ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 448 งานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่(1)
ตอนที่ 448 งานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่(1)
หลังกำหนดวันเรียบร้อยแล้ว ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือจึงเริ่มเตรียมตัวจัดเตรียมบ้านให้พร้อมรับแขก จากนั้นถึงได้จัดโต๊ะจีนเลี้ยงฉลองขึ้นบ้านใหม่
นอกจากนี้ฉินมู่หลานยังเขียนจดหมายบอกข่าวกับเซี่ยเจ๋อหลี่ด้วย เผื่อว่าเขากลับมาช่วงพักร้อนแล้วจะไม่ทราบว่าพวกเขาย้ายไปแล้ว
“มู่หลาน ตอนงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ ลูกไปชวนเพื่อนร่วมห้องของพวกลูกมาด้วยสิ พวกหล่อนจะได้ไปกินอาหารที่บ้านด้วยกัน”
“ได้ค่ะ”
ฉินมู่หลานยิ้มแล้วตอบตกลง ขณะเดียวกันก็เงยหน้าขึ้นมองซูหว่านอี๋แล้วเอ่ยถาม “แม่คะ แล้วถึงเวลาจะต้องเชิญใครอีกไหม?”
พูดถึงเรื่องนี้ ซูหว่านอี๋ก็ยิ้มแล้วกล่าวตามตรง “ก็ต้องชวนคนสนิทมาบ้าง แม่กับแม่สามีของลูกเขียนคำเชิญไปบ้างแล้ว ถึงตอนนั้นก็ไปเชิญพวกนายท่านเหยามา จากนั้นก็เชิญพวกนายท่านเซี่ยด้วย”
แต่เมื่อพูดถึงนายท่านเซี่ยแล้ว สีหน้าท่าทางของซูหว่านอี๋ก็ดูเมินเฉยนิดหน่อย
“แม่คะ ถึงเวลาก็เชิญครอบครัวลุงเสิ่นด้วยสิคะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ซูหว่านอี่ก็รีบพยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่แล้ว ควรเชิญพวกเขามาด้วย จริงสิ หรูฮวนจะคลอดเดือนหน้าแล้วใช่ไหม?”
ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วเอ่ย “ใช่ค่ะ คลอดประมาณสิ้นเดือนหน้า”
“เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ หรูฮวนจะคลอดลูกแล้ว ไม่รู้ว่าถึงตอนนั้นซวี่ตงจะกลับมาได้ไหม”
ฉินมู่หลานก็ไม่แน่ใจในเรื่องนี้เหมือนกัน
“เรื่องนี้ยังบอกไม่ได้ค่ะ หากพวกเขาไม่ได้ออกไปทำภารกิจข้างนอกก็กลับมาได้ค่ะ แต่ถ้าต้องออกไปทำภารกิจ ซวี่ตงก็อาจจะมาไม่ทันตอนที่หรูฮวนคลอด”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ซูหว่านอี๋ก็ถอนหายใจแล้วเอ่ย “เรื่องนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะงานของอาหลี่กับซวี่ตงเป็นแบบนี้ ก็มีแต่ต้องเตรียมใจ เพราะสามีอยู่ด้วยตลอดไม่ได้ ไม่รู้ว่าต่อไปหรูฮวนจะไปอยู่ที่ฐานทัพด้วยหรือเปล่า”
“จะไปฐานทัพ ก็ต้องรอให้ลูกโตสักหน่อย ไม่อย่างนั้นหรูฮวนเลี้ยงคนเดียวคงลำบากมากแน่”
“ใช่แล้ว”
หลังจากสองแม่ลูกพูดคุยเรื่องเสิ่นหรูฮวนสักพัก ฉินมู่หลานก็ถามขึ้น “แล้วถึงเวลาต้องเชิญพวกคุณลุงไหมคะ?”
