ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 443 อยากรู้เหลือเกิน(2)
ตอนที่ 443 อยากรู้เหลือเกิน(2)
ฉินมู่หลานลองเล่ารายละเอียดที่เธอเคยเขียนงานก่อนหน้านี้ให้ฟัง จากนั้นจึงพูดต่อ “นี่คือบทความที่ฉันเคยเขียนเอาไว้ก่อนหน้านี้ เธอเองก็ลองเขียนบทความแล้วส่งไปให้คัดเลือกได้”
“ว้าว…มู่หลาน เธอเก่งจังเลย”
ครั้นเหมาชุนเถาทราบว่าฉินมู่หลานเคยทำรายได้จากการเขียนบทความต้นฉบับมาก่อน จึงได้แต่รู้สึกว่าเธอเก่งมาก
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มแล้วกล่าวขึ้น “จริง ๆ แล้วฉันคิดวิธีนี้ขึ้นมาได้ตอนที่ฉันยังไม่มีเงิน เพราะฉะนั้นเธอก็ลองดูได้นะ”
“อื้ม ฉันจะลองคิดอย่างละเอียดว่าจะเขียนอย่างไรดี”
เดิมทีเหมาชุนเถาคิดว่าวันข้างหน้าอาจเต็มไปด้วยความยากลำบาก แต่ตอนนี้กลับมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้นหล่อนจะตั้งใจทำงานหาเงินอย่างแน่นอน
ฉินมู่หลานพูดคุยกับเหมาชุนเถาต่ออีกสองสามประโยคก็กลับบ้าน หลังจากนั้นเธอก็ให้คนไปแจ้งคนอื่นในหอพัก เพื่อเชิญพวกเขาไปกินมื้อเที่ยงที่บ้านเหมาชุนเถาด้วยกันในวันพรุ่งนี้
หลังจากเซี่ยปิงหรุ่ยทราบข่าว วันรุ่งขึ้นก็รีบมาหาฉินมู่หลานแต่เช้า
“มู่หลาน พวกเราจะออกกันตอนไหนดี?”
“รอเดี๋ยวสิ นี่ยังเช้าอยู่เลย”
ฉินมู่หลานเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยมาหาตั้งแต่เช้าขนาดนี้ ก็อดถามไม่ได้ “ทำไมเธอมาเช้าจังล่ะ”
“ฉันอยู่บ้านคนเดียวก็ไม่มีอะไรทำก็เลยมาหาแต่เช้า” ขณะพูดก็หยิบถุงใบใหญ่ออกมาแล้วพูดขึ้น “ของพวกนี้ฉันเตรียมไว้ให้ชุนเถา ไม่รู้ว่าจะใช้ได้หรือเปล่า”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็หันมองแล้วเดินเข้าไปหา พบว่าเป็นเสื้อผ้าเด็กชุดใหม่สองชุด นอกจากนี้ยังมีเสื้อผ้าผู้หญิงอีกหนึ่งตัว เธอจึงหยิบเสื้อผ้าเด็กขึ้นมาดูแล้วพูดขึ้นว่า “เธอเลือกได้ดีเลยนะ จี๋เซียงน่าจะใส่ได้”
“ที่แท้ชื่อลูกชายของเหมาชุนเถาก็คือจี๋เซียงนี่เอง จริงสิ ชุนเถากลับบ้านเกิดครั้งนี้ราบรื่นดีไหม”
ฉินมู่หลานเล่าให้ฟังอีกครั้ง จากนั้นก็พูดขึ้น “ก็ราบรื่นแหละ แต่จี๋เซียงทรมานนิดหน่อย”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ฟังเรื่องที่เกิดขึ้นก็รู้สึกโกรธจัด “ทำเกินไปแล้ว บ้านสามีเก่าของชุนเถาเป็นแค่ถ้ำหมาป่าเท่านั้นแหละ ดีแล้วที่จี๋เซียงตามชุนเถามาอยู่ปักกิ่ง ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ว่าจะโดนทรมานยังไงอีก”
ขณะทั้งสองพูดคุยกัน เซี่ยปิงชิงก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยจึงรีบเอ่ยทักแล้วถามขึ้น “พี่ได้ยินข่าวที่บ้านหรือยัง?”
“ยังเลย ข่าวอะไรเหรอ?”
เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นท่าทางของเซี่ยปิงชิงดูแปลกไป พวกเขาเพิ่งกลับมาจากซีอานได้ไม่นานนี้เอง ที่บ้านมีข่าวอะไรอีก
เซี่ยปิงชิงได้ยินแบบนี้ก็คิ้วขมวด “ดูเหมือนว่าที่บ้านจะติดต่อฉันโดยตรง เฮ้อ…ฉันกับเจี่ยงสือเหิงเพิ่งหมั้นกันได้ไม่นานนี่เอง ตอนนี้คุณปู่กลับเร่งเร้าให้ฉันแต่งงานแล้ว ไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไร”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็อดหันไปมองเสียไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยถาม “ผู้อาวุโสบอกให้เธอแต่งกับพ่อบุญธรรมจริงเหรอ?”
“ใช่แล้ว ฉันไม่รู้เลยว่าคุณปู่คิดอะไรอยู่ ก่อนหน้านี้เคยดูถูกเจี่ยงสือเหิง พอมาตอนนี้กลับอยากให้ฉันรีบแต่งงานเร็ว ๆ”
“จริง ๆ แล้ว…ฉันว่าเธอกับพ่อบุญธรรมแต่งงานกันเร็ว ๆ ก็ดีนะ ถ้าเป็นแบบนี้ ต่อไปผู้อาวุโสกับคุณอาเซี่ยก็จะไม่ต้องคอยเร่งเร้าเธออีกไง”
เซี่ยปิงหรุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดล้อขึ้น “ถึงยังไงเธอก็มาอยู่กับคนอื่นแล้ว จะแต่งหรือไม่แต่งก็ไม่เห็นจะสำคัญตรงไหน”
เซี่ยปิงชิงจ้องมองเซี่ยปิงหรุ่ยอย่างโกรธเคือง พลางกล่าว “พี่ยุ่งอะไรด้วย สนใจเรื่องของตัวเองให้ดีก่อนเถอะ ฉันหมั้นแล้ว ตอนนี้ก็ถึงตาพี่แล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของเซี่ยปิงหรุ่ยก็แข็งทื่อ รู้สึกได้ว่าครอบครัวจะมาเร่งเร้าตนในเรื่องนี้เหมือนกัน
ฉินมู่หลานเห็นว่าสองพี่น้องกำลังจะเปิดฉากทะเลาะกันอีกแล้ว จึงอดหันมองแล้วพูดกับเซี่ยปิงหรุ่ยเสียไม่ได้ “เอาเถอะปิงหรุ่ย พวกเราไปที่บ้านชุนเถากันก่อนดีกว่า”
“ได้”
เซี่ยปิงหรุ่ยหยิบของขึ้นแล้วเดินออกไปพร้อมฉินมู่หลาน เมื่อพวกเธอมาถึง ก็พบว่าเฉินเซี่ยวอวิ๋น เกาซุนชิวและสือหยวนฝูมาถึงกันแล้ว
“มู่หลาน ปิงหรุ่ย พวกเธอมาแล้ว”
เฉินเซี่ยวอวิ๋นเห็นทั้งสองแล้วจึงยิ้มแล้วกล่าวทักทาย เนื่องจากเหตุการณ์นี้ ความสัมพันธ์ของพวกเธอจึงเริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น นอกจากนี้บทสนทนายังเริ่มเป็นกันเองมากขึ้นด้วย
“พวกเธอมากันแล้วเหรอ ฉันคิดว่าตัวเองกับปิงหรุ่ยมากันเร็วแล้วนะ”
หลายคนเดินเข้าไปข้างในขณะพูดคุยกัน และเฉินเซี่ยวอวิ๋นก็กล่าวต่อ “พวกเราก็เพิ่งมาถึงได้สักพักนี่เอง ชุนเถากับลูกชายกำลังยุ่งอยู่ในครัว เตรียมอาหารมื้อใหญ่ให้พวกเราอยู่เลย”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราลองไปดูว่าจะช่วยอะไรๆด้บ้างเถอะ”
ทุกคนรู้สึกเกรงใจเกินกว่าจะนั่งรอเฉย ๆ แต่เหมาชุนเถาไม่ยอมให้พวกหล่อนช่วย และบอกให้ไปนั่งคุยกันในห้องรับแขกแทน “อีกเดี๋ยวฉันก็ทำเสร็จแล้ว พวกเธอกินเมล็ดแตงโมกันไปก่อนนะ”
