ลำบากหรอก”
ฉินมู่หลานพูดอีกไม่กี่คำก็ขอตัวกลับไป เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น เธอกับเหวินเฉียนและโหยวหย่งก็ไปที่สถานีรถไฟด้วยกัน เมื่อพวกเขามาถึง ฉินเจื้อเจียกับเหมาชุนเถาก็ต่างมาถึงเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ทั้งสองไม่รู้จักกัน จึงนั่งกันคนละมุม มู่หลานจึงเดินเข้าไปแนะนำ ทุกคนจึงได้รู้จักกัน
เหมาชุนเถารู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้ง หลังจากนั้นก็ขึ้นรถไฟไปพร้อมกับพวกโหยวหย่ง
หลังจากฉินมู่หลานพาพวกเขาขึ้นรถไฟแล้ว เธอก็ตรงไปที่มหาวิทยาลัย
เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นฉินมู่หลาน จึงรีบเอ่ย “มู่หลาน ฉันได้ยินว่าวันนี้ชุนเถาจะกลับไปบ้านเกิดแล้ว”
“ใช่ พวกเขาขึนรถไฟกันแล้ว”
ได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็อดยกนิ้วให้ฉินมู่หลานเสียไม่ได้ “มู่หลาน เธอทำงานเก่งเกินไปแล้ว อยู่ ๆ ฉันก็ร็สึกว่าควรเริ่มหาซื้อของขวัญ แต่ก็ไม่รู้ว่าเด็กผู้ชายอายุแปดขวบจะชอบอะไร”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ยังไม่รู้เลยว่าพวกชุนเถาจะกลับมาเมื่อไหร่ เธอค่อย ๆ เตรียมก็ได้”
แต่เธอก็ยังเสนอแนวคิดของตัวเองให้ด้วย “ฉันว่าเธอซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันให้ก็ได้นะ เพราะต่อไปสองแม่ลูกจะต้องไปเช่าบ้านข้างนอก จะต้องซื้อของอีกเยอะเลย”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินแบบนี้ก็ตบหน้าผากตัวเอง “ทำไมฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยนะ ใช่ ซื้อของใช้ในชีวิตประจำวัน หลังจากนั้นก็ซื้อเสื้อผ้าเด็กให้อีกสักสองสามชุด”
เมื่อเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยเริ่มมีความคิดของตัวเองแล้ว ฉินมู่หลานจึงไม่พูดอะไรอีก
หลังจากทั้งสองกลับถึงหอพักในช่วงเที่ยง เฉินเซี่ยวอวิ๋นกับคนอื่น ๆ ก็ถามถึงเรื่องเหมาชุนเถา
“มู่หลาน ชุนเถาลาหยุดกับอาจารย์ของหล่อนหลายวัน หล่อนกลับบ้านเกิดแล้วเหรอ?”
สือหยวนฝูอยู่คณะและสาขาเดียวกัน จึงทราบเหมือนกันว่าอีกฝ่ายขอลา
เมื่อได้ยินแบบนี้ เฉินเซี่ยวอวิ๋นกับเกาซุนชิวก็ต่างหันไปมอง เพื่อรอคำตอบจากฉินมู่หลาน
ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่ หล่อนกลับบ้านเกิดแล้ว ฉันให้คนกลับไปพร้อมกับหล่อนด้วย เพื่อช่วยให้หล่อนทวงลูกคืนมาได้”
“มู่หลาน เธอทำงานเร็วจัง”
เฉินเซี่ยวอวิ๋นอดชื่นชมเสียไม่ได้ ได้แต่รู้สึกว่าฉินมู่หลานเก่งมาก ทันใดนั้นหล่อนก็รู้สึกว่าตัวเองควรเริ่มหาบ้านได้แล้ว
เกาซุนชิวที่อยู่ข้าง ๆ ก็คิดเหมือนกัน รู้สึกว่าควรรีบหาโรงเรียนประถมได้แล้ว
ในทางกลับกัน สือหยวนฝูสบายที่สุด ถึงเวลาก็แค่จ่ายเงินเท่านั้น ไม่ต้องทำอะไรแล้ว
เดิมทีทุกคนคิดว่าจะใช้เวลาสิบกว่าวันเป็นอย่างต่ำกว่าที่เหมาชุนเถาจะกลับมา ไม่คิดว่าเพียงแค่สองสามวันเท่านั้น หล่อนจะพาลูกชายกลับมาที่เมืองหลวงแล้ว
“ราบรื่นมากครับ”
โหยวหย่งพยักหน้าแล้วบอกกล่าวเพิ่มเติม เพียงแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะยังมีบางเรื่องที่ขึ้นอยู่กับเหมาชุนเถาว่าเต็มใจยอมให้พูดถึงได้หรือเปล่า “พี่สะใภ้ จัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