ซูหว่านอี๋พยักหน้าแล้วกล่าว “ยังไงก็ต้องเชิญ พวกครอบครัวคุณลุงของลูกก็ไม่ได้ทำตัวเกินหน้าเหมือนป้าของลูก คนอื่นค่อนข้างดี นอกจากนี้อวี้เฟิ่งกับจาวตี้ก็ทำงานในโรงงานได้ดีมาก แม่ยังคิดจะเลื่อนตำแหน่งให้ทั้งสองคนด้วย”
มู่หลานให้ความสนใจเฉพาะเรื่องการวิจัยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวใหม่รวมถึงเรื่องการจัดจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าและการจำหน่ายในต่างประเทศ เรื่องทุกอย่างในโรงงานจึงให้แม่และแม่สามีเป็นคนจัดการ เธอจึงไม่ได้เฝ้าดูลูกพี่ลูกน้องทั้งสองมานานแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของแม่ ก็อดยิ้มพลางกล่าวไม่ได้ “เหรอคะ ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ แสดงว่าพวกพี่ทั้งสองทำงานได้ดีมาก”
ซูหว่านอี๋ยิ้มพยักหน้าแล้วเอ่ย “ใช่แล้ว แม่ไม่เคยเห็นจาวตี้กับอวี้เฟิ่งมีความสามารถเท่านี้มาก่อนเลย หลังจากได้ร่วมงานกันมาสักระยะแล้ว ก็เห็นว่าพวกหล่อนค่อนข้างใช้ได้เลยทีเดียว”
“แค่ทั้งสองประพฤติดี ตั้งใจทำงาน ก็นับว่าดีแล้วค่ะ”
“ใช่แล้ว ขอแค่ทั้งสองทำงานดี ทุกอย่างก็เรียบร้อย”
สองแม่ลูกพูดถึงเรื่องโรงงาน จึงได้คุยเรื่องผลิตภัณฑ์ตัวล่าสุดโดยไม่รู้ตัว
“จริงสิมู่หลาน แม่เกือบลืมบอกลูกไปเลย ก่อนหน้านี้เจินจูมาหาลูก แต่บังเอิญวันนั้นลูกไม่อยู่บ้าน แม่ก็เลยบอกว่าเดี๋ยวจะบอกลูกให้ ดูสิสมองแม่ เกือบลืมบอกลูกไปเลย”
เมื่อได้ยินว่าเยว่เจินจูหาตัวเอง ฉินมู่หลานก็คาดเดาได้นิดหน่อยว่าหล่อนมาหาตัวเองเรื่องอะไร “อย่างนั้นเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้หนูไปหาหล่อนที่ห้างเอง ดูว่าหล่อนมีธุระอะไร”
“ได้”
เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น ตอนที่ฉินมู่หลานไปมหาวิทยาลัยก็ได้เชิญเพื่อนร่วมห้องหลายคน “วันที่ยี่สิบสองที่บ้านจะจัดงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ ถ้าพวกเธอว่างกัน ก็ไปร่วมกินเลี้ยงกันได้นะ”
เหมาชุนเถากับพวกเฉินเซี่ยวอวิ๋นได้ยินก็พากันพยักหน้าแล้วกล่าว “ได้สิ ถึงเวลาพวกเราจะไป”
“ชุนเถา อย่าลืมพาจี๋เซียงมาด้วยนะ วันนั้นบังเอิญเป็นวันอาทิตย์พอดี พวกเธอมาด้วยกันเลย”
เหมาชุนเถาก็ไม่ปฏิเสธ ยกยิ้มแล้วพยักหน้า
หลังจากเลิกเรียนพักเที่ยงแล้ว ฉินมู่หลานไม่ได้ไปที่โรงอาหารกับเซี่ยปิงหรุ่ย “ปิงหรุ่ย ตอนเที่ยงฉันจะออกไปข้างนอกหน่อย จะกลับมาช่วงคาบเรียนบ่ายนะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินแบบนี้ก็อดถามไม่ได้ “เธอมีธุระเหรอ?”
“ไปหาเพื่อนที่ห้างน่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
ฉินมู่หลานตรงไปที่ห้างสรรพสินค้า เมื่อเห็นว่าเยว่เจินจูอยู่ที่นั่น ก็ตรงเข้าไปทันที “เจินจู ได้ข่าวว่าเธอตามหาฉันเหรอ”
เยว่เจินจูเห็นฉินมู่หลาน ก็อดพูดไม่ได้ “มู่หลาน เธอว่างมาหาแล้วเหรอ ก่อนหน้านี้ฉันไปหาเธอก็ไม่เจอเลย”
“บังเอิญวันก่อนฉันไม่อยู่ เธอมีธุระอะไรเหรอ?”