หล่อนไม่ได้ซื้ออย่างอื่นเลย มีเพียงเมล็ดแตงโมเท่านั้น
ฉินมู่หลานกับคนอื่นเห็นเหมาชุนเถาบอกแบบนี้ก็ไม่เอ่ยขัดอะไร และไปนั่งแทะเมล็ดแตงโมพลางพูดคุยกันแทน
เหมาชุนเถาจัดการเร็วมาก ประมาณสิบโมงครึ่งก็เตรียมอาหารมื้อใหญ่เสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ว้าว…ชุนเถา ไม่คิดเลยว่าเธอจะฝีมือดีขนาดนี้ มองแวบเดียวก็รู้ว่าอาหารพวกนี้ต้องอร่อยแน่”
เมื่อได้ยินเฉินเซี่ยวอวิ๋นพูดแบบนี้ เหมาชุนเถาก็ยิ้มแล้วกล่าว “ถ้าอย่างนั้นพวกเธอก็รีบนั่งลงกินกันเถอะ”
ทุกคนก็ไม่เกรงใจ หลังจากนั้งลงแล้วก็เริ่มกินอาหารทันที หลังจากกินเสร็จ เซี่ยปิงหรุ่ยก็หยิบของที่เตรียมมาแล้วพูดขึ้น “ชุนเถา ลองให้จี๋เซียใส่ดูว่าพอดีไหม”
เหมาชุนเถาเห็นเสื้อผ้าใหม่สะอาดตา ก็รีบปฏิเสธ “ปิงหรุ่ย เธอทำอะไรเนี่ย จี๋เซียงมีเสื้อผ้าที่ยังใส่ได้อยู่นะ”
“เธอรับไปเถอะ พวกหล่อนช่วยเธอหมดแล้ว ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ทำได้แค่ซื้อของบางอย่างให้เท่านั้น”
ฉินมู่หลานกับคนอื่นก็พูดเหมือนกัน “ใช่แล้วชุนเถา เธอรีบพาจี๋เซียงไปลองเถอะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยมีรสนิยมดี เมื่อจี๋เซียงตัวน้อยสวมใส่เสื้อผ้าก็ดูดีมาก เหมาชุนเถาเห็นลูกชายมีความสุข จึงรีบกลืนคำปฏิเสธทั้งหมดลงไป แล้วหันไปบอกเซี่ยปิงหรุ่ยว่า “ปิงหรุ่ย ขอบคุณนะ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก”
หลังจากทุกคนนั่งอยู่ที่นั่นสักพักก็เตรียมตัวจะกลับ
เซี่ยปิงหรุ่ยยังไม่อยากกลับบ้าน จึงเรียกฉินมู่หลานเอาไว้แล้วกล่าว “มู่หลาน ฉันจะไปบ้านเธอด้วย กลับด้วยกันเถอะ”
อีกหลายคนได้ยินแบบนี้ สุดท้ายก็อดถามไม่ได้ “ปิงหรุ่ย เธอกับมู่หลานอยู่ใกล้กันเหรอ ไม่อย่างนั้นทำไมเธอถึงตามมู่หลานกลับบ้านด้วยตลอดเลยล่ะ”
“จริง ๆ ก็ไม่ได้ใกล้กันหรอก แต่พวกเราค่อนข้างสนิทกัน แล้วน้องสาวฉันก็กำลังจะแต่งงานด้วย”
“อะไรนะ…”
เฉินเซี่ยวอวิ๋นกับสือหยวนฝูหันไปมองด้วยสีหน้าแปลกใจ แม้แต่สีหน้าของเกาซุนชิวก็ดูอยากรู้อยากเห็นมาก “จริงเหรอ?”
“จริงอยู่แล้ว น้องสาวของฉันกับพ่อบุญธรรมของมู่หลานหมั้นกันแล้ว”
“นี่…มู่หลาน ฉันอยากรู้เรื่องพ่อบุญธรรมของเธอเพิ่มจังเลย”
มู่หลานโตขนาดนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นพ่อบุญธรรมของเธอก็คงอายุมากแล้ว และน้องสาวของเซี่ยปิงชิงก็คงอายุยังไม่เยอะ แล้วทั้งสองหมั้นกันได้อย่างไร
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
นายน้อยเจี่ยงยังไม่แก่มากนะคะ สี่สิบต้นเอง
ปิงชิงพ้นสภาพผู้เยาว์แล้วชงได้ ถ้าต่ำกว่านี้จะไม่กล้าชงคู่นี้
ไหหม่า(海馬)