ฉินจื้อเจียที่อยู่ข้าง ๆ ก็เอ่ยตาม “ใช่ครับพี่สะใภ้ พวกเราขอกลับก่อนนะครับ”
ส่วนเหวินเฉียนต้องคอยคุ้มกันฉินมู่หลานตลอด จึงไม่ได้กลับไปด้วย เพียงแต่สีหน้าของหล่อนดูโกรธเคือง ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความฉุนเฉียว “โชคดีที่พวกเราชนะความได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ว่าจี๋เซียงจะโดนกลั่นแกล้งขนาดไหน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดหันมองเหมาชุนเถากับลูกชายของหล่อนเสียไม่ได้ เห็นเพียงเด็กผิวคล้ำผอมกะหร่อง ใบหน้าและลำคอมีแต่รอยฟกช้ำ
และดวงตาของเหมาชุนเถาก็บวมเป่งอีกครั้งแล้ว เห็นได้ชัดว่าเพิ่งผ่านการร้องไห้อย่างหนักมา ตอนนี้หล่อนพูดคุยกับฉินมู่หลานด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “มู่หลาน ขอบคุณนะ โชคดีที่เธอหาคนมาให้ได้ทันเวลาพอดี พวกเราจึงได้รีบไปที่นั้น ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่รู้เลยว่าจี๋เซียงตัวน้อยของฉันต้องทนทุกข์ทรมานขนาดไหน”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ส่ายหัวแล้วกล่าว “ไม่เป็นไร เธอพาลูกชายกลับมาได้ถือเป็นเรื่องดี”
เหมาชุนเถาก็มีความสุขเหมือนกันที่พาลูกชายตัวเองกลับมาได้ และคนในหอพักอีกหลายคนก็ช่วยเหลือกันเยอะมาก
“ใช่แล้ว ดีมากเหลือเกิน”
ขณะพูดหล่อนก็มองลูกชายตัวเองพร้อมรอยยิ้มก่อนจะพูดขึ้น “จี๋เซียง รีบขอบคุณน้าฉินเร็วเข้า ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อนช่วยหาคนให้แม่ไปพาตัวลูกกลับมา แม่คงพาลูกมาเร็วขนาดนี้ไม่ได้หรอก”
เหมาจี๋เซียงหันมองฉฺนมู่หลานด้วยสีหน้าเคร่งขรึม โค้งคำนับแล้วกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณครับน้าฉิน”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ตอนแรกได้ยินว่าเธอชื่อจี๋เซียง จากนี้ไปเธอจะได้ใช้ชีวิตดี ๆ ในปักกิ่งกับแม่ของเธอแล้วนะ”
“อื้ม”
ถึงแม้ว่าเด็กน้อยจะผิวเข้มและรูปร่างผอมกะหร่อง แต่แววตาของเขาก็เปล่งประกายสดใส
เดิมทีคืนนี้เหมาชุนเถาจะพาลูกชายออกไปพักห้องพักข้างนอก แต่สุดท้ายฉินมู่หลานก็บอกกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เซี่ยวอวิ๋นหาบ้านที่เหมาะกับพวกเธอสองแม่ลูกได้แล้ว พวกเธอเข้าพักที่นั่นได้เลย”
“อะไรนะ…ทำไมเร็วจัง”
เหมาชุนเถาได้ยินแบบนี้ สีหน้าก็ดูแปลกใจไปหมด
ฉินมู่หลานกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “พวกหล่อนเห็นฉันรีบเร่ง ก็เลยรีบทำตามที่เคยสัญญากันเอาไว้ หาที่พักได้เรียบร้อยแล้ว ส่วนโรงเรียนประถมก็หาได้แล้ว อีกสองวันเธอก็พาลูกไปลงทะเบียนเรียนได้เลย”
“ฮือ…มู่หลาน ขอบคุณพวกเธอ ขอบคุณพวกเธอมากจริง ๆ นะ”
เหมาชุนเถาไม่สามารถอดกลั้นได้ ร้องไห้ขึ้นทันที ยามอยู่บ้านเกิดหล่อนไม่เคยรู้สึกอบอุ่นมาก่อน แต่ตอนนี้กลับได้รับถึงความอบอุ่นจากผองเพื่อนร่วมห้อง
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สงสารเด็กมากเลย มาอยู่กับแม่ที่ปักกิ่งดีแล้วนะหนู
ไหหม่า(海馬)