เยว่เจินจูรีบดึงให้ฉินมู่หลานนั่งลง จากนั้นก็ยื่นนิตยสารให้เธอดู “มู่หลาน เธอดูนี่สิ”
ฉินมุ่หลานได้ยินแบบนี้ก็มองตรงไป ก่อนจะพบว่านี่เป็นนิตยสารจากฮ่องกง บนหน้าปกเป็นดาราสาวสวยของฮ่องกงที่ทาปากสีแดงเพลิง ตอนแรกเธอยังคิดไม่ออก จึงอดถามไม่ได้ “เธออยากให้ฉันดูการแต่งหน้าของดาราฮ่องกงคนนี้เหรอ?”
“ใช่แล้วล่ะ”
เยว่เจินจูคิดไม่ถึงว่าฉินมู่หลานจะคาดเดาได้แล้ว หล่อนชี้ไปที่ดาราบนปกแล้วพูดขึ้น “เธอดูสิ การแต่งหน้าแบบนี้ดูสวยมาก เครื่องสำอางของพวกเราก็สร้างสรรค์ความงามแบบนี้ได้เหมือนกัน”
ฉินมู่หลานพยักหน้าตามตรงแล้วพูดขึ้น “ใช่แล้ว แต่งออกมาแบบนี้ได้จริง ๆ”
ก่อนหน้านี้ตัวเองก็พัฒนาเครื่องสำอางมาหลากหลายชนิด ถึงแม้จะไม่ได้หลากหลายเท่ายุคปัจจุบัน แต่สำหรับวงการอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในตอนนี้ ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาถือว่านำหน้าแบรนด์อื่น ตอบสนองความต้องการของใครหลายคนได้อย่างแน่นอน ขอเพียงมีฝีมือการแต่งหน้าดีก็แต่งหน้าแบบนี้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด
เมื่อเยว่เจินจูเห็นฉินมู่หลานพูดเพียงเท่านี้ จึงแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมาด้วยความกังวลใจ
“มู่หลาน เธอไม่รู้หรอกว่าฉันพยายามมากแค่ไหนกว่าจะได้นิตยสารเล่มนี้มา แต่ทั้งหมดนี้ก็คุ้มค่า ตอนที่ฉันเห็นปกนี้ฉันก็มีความคิดขึ้นมาว่าเราให้ดารานักแสดงลองใช้ผลิตภัณฑ์ของพวกเราได้”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดตะลึงไม่ได้ ทำไมเธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยนะ
“เธอจะบอกว่า…จะให้ส่งเครื่องสำอางของเราไปให้กับนักแสดงในบริษัทภาพยนตร์พวกนั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ สินค้าของเราต้องเป็นที่นิยมขึ้นมากแน่นอน”
ฉินมู่หลานยังคงกังวลนิดหน่อย “ผลิตภัณฑ์ของพวกเราราคาไม่ใช่น้อย ๆ ไม่รู้ว่าจะเสนอให้ดารานักแสดงพวกนั้นได้หรือเปล่า”
ดารานักแสดงยุคนี้ไม่เหมือนกับยุคปัจจุบัน ยุคนี้อาชีพดารานักแสดงเทียบเท่ากับคนงานทั่วไป พวกเขาจึงไม่มีรายได้มากนัก
เยว่เจินจูก็พิจารณาเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน “มู่หลาน ฉันว่าเราลองดูก็ได้นะ แล้วก็…”
หลังจากพูด หล่อนก็รู้สึกไม่แน่ใจขึ้นมานิดหน่อย “คือฉันไม่รู้ว่าเครื่องสำอางของพวกเราจะขายในฮ่องกงได้หรือเปล่า แต่เท่าที่ฉันได้ยินมา คนในฮ่องกงมีกำลังทรัพย์สูงอยู่นะ พวกเขาต้องซื้อได้แน่นอน”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็เกิดชุดความคิดขึ้น
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ลองดูสักตั้ง อาจเป็นที่นิยมในหมู่ดารานักแสดงจนเป็นกระแสในวงกว้างก็ได้นะ
ไหหม่า(海馬)